ศบค.ให้ 14 วันประเมินมาตรการผ่อนปรน

ทำเนียบรัฐบาล 30 เม.ย.-ศบค. เผยผู้ป่วยใหม่ 7 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม ผ่อนปรนให้เปิดตลาด ร้านตัดผม กิจการค้าปลีก-ส่ง กิจกรรมสวนสาธารณะ ประเมินผล 14 วัน ขอทุกคนร่วมมือปรับตัวช่วงหัวเลี้ยงหัวต่อ ถ้าตัวเลขกลับมาเพิ่ม ต้องทบทวนใหม่


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 วันนี้(30 เม.ย.) ว่า ไทยมีรายงานผู้ป่วยใหม่ 7 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 2,954 ราย รักษาหาย 2,687 ราย รักษาตัวอยู่ 213 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิตคงเดิม รวม 54 ราย ทั้งนี้จากจำนวนตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 7 ราย พบว่ามาจากการค้นหาโรคในชุมชนที่จังหวัดภูเก็ต 3 ราย กระบี่ 1 ราย รวมเป็น 4 ราย และเป็นผู้ป่วยที่เดินทางมาจากต่างประเทศคือ มาเลเซีย และเข้ากักกันตัวในสถานที่ที่รัฐจัดให้ในกรุงเทพฯ 3 ราย 

“ส่วนผู้ป่วยสะสม 2,954 ราย พบใน 5 จังหวัดที่สูงที่สุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 1,488 รายและมีอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 12 ราย ภูเก็ต 216 ราย นนทบุรี 157 ราย ยะลา 113 ราย และอยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ 8 ราย สมุทรปราการ 113 ราย และเมื่อจำแนกอัตราป่วยต่อประชากรหนึ่งแสนคน โดยไม่รวมผู้ป่วยที่อยู่ในสถานที่กักกันที่รัฐจัดให้ พบว่า จังหวัดภูเก็ต มีผู้ป่วยมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 52.25 กรุงเทพมหานคร ร้อยละ 26.24 ยะลา ร้อยละ 21.15 นนทบุรี ร้อยละ 12.50 ปัตตานี ร้อยละ 10.95” โฆษกศบค. กล่าว


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า จังหวัดกระบี่จะได้เปิดศูนย์ตรวจเชื้อโควิด-19 แห่งแรก โดยจะทราบผลการตรวจภายใน 4 ชั่วโมง โดยเป็นห้องปฏิบัติการอณูชีววิทยาทางการแพทย์ ที่ได้ผ่านการทดสอบความชำนาญมาจากห้องปฏิบัติการด้านการตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยวิธี Real Time RT-PCR สำหรับศูนย์ตรวจเชื้อโควิด-19 ของโรงพยาบาลกระบี่นี้ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ เป็นเงิน 4,900,000 บาท และ โรงพยาบาลกระบี่สมทบอีก 100,000 บาท โดยสามารถตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้วันละ 120 ตัวอย่าง ซึ่งจะแก้ปัญหาให้จังหวัดกระบี่ที่ไม่มีเครื่องตรวจหาเชื้อเป็นของตัวเอง

โฆษกศบค. กล่าวว่า สถานการณ์โลกพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวม 3,220,225 ราย เสียชีวิต 228,223 ราย สหรัฐอเมริกาพบติดเชื้อมากที่สุด  1,064,533 ราย เสียชีวิต 61,668 ราย ขณะที่ไทยอยู่ที่อันดับที่ 59 ของโลก ขณะที่ในกลุ่มประเทศอาเซียนและเอเชีย พบว่า อินเดียอยู่ที่ อันดับที่ 16 ของโลก สิงคโปร์ อันดับที่ 25 ของโลก ปากีสถาน อันดับที่ 26 ของโลก ญี่ปุ่นอันดับที่ 29 ของโลก และเกาหลีใต้ อันดับที่ 35 ของโลก 


