ศบค.ระบุไทยคุมตัวเลขผู้ป่วยได้ดีกว่าที่ประเมินไว้หลายแสน

ทำเนียบรัฐบาล 15 เม.ย.-โฆษกศบค.แถลงตัวเลขผู้ป่วยโควิดใหม่ 30 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย รวม 43 ราย ระบุไทยคุมตัวเลขผู้วยได้ดีกว่าที่ประเมินไว้หลายแสนคน ชี้ตัวเลขติดเชื้อจากในบ้านเพิ่มขึ้น ย้ำอยู่บ้านก็ต้องเว้นระยะห่าง 


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่า วันนี้ (15เม.ย.) มีรายงานผู้ป่วยใหม่ 30 ราย รวมผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 2,643 ราย รักษาหาย 1,497 ราย รักษาตัวอยู่ 1,103 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย รวม 43 ราย โดยผู้เสียชีวิตรายล่าสุดเป็นหญิงชาวไทย อายุ 65 ปี อาชีพขายอาหารที่ถนนคนเดินที่จังหวัดเชียงใหม่ มีโรคประจำตัว เบาหวาน ไตเรื้อรังและความดันโลหิตสูง วันที่ 7 มีนาคมมีอาการไข้สูงไอและซื้อยามารับประทานเอง 12 มีนาคมอาการยังไม่ดีขึ้น จึงไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่ และมีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ที่อยู่ในบ้าน 15 มีนาคมมีอาการหน้ามืด จึงไปโรงพยาบาลแห่งเดิม และกลับมารักษาตัวที่บ้าน 

“17 มีนาคมตรวจเชื้อโควิด-19 และเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของรัฐ โดยผู้ป่วยยังรู้สึกตัวดี แต่มีอาการเหนื่อย จากนั้นได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19  วันที่ 19 มีนาคมแพทย์รักษาและให้ยาตามมาตรฐาน วันที่ 22 มีนาคมผู้ป่วยหายใจเหนื่อยหอบมากขึ้น มีอาการอักเสบในปอดอย่างรุนแรง หัวใจโต 6 เมษายน ผู้ป่วยไม่รู้สึกตัว  ความดันโลหิตตก ได้รับยากระตุ้นการทำงานของหัวใจ แต่อาการไม่ดีขึ้นและเสียชีวิตเมื่อวันที่ 13 เมษายน อีกรายเป็นชายไทย อายุ 60 ปี มีประวัติไปร่วมพิธีทางศาสนาอิสลามที่ประเทศอินโดนิเซีย เดินทางกลับไทยวันที่ 24 มีนาคม และวันที่ 2 เมษายน เริ่มมีอาการไข้สูง 38.4 องศาเซลเซียส  ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่จังหวัดอยุธยา ส่งตรวจยืนยันเป็นผู้ป่วยโควิด-19 อาการแย่ลงเรื่อย ๆ เสียชีวิตวานนี้(14 เม.ย.)” โฆษกศบค. กล่าว


นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า จากจำนวนตัวเลขผู้ป่วยใหม่ 34 ราย พบว่ามาจากการสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 19 ราย คนไทยเดินทางกลับจากประเทศฝรั่งเศส 1 ราย ไปสถานที่ชุมนุมชน 2 ราย ไม่มีบุคลากรทางการแพทย์และมีผู้ป่วยที่เดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกา มีผู้เข้ารับการกักกันตัว 1 ราย อยู่ระหว่างสอบสวนโรค 7 ราย ส่วนผู้ป่วยสะสม 2,643 ราย พบใน 5 จังหวัดที่สูงที่สุดได้แก่ กรุงเทพมหานคร 1,328 ราย ภูเก็ต 190 ราย นนทบุรี 149 ราย สมุทรปราการ 108 ราย ยะลา 93 ราย จำแนกอัตราป่วยต่อประชากรหนึ่งแสนคน พบว่าจังหวัดภูเก็ตมีผู้ป่วยมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 45.96 กรุงเทพมหานคร ร้อยละ 23.42 ยะลา ร้อยละ 17.41 นนทบุรี ร้อยละ 11.86 และปัตตานี ร้อยละ 11.78  ขณะที่ 9 จังหวัดยังไม่มีรายงานการรักษาผู้ป่วยได้แก่ กำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พิจิตร ระนอง สิงห์บุรีและอ่างทอง

