ศบค.ระบุไทยคุมตัวเลขผู้ป่วยได้ดีกว่าที่ประเมินไว้หลายแสน

ทำเนียบรัฐบาล 15 เม.ย.-โฆษกศบค.แถลงตัวเลขผู้ป่วยโควิดใหม่ 30 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย รวม 43 ราย ระบุไทยคุมตัวเลขผู้วยได้ดีกว่าที่ประเมินไว้หลายแสนคน ชี้ตัวเลขติดเชื้อจากในบ้านเพิ่มขึ้น ย้ำอยู่บ้านก็ต้องเว้นระยะห่าง 


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่า วันนี้ (15เม.ย.) มีรายงานผู้ป่วยใหม่ 30 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 2,643 ราย รักษาหาย 1,497 ราย รักษาตัวอยู่ 1,103 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย รวม 43 ราย โดยผู้เสียชีวิตรายล่าสุดเป็นหญิงชาวไทย อายุ 65 ปี อาชีพขายอาหารที่ถนนคนเดินที่จังหวัดเชียงใหม่ มีโรคประจำตัว เบาหวาน ไตเรื้อรังและความดันโลหิตสูง วันที่ 7 มีนาคมมีอาการไข้สูงไอและซื้อยามารับประทานเอง 12 มีนาคมอาการยังไม่ดีขึ้น จึงไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่ และมีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ที่อยู่ในบ้าน 15 มีนาคมมีอาการหน้ามืด จึงไปโรงพยาบาลแห่งเดิม และกลับมารักษาตัวที่บ้าน 

“17 มีนาคมตรวจเชื้อโควิด-19 และเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของรัฐ โดยผู้ป่วยยังรู้สึกตัวดี แต่มีอาการเหนื่อย จากนั้นได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19  วันที่ 19 มีนาคมแพทย์รักษาและให้ยาตามมาตรฐาน วันที่ 22 มีนาคมผู้ป่วยหายใจเหนื่อยหอบมากขึ้น มีอาการอักเสบในปอดอย่างรุนแรง หัวใจโต 6 เมษายน ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว  ความดันโลหิตตก ได้รับยากระตุ้นการทำงานของหัวใจ แต่อาการไม่ดีขึ้นและเสียชีวิตเมื่อวันที่ 13 เมษายน อีกรายเป็นชายไทย อายุ 60 ปี มีประวัติไปร่วมพิธีทางศาสนาอิสลามที่ประเทศอินโดนิเซีย เดินทางกลับไทยวันที่ 24 มีนาคม และวันที่ 2 เมษายน เริ่มมีอาการไข้สูง 38.4 องศาเซลเซียส  ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่จังหวัดอยุธยา ส่งตรวจยืนยันเป็นผู้ป่วยโควิด-19 อาการแย่ลงเรื่อย ๆ เสียชีวิตวานนี้(14 เม.ย.)” โฆษกศบค. กล่าว


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า จากจำนวนตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 34 ราย พบว่ามาจากการสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 19 ราย คนไทยเดินทางกลับจากประเทศฝรั่งเศส 1 ราย ไปสถานที่ชุมนุมชน 2 ราย ไม่มีบุคลากรทางการแพทย์และมีผู้ป่วยที่เดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกา มีผู้เข้ารับการกักกันตัว 1 ราย อยู่ระหว่างสอบสวนโรค 7 ราย ส่วนผู้ป่วยสะสม 2,643 ราย พบใน 5 จังหวัดที่สูงที่สุดได้แก่ กรุงเทพมหานคร 1,328 ราย ภูเก็ต 190 ราย นนทบุรี 149 ราย สมุทรปราการ 108 ราย ยะลา 93 ราย จำแนกอัตราป่วยต่อประชากรหนึ่งแสนคน พบว่าจังหวัดภูเก็ตมีผู้ป่วยมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 45.96 กรุงเทพมหานคร ร้อยละ 23.42 ยะลา ร้อยละ 17.41 นนทบุรี ร้อยละ 11.86 และปัตตานี ร้อยละ 11.78  ขณะที่ 9 จังหวัดยังไม่มีรายงานการรักษาผู้ป่วยได้แก่ กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พิจิตร ระนอง สิงห์บุรีและอ่างทอง