“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในฐานะ ผอ.ศบค.เน้นย้ำมาตรการผ่อนปรนต่าง ๆ ว่าถือเป็นความรับผิดชอบของคนไทยทั้งประเทศที่ตัดสินใจร่วมมือกันแก้ไขปัญหาสถานการณ์ของไวรัสโควิด-19 ทั้งเรื่องการระบาดและผลกระทบทางเศรษฐกิจ หากสามารถควบคุมสถานการณ์ด้านสาธารณสุขในระยะแรกนี้ได้ จะผ่อนปรนในระยะต่อ ๆไปได้ ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนร่วมมือกันปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละ ทำให้ประชาชนปลอดภัย บรรเทาความเดือดร้อน ทั้งค่าครองชีพ ค่าใช้จ่ายวิถีชีวิตของประชาชน และป้องกันการแพร่ระบาดไม่ให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้ประเทศเดินหน้าได้ หากเราควบคุมได้ไม่ดี ทุกอย่างอาจจะแย่ลง ภารกิจนี้เป็นงานและท้าทาย แต่หากทุกคนโดยเฉพาะผู้ประกอบการ ผู้รับบริการ ผู้บริโภคและประชาชนร่วมมือกัน ด้วยความตั้งใจ มุ่งเน้นเรื่องการป้องกันตนเองและผู้อื่น มีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมจะสำเร็จได้” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

โฆษกศบค. กล่าวว่า มาตรการที่ยังคงบังคับใช้ คือการประกาศขยาย พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินออกไปจนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม มาตรการเคอร์ฟิวเวลา 22.00 น. ถึง 04.00 น. การเดินทางเข้า-ออกราชอาณาจักรทั้งทางบก ทางน้ำและทางอากาศ ซึ่งที่รัฐจัดสถานที่กักกันให้ มีคนเข้าไปอยู่จำนวนมากและตรวจพบมีผู้ติดเชื้อกว่า 80 คน ซึ่งหากไม่กักกันตัวไว้ และแต่ละคนกระจายไปอยู่ในสังคม จะทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกกว่า 10,000 คน การจำกัดการบินเข้า-ออกของสายการบินระหว่างประเทศ ออกไปถึงวันที่ 31 พฤษภาคม โดยอนุญาตให้เฉพาะสายการบินบางประเภทเท่านั้น งดและชะลอการเดินทางข้ามจังหวัด โดยไม่มีเหตุจำเป็น คงการทำงานที่บ้านให้ได้ร้อยละ 50 และห้ามประชาชนเข้าไปหรือใช้สถานที่ที่มีคนจำนวนมาก หรือทำกิจกรรมร่วมกันที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคเป็นการชั่วคราว

“ศบค.มีมาตรการผ่อนปรนของแต่ละกิจการและกิจกรรม โดยการดำเนินงานจะต้องคำนึงถึงปัจจัยด้านสาธารณสุขเป็นหลัก และนำปัจจัยด้านสังคมและด้านเศรษฐกิจมาประกอบการพิจารณา โดยยึดถือข้อกำหนดต่าง ๆ ตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ฉบับที่ 1 ข้อ 11  เช่น  การทำความสะอาดพื้นผิวของสถานที่ที่เกี่ยวข้องทั้งก่อนและหลังการทำกิจกรรม การกำจัดมูลฝอย การใส่หน้ากากอนามัยอยู่เสมอ ทั้งผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการ การล้างมือ การเว้นระยะนั่งและยืน ซึ่งแต่ละกิจการต้องนำไปปรับใช้ สำหรับมาตรการผ่อนปรนประเภทกิจการและกิจกรรม ได้แก่ 1. ตลาด ได้แก่ ตลาดสด ตลาดนัด ตลาดน้ำ ตลาดชุมชน ถนนคนเดิน และแผงลอย 2.ร้านจำหน่ายอาหาร ได้แก่ ร้านอาหารทั่วไป ร้านเครื่องดื่ม ขนมหวาน ไอศครีม(นอกห้าง) ร้านอาหารริมทาง รถเข็นและหาบเร่” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

