
ความขัดแย้งไทย-กัมพูชาอาจบานปลายได้
ปักกิ่ง 25 ก.ค. – ผู้เชี่ยวชาญด้านกิจการทหารของจีนกล่าววานนี้ว่า การปะทะกันระหว่างไทยกับกัมพูชากำลังทวีความรุนแรงขึ้นด้วยการนำอาวุธหนัก เช่น เครื่องบินรบและปืนใหญ่จรวดมาใช้ หลังเกิดเหตุการณ์ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดนที่มีข้อพิพาท พร้อมกับเตือนถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดความรุนแรงยิ่งขึ้นระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านที่ต่างก็เป็นมิตรประเทศของจีน จาง จุนเซ่อ ผู้เชี่ยวชาญด้านกิจการทหารของจีน กล่าวกับโกลบอล ไทมส์ (Global Times) หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษของทางการจีนในวันพฤหัสบดีว่า การที่กองทัพไทยนำเครื่องบินขับไล่ เอฟ-16 มาใช้และกัมพูชานำเครื่องยิงจรวดมาใช้ แสดงให้เห็นถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาที่กำลังย่ำแย่ลง ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะบานปลายต่อไป จากมุมมองทางทหารแล้ว ประเทศไทยได้มีความได้เปรียบเนื่องจากมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยกว่า นายจางกล่าวว่า ทั้งประเทศไทยและกัมพูชาเป็นเพื่อนบ้านที่เป็นมิตรของจีน และสถานการณ์ที่อาจจะบานปลายนี้ไม่เป็นผลดีต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือต่อทั้งภูมิภาค วิธีที่ดีที่สุดคือการแก้ไขปัญหาอย่างสันติผ่านการเจรจา สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า สาเหตุของการปะทะล่าสุดเกิดจากทุ่นระเบิด โดยไทยกล่าวหากัมพูชาในสัปดาห์นี้ว่าวางทุ่นระเบิดในพื้นที่พิพาทซึ่งทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ ในขณะที่กัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวและกล่าวว่าทหารลาดตระเวณออกจากเส้นทางที่ตกลงกันไว้และเหยียบทุ่มระเบิดเก่าที่หลงเหลือมาจากสงครามในกัมพูชา สำหรับจีนมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการช่วยเหลือประเทศต่างๆ รวมถึงกัมพูชาในการแก้ไขปัญหาทุ่นระเบิด ซึ่งจางกล่าวว่าเป็นการแสดงความรับผิดชอบของจีนในการปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค ในปี 2567 มหาวิทยาลัยวิศวกรรมกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนได้จัดหลักสูตรเก็บกู้ระเบิดสองหลักสูตรสำหรับบุคลากรจากกัมพูชาและลาว ที่เป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดจากทุ่นระเบิด กองทัพจีนให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความร่วมมือระหว่างประเทศในการเก็บกู้ระเบิด ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา จีนได้ฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญด้านการเก็บกู้ระเบิดกว่า 700 คนจากกว่า 20 ประเทศ และส่งกลุ่มผู้เชี่ยวชาญไปต่างประเทศเพื่อดำเนินการสอนภาคสนามหลายครั้ง.-813.-สำนักข่าวไทย