“ถ้าทุกคนไม่ร่วมมือร่วมใจกัน อาจจะเห็นภาพตามที่ประเมินสถานการณ์เลวร้ายที่สุดไว้ก่อนหน้านี้ว่าอาจมีผู้ป่วยกว่า 3 แสนคน แต่ในวันนี้ไทยมีผู้ป่วยอยู่ที่ 2,643 ราย จึงต้องขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันปฏิบัติตัวและคุมตัวเลขไว้ได้ ทั้งนี้ เมื่อแบ่งผู้ป่วยตามแหล่งติดเชื้อของกรุงเทพมหานครนนทบุรีและสมุทรปราการ พบว่าเดือนมีนาคม 1,054 ราย มาจากต่างประเทศร้อยละ 15 ติดเชื้อนอกบ้าน ร้อยละ 77 ติดเชื้อในบ้าน ร้อยละ 8 และเดือนเมษายน 460 ราย มาจากต่างประเทศ ร้อยละ 17 ติดเชื้อนอกบ้าน ร้อยละ 60 และติดเชื้อในบ้าน ร้อยละ 23 ซึ่งจะเห็นได้ว่าการติดเชื้อในบ้านเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งคาดว่าเป็นช่วงของการประกาศเคอร์ฟิว ทำให้ประชาชนอยู่บ้านมากขึ้น และอาจเกิดการแพร่กระจายเชื้อได้ ดังนั้นแม้ว่าจะอยู่บ้านก็ควรเว้นระยะห่างระหว่างกันและใส่หน้ากากอนามัย” โฆษกศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนปัจจัยเสี่ยงของจังหวัดชลบุรีในเดือนมีนาคมถึงเมษายนพบว่าช่วงแรกระยะผู้ป่วยนำเข้าตั้งแต่ 17 มีนาคมเป็นรายแรกมีประวัติมาจากสนามมวยและผู้ป่วยสัมผัส จากนั้นเป็นระยะนำเข้าและแพร่โรคต่อในจังหวัดเฉพาะกลุ่มและสถานที่เสี่ยงของชาวต่างชาติและกลุ่มเที่ยวหรือทำงานในสถานบันเทิง หรือกลุ่มเพื่อนที่สังสรรค์กัน และในระยะแพร่โรคในครอบครัวและชุมชน มาจากกลุ่มอาชีพเสี่ยง ร่วมบ้านร่วมทำงาน บุคลากรทางการแพทย์และมาจากนอกจังหวัด 


“สถานการณ์ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อแล้วรวม 1,998,138 ราย เสียชีวิต 126,607 ราย สหรัฐอเมริกา อยู่ที่อันดับ 1 มีผู้ติดเชื้อ 613,886 ราย ไทยยังอยู่ที่อันดับที่ 50 และวานนี้(14 เม.ย.) สิงคโปร์ มีผู้ติดเชื้อ 334 ราย ทำให้สิงคโปร์ต้องเปิดโรงแรมลอยน้ำ เพื่อเป็นที่พักให้กับแรงงานต่างชาติ โดยเป็นเรือของพนักงานในอุตสาหกรรมพลังงานนอกชายฝั่งและอุตสาหกรรมทางทะเล ซึ่งสามารถรองรับผู้เข้าพักได้ 200-300 คนเป็นการป้องกันการแพร่ระบาด ส่วนสถานการณ์ของประเทศอื่น ๆ เช่น จีนได้อนุมัติให้นำวัคซีน 2 ตัว สำหรับต้านไวรัสโควิด-19 เข้าทดสอบในระดับคลินิกกับคน เช่นเดียวกับนักวิทยาศาสตร์ไทยได้เร่งวิจัยวัคซีนด้วย ส่วนอินโดนีเซีย ประธานาธิบดีได้ประกาศให้การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นภัยพิบัติแห่งชาติ/ ฝรั่งเศสได้ประกาศขยายเวลาล็อกดาวน์ประเทศออกไปอีก 4 สัปดาห์จนถึงวันที่ 11 พฤษภาคมนี้ ประเทศญี่ปุ่น ผู้ว่าการกรุงโตเกียวยื่นคำขาดกับชาวบ้านและร้านค้าให้อยู่บ้านและชัตดาวน์ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด” โฆษกศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงผู้ฝ่าฝืนการประกาศเคอร์ฟิว ว่า มีประชาชนออกนอกเคหสถาน 845 ราย รวมกลุ่มชุมนุมและมั่วสุมจำนวน 81 ราย แบ่งเป็นพื้นที่ภาคกลางถูกดำเนินคดีมากที่สุด ที่จังหวัดปทุมธานี รองลงมาคือภาคตะวันออกที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งตัวเลขต่าง ๆ เป็นการสะท้อนว่าเมื่อฝ่าฝืนกฎหมายอาจจะทำให้พื้นที่นั้นมีความเสี่ยงติดเชื้อมากขึ้น ส่วนการจัดส่งหน้ากากอนามัยของกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ 7 – 14 เมษายนส่งมอบแล้วกว่า 16 ล้านชิ้น จากจำนวนที่รับมอบมากว่า 19 ล้านชิ้น ส่วนของกระทรวงมหาดไทยส่งมอบแล้วกว่า 10 ล้านชิ้น