โฆษกศบค. กล่าวว่า  3.กิจการค้าปลีก-ส่ง ได้แก่ ซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อบริเวณพื้นที่นั่งและยืนรับประทาน รถเร่หรือรถวิ่งขายสินค้าบริโภค ร้านค้าปลีกขนาดย่อม ค้าปลีกชุมชน และร้านค้าปลีกธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม 4.กีฬาและสันทนาการได้แก่กิจกรรมในสวนสาธารณะ ได้แก่ เต้นรำ ไทเก๊ก สนามกีฬากลางแจ้ง ที่เป็นการออกกำลังกายโดยไม่ได้เล่นเป็นทีมและไม่มีการแข่งขัน ได้แก่ เทนนิส ยิงปืน ยิงธนู จักรยาน กอล์ฟ สนามซ้อม 5. ร้านตัดผม เสริมสวย เฉพาะ ตัด สระไดร์ 6. อื่น ๆ ได้แก่ ร้านตัดขนสัตว์ ร้านรับเลี้ยงรับฝากสัตว์ โดยทั้งหมดให้เริ่มมาตรการได้ในวันที่ 3 พฤษภาคมนี้ ทั้งนี้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกำหนดรายละเอียดต่อไป ซึ่งรายละเอียดการปฏิบัติของแต่ละพื้นที่มีความเข้มข้นมากกว่าได้ แต่จะน้อยกว่ามาตรฐานกลางของศบค.ไม่ได้

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า มาตรการต่าง ๆไม่ได้เป็นเพียงการดูแลผู้ประกอบการ แต่มีความสำคัญต่อผู้รับบริการด้วย ซึ่งผู้รับบริการจะต้องไม่ได้รับความเสี่ยงในการเกิดโรคขึ้นมาอีก  เพราะฉะนั้นการมีมาตรการออกมาเช่นนี้เพื่อคุ้มครองทั้งสองฝ่าย และถ้าทุกคนเห็นด้วยกับการผ่อนคลาย ฝากให้ทุกคนให้ความร่วมมือและนำมาปรับเพื่อนำไปปฏิบัติต่อไป โดยจะใช้เวลา 14 วันติดตามประเมินผล ถ้ามีตัวเลขการติดเชื้อคงที่ไปเรื่อย ๆ แสดงว่าทุกคนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และรู้วิธีการจัดการตัวเอง กิจการและกิจกรรมต่าง ๆได้ดี และจะสามารถเลื่อนระดับการผ่อนคลายในกิจการและกิจกรรมมากขึ้น

“แต่ถ้าใน 14 วัน ตัวเลขการติดเชื้อกลับมาเพิ่มขึ้นเป็นสองหลักสามหลัก จะต้องถอยหลังกลับมา และมาตรการต่าง ๆ ต้องถูกทบทวนใหม่ทั้งหมด ทุกคนมีส่วนร่วมทั้งหมด ตามหลักการคือจะต้องร่วมกันให้ได้มากกว่าร้อยละ 90 จึงจะสามารถควบคุมโรคได้ ช่วงนี้ถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของทุกคน และขอให้ประสบความสำเร็จเหมือนที่เคยปฏิบัติกันมาในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา” โฆษกศบค. กล่าว

ส่วนประชาชนจะกลับมาใช้ชีวิตปกติแบบวิถีใหม่ทั้งหมดได้เมื่อใด นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีในฐานะผอ.ศบค.แบ่งระยะไว้เป็น 25% 50% 75% 100% และให้ช่วงเวลาไว้ 14 วัน ถ้าทุกอย่างผ่านไปอย่างดี จะแบ่งเป็น 4 ช่วงคือนับเป็นเวลาประมาณ 2 เดือน แต่เวลาตรงตามนั้นหรือไม่ และโรคจากหายไปใน 2 เดือนหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับประเทศไทยอย่างเดียว แต่ต้องพิจารณาจากประเทศต่าง ๆโดยรอบด้วย เพราะฉะนั้นสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ คงไม่ได้เป็นคำตอบที่จะบอกชัดเจน 