“ถ้าทุกคนไม่ร่วมมือร่วมใจกัน อาจจะเห็นภาพตามที่ประเมินสถานการณ์เลวร้ายที่สุดไว้ก่อนหน้านี้ว่าอาจมีผู้ป่วยกว่า 3 แสนคน แต่ในวันนี้ไทยมีผู้ป่วยอยู่ที่ 2,643 ราย จึงต้องขอบคุณทุกคนที่ช่วยกันปฏิบัติตัวและคุมตัวเลขไว้ได้ ทั้งนี้ เมื่อแบ่งผู้ป่วยตามแหล่งติดเชื้อของกรุงเทพมหานครนนทบุรีและสมุทรปราการ พบว่าเดือนมีนาคม 1,054 ราย มาจากต่างประเทศร้อยละ 15 ติดเชื้อนอกบ้าน ร้อยละ 77 ติดเชื้อในบ้าน ร้อยละ 8 และเดือนเมษายน 460 ราย มาจากต่างประเทศ ร้อยละ 17 ติดเชื้อนอกบ้าน ร้อยละ 60 และติดเชื้อในบ้าน ร้อยละ 23 ซึ่งจะเห็นได้ว่าการติดเชื้อในบ้านเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งคาดว่าเป็นช่วงของการประกาศเคอร์ฟิว ทำให้ประชาชนอยู่บ้านมากขึ้น และอาจเกิดการแพร่กระจายเชื้อได้ ดังนั้นแม้ว่าจะอยู่บ้านก็ควรเว้นระยะห่างระหว่างกันและใส่หน้ากากอนามัย” โฆษกศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนปัจจัยเสี่ยงของจังหวัดชลบุรีในเดือนมีนาคมถึงเมษายนพบว่าช่วงแรกระยะผู้ป่วยนำเข้าตั้งแต่ 17 มีนาคมเป็นรายแรกมีประวัติมาจากสนามมวยและผู้ป่วยสัมผัส จากนั้นเป็นระยะนำเข้าและแพร่โรคต่อในจังหวัดเฉพาะกลุ่มและสถานที่เสี่ยงของชาวต่างชาติและกลุ่มเที่ยวหรือทำงานในสถานบันเทิง หรือกลุ่มเพื่อนที่สังสรรค์กัน และในระยะแพร่โรคในครอบครัวและชุมชน มาจากกลุ่มอาชีพเสี่ยง ร่วมบ้านร่วมทำงาน บุคลากรทางการแพทย์และมาจากนอกจังหวัด 


“สถานการณ์ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อแล้วรวม 1,998,138 ราย เสียชีวิต 126,607 ราย สหรัฐอเมริกา อยู่ที่อันดับ 1 มีผู้ติดเชื้อ 613,886 ราย ไทยยังอยู่ที่อันดับที่ 50 และวานนี้(14 เม.ย.) สิงคโปร์ มีผู้ติดเชื้อ 334 ราย ทำให้สิงคโปร์ต้องเปิดโรงแรมลอยน้ำ เพื่อเป็นที่พักให้กับแรงงานต่างชาติ โดยเป็นเรือของพนักงานในอุตสาหกรรมพลังงานนอกชายฝั่งและอุตสาหกรรมทางทะเล ซึ่งสามารถรองรับผู้เข้าพักได้ 200-300 คนเป็นการป้องกันการแพร่ระบาด ส่วนสถานการณ์ของประเทศอื่น ๆ เช่น จีนได้อนุมัติให้นำวัคซีน 2 ตัว สำหรับต้านไวรัสโควิด-19 เข้าทดสอบในระดับคลินิกกับคน เช่นเดียวกับนักวิทยาศาสตร์ไทยได้เร่งวิจัยวัคซีนด้วย ส่วนอินโดนีเซีย ประธานาธิบดีได้ประกาศให้การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นภัยพิบัติแห่งชาติ/ ฝรั่งเศสได้ประกาศขยายเวลาล็อกดาวน์ประเทศออกไปอีก 4 สัปดาห์จนถึงวันที่ 11 พฤษภาคมนี้ ประเทศญี่ปุ่น ผู้ว่าการกรุงโตเกียวยื่นคำขาดกับชาวบ้านและร้านค้าให้อยู่บ้านและชัตดาวน์ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด” โฆษกศบค. กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงผู้ฝ่าฝืนการประกาศเคอร์ฟิว ว่า มีประชาชนออกนอกเคหสถาน 845 ราย รวมกลุ่มชุมนุมและมั่วสุมจำนวน 81 ราย แบ่งเป็นพื้นที่ภาคกลางถูกดำเนินคดีมากที่สุด ที่จังหวัดปทุมธานี รองลงมาคือภาคตะวันออกที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งตัวเลขต่าง ๆ เป็นการสะท้อนว่าเมื่อฝ่าฝืนกฎหมายอาจจะทำให้พื้นที่นั้นมีความเสี่ยงติดเชื้อมากขึ้น ส่วนการจัดส่งหน้ากากอนามัยของกระทรวงสาธารณสุข ตั้งแต่วันที่ 7 – 14 เมษายนส่งมอบแล้วกว่า 16 ล้านชิ้น จากจำนวนที่รับมอบมากว่า 19 ล้านชิ้น ส่วนของกระทรวงมหาดไทยส่งมอบแล้วกว่า 10 ล้านชิ้น

