สนง.ผู้ตรวจการแผ่นดิน 25 พ.ค.-“ศรีสุวรรณ” ร้องผู้ตรวจส่งศาล รธน.วินิจฉัย พ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้าน และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ พร้อมร้องสอบเจ้าหน้าที่รัฐติดสินบนผู้ประกอบการโรงแรมแลกการได้เป็นสถานที่กักตัว
นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินขอให้พิจารณาและเสนอเรื่องพร้อมความเห็นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามาตรา 16 ของพ.ร.ก.การบริหารราชการสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ที่กำหนดว่าข้อกำหนด ประกาศ คำสั่งหรือการกระทำตามพ.ร.ก.นี้ไม่อยู่ในการบังคับของกฎหมายว่าด้วยวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง และกฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 197 หรือไม่ เนื่องจากเห็นว่า ตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจรัฐบาลออกข้อกำหนดจำนวนมาก ปัจจุบันมีมากกว่า 7 ฉบับ และถ้ารวมคำสั่งของศบค.ด้านความมั่นคงออกมาแล้วมากกว่า 15 ฉบับ ส่วนใหญ่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน กระทบต่อการประกอบอาชีพ แต่ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบไม่สามารถใช้สิทธิต้แย้งศาลได้ เพราะบทบัญญัติตามมาตรา16 จึงเห็นว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ
นายศรีสวุรรณ เรียกร้องให้เสนอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การที่รัฐบาลอาศัยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ออกพ.ร.ก.การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ พ.ศ.2563 โดยให้อำนาจธนาคารแห่งประเทศไทยกู้เงินม่เกิน 4 แสนล้านบาท เพื่อซื้อตราสารหนี้ของภาคเอกชนขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 ประกอบมาตรา 140 หรือไม่ เนื่องจากเห็นว่าการซื้อขายตราสารหนี้ ผู้ชื้อย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่า จะต้องมีเรื่องของการขาดทุนหรือกำไร
“การลงทุนในตราสารหนี้มีทั้งคนไทยและคนต่างชาติ แต่รัฐบาลกลับให้ธนาคารแห่งประเทศไทยกู้เงิน 4 แสนบ้านบาทไปซื้อตราสารหนี้ของภาคเอกชน ซึ่งล้วนเป็นบริษัทร่ำรวย และเป็นการเปิดช่องให้ธปท.เอื้อประโยชน์ต่อเอกชนบางรายได้ ซ้ำยังระบุว่าถ้าขาดทุน อนุญาตให้กระทรวงการคลังเข้าไปอุดหนุนในวงเงินไม่เกิน 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นเงินภาษีของประชาชน จึงเห็นว่าเป็นการใช้เงินอย่างไม่ถูกต้อง ประกอบกับรัฐธรรมนูญกำหนดเงื่อนไขการออกพ.ร.ก.ว่าต้องเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วน แต่กรณีนี้เป็นการมาซื้อตราสารหนี้ของเอกชน ซึ่งเอกชนสามารถดำเนินการเองได้ รวมทั้งเห็นว่าถ้าออก พ.ร.ก.แม้จะต้องผ่านการพิจารณาของสภาทำได้แค่อภิปราย เห็นชอบหรือไม่ก็โหวตให้ตกไปทั้งฉบับหรือไม่เท่านั้น สภาไม่สามารถปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงพ.ร.ก.ได้” นายศรีสุวรรณ กล่าว
นายศรีสุวรรณ ขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบกรณีกลุ่มผู้ประกอบการโรงแรมและธุรกิจท่องเที่ยวในจังหวัดชลบุรีระบุว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐ เรียกรับสินบจากกลุ่มผู้ประกอบการ เพื่อแลกกับการที่โรงแรมจะได้รับคัดเลือกเป็นสถานที่กักตัว โดยแลกหัวคิว 30-40 เปอร์เซ็นต์จากเงินที่รัฐบาลจ่ายให้ 1000 บาท ต่อรายต่อวัน โดยเห็นว่าเป็นเรื่องใหญ่ และคนที่ออกมากล่าวเป็นผู้ประกอบการเอง จึงน่าเชื่อถือ ซึ่งไม่ควรฉกฉวยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 มาหาผลประโยชน์ และเรื่องแบบนี้คงไม่มีใครกล้าทำ นอกจากคนในศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19 : ศบค.)
“ขณะนี้เริ่มมีกระแสข่าวว่าเป็นคนในราชการอักษรย่อ พ. พาน จึงอยากให้ผู้ตรวจไปตรวจสอบ และควรจะต้องสอบโฆษกศบค. ด้วยที่ออกมาปฎิเสธข่าวทันที ทั้งที่ยังไม่ได้สืบสวนสอบสวนเลย อาจจะมีการเกี่ยวพันหรือเกี่ยวโยงกันก็ได้ เรื่องนี้สร้างความอับอายไปทั่งโลก ยังไม่มีการสืบสวนสอบสวน ออกมาแก้ข่าวได้อย่างไร” นายศรีสุวรรณ กล่าว .-สำนักข่าวไทย