“ได้เห็นการส่งข้อมูลการพยากรณ์โรค โดยการใช้สถิติว่าตัวเชื้อโรคจะหายไปเมื่อใด ซึ่งนักวิชาการของสิงคโปร์เอาสถิติมาร้อยเรียงกันและบอกว่าประเทศไทยจะหมดเชื้อ 100% ในวันที่ 11 มิถุนายน ซึ่งก็เป็นข่าวดี แต่เป็นการใช้ข้อมูลเมื่ออดีตมาธิบายข้างหน้า แต่ถ้าวันนี้เราร่วมมือกันดีกว่านั้น อาจจะเร็วกว่านั้นก็ได้ หรือถ้าวันนี้เราหย่อนกันมาก พรุ่งนี้มีติดเชื้อเพิ่มขึ้นมาสองหลัก สิ่งที่พูดกันวันนี้ แทบจะกลายเป็นศูนย์เลยทันที จึงไม่มีอะไรแน่นอน 100% แต่เราก็อยากจะมีความหวังในเชิงบวก ซึ่งเกิดจากการร่วมมือของประชาชนทุกคน” โฆษกศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ขณะนี้เป็นช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีและจะเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ และยังต้องการความร่วมมือจากประชาชน 100% หากทุกคนเข้าใจและช่วยกันทำให้เกิดตัวเลขผู้ป่วยเพียงตัวเดียว หากร่วมมือกันต่อไป ยังคงตัวเลขตัวเดียวได้และยังได้อิสระในการจับจ่ายใช้สอยและการประกอบอาชีพเหมือนเดิม ประชาชนทุกคนจะต้องช่วยกันตรวจสอบกิจการนั้น ๆ และ 14 วันจากนี้จะเป็นช่วงของการเปลี่ยนแปลง ปรับตัวและใช้ชีวิตวิถีใหม่ ถ้าช่วยกันได้จะประสบความสำเร็จ ได้เห็นตัวเลขหนึ่งหลักไปอีกสามเดือนข้างหน้า เราจะพ้นภัยกันทั้งประเทศและจะแตกต่างจากที่อื่นทั่วโลก

ผู้สื่อข่าวถามถึงปัญหาการฆ่าตัวตายที่เพิ่มสูงขึ้น ส่วนหนึ่งคล้ายกับว่าเริ่มเป็นพฤติกรรมเลียนแบบของผู้ที่หาทางออกไม่ได้ จะแก้ปัญหานี้อย่างไร โฆษกศบค. กล่าวว่า ข้อมูลต่าง ๆ จากกรมสุขภาพจิตรวบรวมว้ ถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าเป็นห่วง ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้ถือเป็นวิกฤติของโลก หน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขจะเข้าไปศึกษาเพื่อหาทางลดจำนวนการสูญเสียจากการฆ่าตัวตาย ซึ่งในหลักการการดูแลปัญหาการฆ่าตัวตายเป็นเรื่องที่ป้องกันได้ โดยการแก้ปัญหาที่ตรงจุด จะช่วยลดการสูญเสียได้ 

“ถือเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน หากใครที่ได้รับผลกระทบและมีความคิดเรื่องการฆ่าตัวตาย ขอให้ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดให้ความสำคัญและติดต่อมายังกระทรวงสาธารณสุขและสายด่วนสุขภาพจิต 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตามในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง ปี 2540 ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 8.3 ต่อแสนประชากร แต่ขณะนี้ตัวเลขยังไม่สูงถึงครั้งนั้น ยังมีมาตรการป้องกันที่ช่วยให้ตัวเลขลดลงได้” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ ตามยิงซ้ำที่ รพ. ดับ 2

ปทุมธานี 5 มิ.ย.- จับแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ รัวกระสุนใส่หน้าบ้าน ก่อนตามไปยิงซ้ำที่ รพ. เสียชีวิต 2 ราย สารภาพอ้างแค้นถูกตีท้ายครัว ความคืบหน้าเหตุมือปืนชายแต่งกายไรเดอร์ ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิง ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้าน ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนได้นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่คนร้าย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ใช้อาวุธปืนตามยิงซ้ำถึงในโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ท้ายกระบะเสียชีวิต 2 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือปืน ทราบชื่อนายสมยศ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยให้การรับสารภาพว่าตนเองจะมายิงนายมานะ หรือไอซ์ อายุ 33 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งกินเบียร์มาก่อน และที่ทำไปนั้น เพราะจับได้ว่าผู้ตายเป็นชู้กับภรรยาตน หลังก่อเหตุขับรถหนีไปจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