โฆษกศบค. กล่าวว่า วันนี้(15 เม.ย.) จะมีเที่ยวบินของคนไทยที่ตกค้างเดินทางกลับจากเกาหลีใต้ จำนวน 92 คน พรุ่งนี้(16 เม.ย.) จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 120 คน วันที่ 16 เมษายนจากมัลดีฟส์ 70 คน และวันที่ 17 เมษายนจากบังคลาเทศ 35 คน.-สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ 7 ผู้บริสุทธิ์

ศรีสะเกษ 31 ก.ค. – ที่จังหวัดศรีสะเกษ มีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ 7 ผู้บริสุทธิ์ ที่เสียชีวิตบริเวณปั๊มน้ำมัน ในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จากการโจมตีของกัมพูชา ที่วัดมหาพุทธาราม หรือวัดพระโต พระอารามหลวง จ.ศรีษะเกษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และวางพวงมาลาพระราชทาน แก่ประชาชน รวม 7 คน ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความความไม่สงบ ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยผู้เสียชีวิต 6 คน เป็นประชาชนเสียชีวิตบริเวณปั๊มน้ำมัน ในพื้นที่บ้านผือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีษะเกษ และอีก 1 คนเสียชีวิตจากระเบิดลงบ้าน ในพื้นที่หมู่ที่ 4 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยมีนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานในพิธี พร้อมครอบครัวผู้เสียชีวิต และมีพิธีการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมทุกคืน ถึงวันที่ 2 ส.ค.นี้ ก่อนจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ 3 สิงหาคมนี้ ด้านนายคมสันต์ […]

พบโดรนปริศนาหลายพื้นที่ คาดเป็นโดรนจารกรรม

บุรีรัมย์ 31 ก.ค. – แม้จะมีประกาศห้ามบินโดรนทั่วประเทศตั้งแต่เมื่อวานนี้ แต่ในหลายพื้นที่ยังตรวจพบโดรนปริศนาขึ้นบิน เบื้องต้นคาดเป็นโดรนสอดแนม ขณะที่วิทยุการบินฯ วอนประชาชนร่วมมือ หากฝ่าฝืนจะใช้มาตรการทางทหารจัดการทันที เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. คืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างจรรยา จุด อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ใช้โทรศัพท์บันทึกภาพโดรนที่บินเหนือ รพ.เฉลิมพระเกียรติ ไว้ได้ และยังพบว่ามีโดรนบินเหนือบ้านตะโก, บ้านยายคำ, ตลาดตาเป๊กและบ้านเจริญสุข รวมทั้งหมด 4 แห่ง บินวนเวียนประมาณ 5 นาที จึงพยายามตรวจสอบโดยรอบพื้นที่ ก่อนจะพบรถตู้ยี่ห้อฮุนไดสีดำจอดอยู่ เชื่อว่าน่าจะเป็นเจ้าของโดรน เมื่อเข้าไปสอบถามคนในรถตู้ ที่เปิดกระจกลงมาพูดคุย เห็นภายในรถตู้มีคนประมาณ 3-4 คน มีอุปกรณ์คล้ายเครื่องควบคุมอะไรบางอย่างอยู่ในรถ จึงสอบถามว่าจะไปที่ไหน ได้รับคำตอบว่าจะไปสระแก้ว หลังจากนั้นรถตู้ได้ขับหนีออกไปอย่างรวดเร็ว แม้จะพยายามขับรถไล่ตามแต่ตามไม่ทัน เชื่อว่าเป็นโดรนของกัมพูชามาบินสอดแนมอย่างแน่นอน ส่วนที่ อำเภอบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ตรวจพบโดรนปริศนาหลายสิบลำ บินว่อนเหนือพื้นที่อำเภอบ้านกรวด ครอบคลุมพื้นที่ 7 ตำบล คือ ตำบลสายตะกู ตำบลจันทบเพชร […]