โฆษกศบค. กล่าวว่า วันนี้(15 เม.ย.) จะมีเที่ยวบินของคนไทยที่ตกค้างเดินทางกลับจากเกาหลีใต้ จำนวน 92 คน พรุ่งนี้(16 เม.ย.) จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 120 คน วันที่ 16 เมษายนจากมัลดีฟส์ 70 คน และวันที่ 17 เมษายนจากบังคลาเทศ 35 คน.-สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.ตร.รับทราบเหตุปะทะเดือดสงขลา ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กต่าย” พยักหน้ารับทราบ เหตุปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ พื้นที่ จ.สงขลา ระบุขอเข้าประชุมก่อน พลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาประชุมร่วมกับกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ที่อาคารรัฐสภา โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า ได้รับรายงานเรื่องการปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่บ้านห้วยเต่า สงขลา แล้วหรือไม่ โดยพลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พยักหน้า แต่ไม่ได้ตอบคำถาม ระบุเพียงว่าขอเข้าประชุมก่อน -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์ ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์โผล่วันจับ “ทิดอลงกต” ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ พบพิรุธ ยังไม่มารายงานตัว พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงความคืบหน้าคดีทิดอลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ที่มีการเปิดเผยออกมาว่า ตลกชื่อ 3 พยางค์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินวัดพระบาทน้ำพุด้วย ว่า มีตลกอีก 1 คนที่ยังเป็นเป้าหมายยังไม่ได้มาแสดงตัวและยังไม่ได้มาให้การ พนักงานสอบสวนจะเรียกมาเอง ซึ่งพบพิรุธเยอะว่าทำอะไรที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่เป็นไปตามวิธีการที่ทำในการเข้าไปช่วยเหลือ ทิดอลงกต ในการขนย้ายสิ่งของ ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญ และไม่เหมือนดาราท่านอื่น ที่เป็นการรับจ้างงาน แต่คนนี้น่าจะเป็นคนที่สนิทส่วนตัว เป็นคนที่เคยถูกดำเนินคดีอยู่ เมื่อถามว่าเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เลยใช่หรือไม่ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ กล่าวว่าเป็นคนลึกลับซับซ้อน ซึ่งเป็นคนที่เคยโผล่ให้เห็นในวันที่ทิดอลงกตถูกจับ -สำนักข่าวไทย

พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที จนท.สวนสัตว์ ลงจากรถ แล้วถูกสิงโตตะปบรุมขย้ำ

กทม. 10 ก.ย.-พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที สิงโตตะปบเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ จากนั้นสิงโตอีก 5 ตัว รุมขย้ำ โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ขัดขืนหรือร้องขอความช่วยเหลือ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตอาจารย์และแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หรือเป็นที่รู้จักในฐานะหมอที่มาช่วยเหลือในคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า วันนี้ตนมาเที่ยวสวนสัตว์ โดยได้ขับรถเข้าไปในโซนซาฟารี ขณะนั้นมีรถนักท่องเที่ยวหลายคันเข้าชม เมื่อมาถึงบริเวณโซนสิงโต ก็พบว่ามีรถของเจ้าหน้าที่รายหนึ่งซึ่งเป็นรถของสวนสัตว์จอดอยู่คันเดียว ตอนนั้นตนเองก็รู้สึกผิดสังเกต เพราะช่วงเวลาดังกล่าวไม่ใช่ช่วงเวลาให้อาหารสัตว์และเจ้าหน้าที่รายนี้อยู่คนเดียว ได้ลงมายืนข้างล่างของรถ ฝั่งคนขับ โดยเปิดประตูทิ้งไว้ แต่ไม่ได้ทำอะไร แค่ยืนเฉยๆ ลักษณะยืนหันหน้า เข้าหารถ หันหลังให้สัตว์ ซึ่งตนก็รู้สึกแปลกอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีต้นไม้บัง ตนก็เลยไม่เห็นว่าในมือถืออะไร จากนั้นประมาณ 3 นาที ก็มีสิงโตตัวหนึ่งค่อยๆ ย่องมาทางข้างหลังช้าๆ ก่อนจะตะครุบเข้าข้างหลังเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวทันที โดยที่เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวไม่ได้มีท่าที ขัดขืน ดิ้นรนต่อสู้ หรือร้องขอชีวิตแต่อย่างใด หลังจากนั้น สิงโตตัวอื่นๆ ก็ค่อยๆ เดินตามมารุมกัดตามที่ปรากฏในคลิป ตนเองไม่รู้จะต้องทำอย่างไร ทำได้เพียงแต่บีบแตรรถ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวคันอื่น ที่ช่วยกันบีบแตร ผ่านไปประมาณ 10 […]