ดรามานิติไล่ไรเดอร์รับลูกค้าหน้าคอนโดฯ

5 มิ.ย. – สาวเรียกรถผ่านแอปฯ มารับหน้าคอนโดฯ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ถือวิทยุสื่อสารพร้อมไล่ให้ลงรถ ขู่ไม่อนุญาตให้เรียกรถผ่านแอปฯ ด้านไรเดอร์รู้ข่าวบุกรวมตัว ลั่นถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย คลิปจากผู้โดยสารคนหนึ่งถ่ายไว้ขณะเรียกรถมารับบริเวณด้านหน้าคอนโดฯ ย่านสาทร แต่กลับถูกชายรายหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร ไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดขู่ว่าไม่ใช่วินห้ามเข้า แฟนเพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านคอนโดฯ แห่งหนึ่ง โพสต์ไว้หลังจากเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แต่กลับถูกขัดขวาง ระบุว่า “เราได้เรียกรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อไปทำงานตามปกติ แต่มีชายคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นวินในหมู่บ้าน มีวิทยุสื่อสารด้วย) เข้ามาไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดในลักษณะข่มขู่ว่า “ไม่ให้เรียกผ่านแอปฯ เพราะที่นี่มีวินอยู่แล้ว” และยังไล่คนขับกลับไปทันที เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและเสียเวลาในการเดินทาง รบกวนช่วยตรวจสอบ ขอความชัดเจนว่าในหมู่บ้านมีข้อกำหนดห้ามเรียกรถผ่านแอปฯ หรือไม่ หากมีรบกวนขอเอกสารหรือประกาศที่เป็นทางการด้วย หากไม่มีรบกวนช่วยดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายคุกคามและไม่เหมาะสม” หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรารกฏว่าวานนี้ (4 มิ.ย.) มีไรเดอร์จำนวนมานัดรวมตัวกันและเดินทางไปยังคอนโดฯ ดังกล่าว โดยมีตำรวจเข้ามาพูดคุย ขณะที่ทางตัวแทนไรเดอร์ระบุว่า ถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย และนิติคอนโดฯ ต้องออกมาพูดให้ชัดเจนว่าไรเดอร์เข้าไปรับผู้โดยสารได้ไหม” ต่อมาที่ สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่เรียกตัวนายพงษ์ อายุ 52 […]

คนขับหลับใน รถทัวร์เสียหลักตกร่องถนน ดับ 2 สาหัส 5

ประจวบคีรีขันธ์ 4 มิ.ย. – รถทัวร์ตกร่องกลางถนนชนเสาไฟ บนถนนเพชรเกษม อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 5 คน คนขับยอมรับหลับใน วงจรปิดจับภาพขณะเกิดเหตุรถทัวร์ขับมาดีๆ จู่ๆ ไถลลงร่องกลางถนน โดยไม่มีคู่กรณี เหตุเกิดประมาณตี 04.30 น.ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) บนถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าค่ายพระมงกุฎเกล้า อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รถที่เกิดเหตุเป็นรถบัสโดยสารปรับอากาศ สายระยอง-มุกดาหาร พลิกตะแคงอยู่ในร่องกลาง มีร่องรอยชนกับเสาไฟและการ์ดเลนถนน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหน้าและด้านข้างแตกร้าว หลังคาฉีกขาด ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาย และอาการสาหัส 5 คน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเร่งนำตัวนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการตกใจ บอกว่าก่อนเกิดเหตุรู้สึกว่ารถส่ายไปมา คนขับรถคือ นายทศพร อายุ 51 ปี ให้การว่า ในรถมีผู้โดยสารรวมคนขับแล้ว 28 คน รับผู้โดยสารจาก จ.ระยอง […]

