กรุงเทพฯ 23 พ.ค.-“ยุทธพร” ชี้เพื่อไทยปรับยุทธศาสตร์แตกตัวตั้งพรรคใหม่ หลังไม่มีเอกภาพ เชื่อไม่มีผึ้งแตกรังเหมือนถูกยุบ แต่ต้องจับตาทิศทางอนาคต รอดูโฉมใหม่ว่าจะทำให้ได้เปรียบทางการเมืองมากที่สุด
นายยุทธพร อิสรชัย นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์และกฎหมายมหาชน กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของอดีตแกนนำพรรคเพื่อไทยตั้งพรรคการเมืองใหม่ ว่า มาจากปัจจัยโครงสร้างของเพื่อไทยเองที่เป็นองค์กรทางการเมืองขนาดใหญ่ที่มีกลุ่มการเมืองหลากหลาย ทั้งเชิงอุดมการณ์ ความคิดทางการรเมือง ซึ่งที่ผ่านมาภาพผู้นำพรรคไม่ชัดเจน ไม่มีเอกภาพ จึงจำเป็นต้องแตกสาขาเพื่อให้ข้อขัดแย้งและความเห็นที่ไม่ตรงกัน ทำให้เกิดปัญหาในการทำงานทางการเมือง โดยปรับยุทธศาสตร์ ปรับตัวไม่ให้ล้าหลัง นอกจากนี้ยังมีบริบททางการเมืองโดยเฉพาะรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ทำให้กติกาทางการเมืองเปลี่ยนโฉมหน้า การมีบทบัญญัติต่าง ๆ ที่กำกับพรรคการเมือง และบริบททางสังคมที่พรรคการเมืองต้องตอบสนองความท้าทายใหม่ ๆ ต่อข้อเรียกร้องเฉพาะกลุ่ม อีกทั้งโครงสร้างคะแนนเสียงของสภาผู้แทนราษฎรที่เปลี่ยนแปลงไปหลังยุบพรรคอนาคตใหม่
นายยุทธพร กล่าวว่า บทบาทแกนนำหลายคนของอดีตแกนนำพรรคเพื่อไทยหลายคน ทั้งนายจาตุรนต์ ฉายแสง นายภูมิธรรม เวชยชัย และนายพิชัย นริพทะพันธุ์ ที่เคลื่อนไหวตั้งพรรคใหม่ ทำให้เกิดคำถามว่าการเกิดขึ้นของพรรคเกิดใหม่จะเป็นรูปโฉมใดที่จะทำให้ได้เปรียบทางการเมืองมากที่สุด ซึ่งรัฐธรรมนูญ 2560 มีข้อกำหนดไว้ ทำให้ต้องมองสถานการณ์ก่อนและหลังการเลือกตั้ง
“การแตกแบงค์พันแบงค์ร้อย เป็นพรรคเล็ก หลายพรรค จะได้เปรียบเพราะระบบเลือกตั้งเป็นแบบจัดสรรปันส่วนผสม แต่พรรคเล็กจะมีข้อจำกัดการทำงานการเมือง เพราะกฎหมายพรรคการเมืองกำกับให้พรรคถูกยุบง่าย แต่ตั้งพรรคยาก และมีข้อกำหนดเพิ่มขึ้นหลายประการ เอกภาพพรรคใหญ่มีมากกว่าพรรคเล็ก ถ้าพรรคใหม่เกิดมาหลังการเลือกตั้ง อาจตั้งเพื่อเตรียมเลือกตั้งครั้งหน้า แต่ถ้าเกิดขึ้นเพื่อทำงานในสภา โอกาสที่จะเห็นความไม่เป็นเอกภาพของฝ่ายค้านก็มีเช่นกัน” นายยุทธพร กล่าว
เมื่อถามถึงสถานการณ์ในพรรคเพื่อไทยจะเป็นอย่างไรหลังมีกระแสข่าวคนแห่ทิ้งพรรคไปตั้งพรรคใหม่ นายยุทธพร กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยยังตรึงรักษาฐานที่มั่นไว้ ไม่น่าถึงขึ้นมี ส.ส.ลาออกจากพรรคเพื่อไทยไปร่วมตั้งพรรคการเมืองใหม่ เพราะมีเรื่องสมาชิกภาพมาเกี่ยวข้อง ไม่มีผึ้งแตกรังเหมือนถูกยุบพรรค แต่ความระส่ำระสายจะเกิดขึ้นกับทิศทางของพรรค เพราะคนในเพื่อไทยจะตัดสินใจอย่างไรกับอนาคตของตนเองสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า.-สำนักข่าวไทย