ทบ. เชิญผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนรับฟังข้อเท็จจริงชายแดนไทย-กัมพูชา

กทม. 31 ก.ค.- ทบ. เชิญผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนร่วมหารือและรับฟังการชี้แจงข้อเท็จจริง อัปเดตสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังตั้งทีมเฝ้าติดตามหยุดยิงชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้ (31 ก.ค.68) พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพบกโดยกรมข่าวทหารบก ร่วมหารือกับผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนประจำประเทศไทย นำโดยผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำประเทศไทย ณ อาคารศรีสิทธิสงคราม ภายในกองบัญชาการกองทัพบก โดยมี พล.ท.กำชัย วงศ์ศรี เจ้ากรมข่าวทหารบก เป็นประธานในการหารือ การหารือครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รวมทั้งการจัดตั้ง Interim ASEAN Defence Attaches Monitoring Team (Interim ASEAN DAs Monitoring Team) ในการปฏิบัติหน้าที่สังเกตการณ์สถานการณ์หยุดยิง (Ceasefire) ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ซึ่งการหารือในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากข้อตกลงหยุดยิง ที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 ก.ค.68 ที่ผ่านมา ซึ่งมีการเห็นพ้องร่วมกันในการจัดตั้งทีมเฝ้าติดตามชั่วคราวของฝ่ายทูตทหารจากชาติสมาชิกอาเซียนโดยเร่งด่วน เพื่อเป็นกลไกเบื้องต้นในการติดตามสถานการณ์และสร้างความไว้วางใจระหว่างทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ในที่ประชุมได้มีการหารือเกี่ยวกับการจัดตั้งกลไก ASEAN Monitoring Team (AMIT) ในอนาคต […]

“มาริษ” ยันไทยไม่เสียเปรียบกัมพูชาในเวทีนานาชาติ

ก.ต่างประเทศ 31 ก.ค.-“มาริษ” ยันไทยไม่เสียเปรียบกัมพูชาในเวทีนานาชาติ และไม่ได้นิ่งนอนใจเฟคนิวส์ฝั่งกัมพูชา สั่งทูตเดินหน้าแจงทุกกรอบทุกเวที บอกนำทูตต่างประเทศลงดูพื้นที่ชายแดนช้า ห่วงความปลอดภัย ชี้ไปเร็ว ไม่ถือว่าชนะ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงยืนยัน จากสถานการณ์ปัญหาไทย-กัมพูชา ไทยไม่ได้เสียเปรียบ เพราะการชี้แจงอยู่ในกรอบของสหประชาชาติ เราได้ย้ำจุดยืนตั้งแต่ต้น ว่าเรายึดมั่นในสันติวิธีและกฎหมายระหว่างประเทศ กรอบกฎบัตรของอาเซียน แม้มีความพยายามนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC แต่ไม่ได้ออกข้อมติใดๆ และพูดว่าเป็นเรื่องของการเจรจาในระดับทวิภาคีไม่ต้องเอากลับมาในกรอบของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ รวมทั้งการที่กัมพูชา พยายามพูดปัญหาระหว่างไทยกับกัมพูชาในเวทีที่ปัญหาอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ก็ไม่ได้รับการบรรจุเรื่องนี้ในสเตทเมนท์ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าแม้มีความพยายามบิดเบือนจากกัมพูชาในเวทีต่างๆ แต่กระทรวงการต่างประเทศก็ไม่ได้อยู่นิ่ง เดินหน้ามาตรการทางการทูตโดยเร่งชี้แจงกับประเทศต่าง ๆ ทั้งกรอบทวิภาคี ภาคีในเวทีระหว่างประเทศทั้งหลาย ทั้งดำเนินการจากส่วนกลาง และการดำเนินการ ผานสถานทูตสถานกงสุญใหญ่ทั่วโลก ตั้งแต่เกิดกรณีการรุกราน เช่น ในเรื่องของ UNSC การวางทุ่นระเบิดสังหาร การโจมตีพลเรือน ในฝั่งไทย และประณามไปแล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า เมื่อเช้าได้พบกับเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ซึนตนได้พูดให้เห็นถึงภาพต่าง ๆ ในการพบกันกับผูนำกัมพูชาที่มาเลเซีย และบอกว่าเราต้องการเห็นการหยุดยิงที่ไม่มีเงื่อนไข และหยุดยิง เด็ดขาดตามที่ตกลงกัน ซึ่งเรื่องนี้ต้องได้รับความจริงใจจากกัมพูชา […]