ข่าวแนะนำ

คปท.รวมตัวหน้าสถานทูตกัมพูชา แสดงจุดยืนกรณีพิพาทพรมแดน

กรุงเทพฯ 6 มิ.ย. – กลุ่มผู้ชุมนุมจากเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ชูธงชาติไทย-ป้ายสัญลักษณ์ หน้าสถานทูตกัมพูชา แสดงเจตจำนงปกป้องประเทศชาติ กรณีข้อพิพาทระหว่างพรมแดน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา กลุ่มผู้ชุมนุมจากเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. ได้เดินทางมารวมตัวกันบริเวณด้านหน้าสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย ถนนประชาอุทิศ แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง เพื่อเคลื่อนไหวจากกรณีข้อพิพาทระหว่างพรมแดนไทย-กัมพูชา ที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ต่างประดับประดาด้วยธงชาติ และชูป้ายสัญลักษณ์ข้อความแสดงอุดมการณ์เจตนารมณ์ถึงการปกป้องอธิปไตยของประเทศไทย พร้อมกันนี้ยังได้นำรถขยายเสียงมาพูดปราศรัยแสดงเจตจำนงที่จะปกป้องประเทศชาติในช่วงสถานการณ์พิพาทระหว่างชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้มีเจ้าหน้าที่สถานทูตกัมพูชา เปิดกระจกออกมาเพื่อใช้มือถือถ่ายภาพการชุมนุมเป็นระยะๆ สำหรับบรรยากาศการรักษาความปลอดภัยบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา ทาง สน.วังทองหลาง และ บก.น.4 ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 หมวด ประมาณ 100 นาย ทั้งในและนอกเครื่องแบบ วางกำลังดูแลความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา พร้อมนำแผงรั้วเหล็กกั้นมาวางเป็นแนวยาว เพื่อไม่ให้ม็อบเข้าประชิดติดตัวกำแพงสถานเอกอัครราชทูต เนื่องจากอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่จะส่งผลต่อความมั่นคงระหว่าง 2 ประเทศ.-414-สำนักข่าวไทย

นายกฯ ร่วมวงถก สมช. แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา

ทำเนียบ 6 มิ.ย.- “นายกฯ แพทองธาร” เลื่อนวาระงาน เพื่อร่วมประชุม สมช. แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อเวลา 10.00 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งเลื่อนการประชุมติดตามมาตรการป้องกันปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมาย บนตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลเป็น 11.00 น. เพื่อมาร่วมประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. หารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อสรุปมาตรการตอบโต้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดน โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มารอต้อนรับ ซึ่งการร่วมประชุม กับ สมช. ในวันนี้นายกรัฐมนตรี ไม่ได้แจ้งล่วงหน้าและเป็นการมาร่วมประชุมกับ สมช. เป็นครั้งแรก .-316 -สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” เผยวงหารือ “เตีย เสฮา” เสนอกัมพูชาถอนทหารจากจุดปะทะ

ทำเนียบ 6 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” เผยวงหารือ “พลเอกเตีย เสฮา” เสนอกัมพูชาถอนทหารออกจากจุดปะทะ ออกไป 200 เมตร กลับไปอยู่จุดเดิม ฝากข้อเสนอนี้ให้นายกรัฐมนตรีกัมพูชา-สมเด็จฮุนเซน พิจารณา ย้ำไทยไม่ยอมรับศาลโลก ระบุไม่อยากให้เกิดสงคราม ยันเดินหน้าประชุมเจบีซี 14 มิถุนายนนี้ วอนเสนอข่าวอย่างระมัดระวัง นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังได้หารือร่วมกับ พลเอก เตีย เสฮา (Tea Seiha) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เมื่อวานนี้ที่อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ว่า ได้มีการหารือกันว่าจะคลี่คลายกับสถานการณ์ที่ตึงเครียดในขณะนี้ โดยรัฐบาลไทยได้ยืนยันแล้ว ว่าไม่อยากเห็นสงคราม และไทยไม่ได้กังวลที่จะมีการสู้รบ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นการสูญเสีย ซึ่งไม่ต้องการเห็นตรงนั้น ดังนั้นความสัมพันธ์ที่มีอยู่จึงน่าจะพูดคุยกันได้ ดังนั้นได้มีการพูดคุยกันในภาพรวม โดยสรุปตนเองก็ได้ฝากไปว่า เมื่อคุยกันแล้วและเข้าใจจุดยืนของแต่ละฝ่ายแล้ว เราอยากให้เป็นการคุยจำกัดเฉพาะที่ ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็เป็นสิทธิ์ของกัมพูชา พร้อมยืนยันว่าไทยไม่ได้เข้าศาลโลก เพราะตั้งแต่ปี 2503 มา จนกระทั่งปี 2567 นายเศรษฐา ทวีศิลป์ […]

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่งในภาคอีสาน-ตะวันออก-ใต้ฝั่งตะวันตก

กรุงเทพฯ 6 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่งในภาคอีสาน ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 40% ส่วนมากในช่วงระหว่างบ่ายถึงค่ำ กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ประกอบกับมีร่องมรสุมกำลังอ่อนพาดผ่านประเทศเมียนมาตอนบน และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง ในช่วงวันที่ 7-11 มิ.ย. 68 ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร อ่าวไทยมีคลื่นสูง […]