สิงโตสวนสัตว์เอกชน ลาก จนท.ไปรุมกัด สาหัส

กทม. 10 ก.ย.-สิงโตในสวนสัตว์เอกชน ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ลากไปรุมกัด อาการสาหัส นักท่องเที่ยวบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ พ.ต.อ.นิรุชพล โยธามาตย์ ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (10 ก.ย.68) ได้รับรายงานว่า เกิดเหตุสิงโตทำร้ายเจ้าหน้าที่ ภายในสวนสัตว์ของเอกชน จากการตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่ลงไปให้อาหาร โดยไม่ปฏิบัติตามกฎของบริษัท จึงทำให้ถูกสิงโตรุมทำร้าย เบื้องต้นอาการสาหัส นำตัวส่งโรงพยาบาล ประสานพนักงานสอบสวนเชิญตัวเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์มาสอบปากคำ และลงบันทึกประจำวัน โดยยังไม่มีญาติของเจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายมาแจ้งความแต่อย่างใด ทั้งนี้ ในคลิปเป็นเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวบันทึกไว้ได้ บริเวณส่วนจัดแสดงสิงโต มีรั้วขนาดใหญ่เปิดให้รถเข้า-ออก เป็นพื้นที่เปิด ให้นักท่องเที่ยวขับรถเข้าไปด้านใน มีป้ายกำกับชัดเจนห้ามเปิดกระจกและห้ามลงจากรถ ด้านในจะมีรถของสวนสัตว์จอดดูแลความปลอดภัย และบางช่วงมีการจัดแสดงโชว์ให้อาหารสิงโตที่อยู่ด้านใน.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เร่งฟื้นฟูความเสียหายเหตุกระบะชนเสาไฟฟ้า

เชียงใหม่ 11 ก.ย. – เร่งฟื้นฟูความเสียหายเหตุกระบะชนเสาไฟฟ้าล้ม ถนนหนองฮ่อ ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ ชาวบ้านกังวล หลังทราบว่าประกันรถกระบะคันต้นเหตุ คุ้มครองความเสียหายแค่ 600,000 บาท วอนการไฟฟ้า หรือ อบต.ช้างเผือก ยื่นมือช่วยเหลือ ตลอดช่วงเช้าวันนี้ (11 ก.ย.) เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ยังคงระดมกำลังฟื้นฟูระบบไฟฟ้าบนถนนหนองฮ่อ ต.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ โดยขุดหลุมติดตั้งเสาไฟฟ้าแรงสูงและแรงต่ำทดแทนต้นเดิมที่ล้มเสียหายจากอุบัติเหตุ ตลอดเส้นทางเป็นระยะทาง 595 เมตร พร้อมเก็บซากอุปกรณ์ตามร้านค้าและบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเสียหาย คาดว่าจะใช้เวลาอีก 3 วันจะดำเนินการแล้วเสร็จ ขณะที่ระบบไฟฟ้าถูกแก้ไขจนสามารถจ่ายไฟได้ครบทุกหลังคาเรือนแล้วตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ว่าที่ร้อยตรี ปรีชาพล ปาละโมงค์ หนึ่งในเจ้าของร้านที่ได้รับความเสียหาย บอกว่า ช่างมาประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นกับหลังคาและโครงสร้าง ประมาณ 150,000 บาท แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องการชดใช้เยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น ทำให้ยังเปิดร้านไม่ได้ ขาดรายได้ แถมยังมีค่าใช้จ่ายอีกมาก และจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อแสดงความรับผิดชอบจากนายจ้างของกระบะส่งน้ำ ตอนนี้ทุกคนกังวลมาก เพราะทราบว่าประกันรถที่เกิดอุบัติเหตุคุ้มครองความเสียหายเพียง 600,000 บาท ไม่เพียงพอกับมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน จึงทยอยเข้าแจ้งความกันไว้แล้ว ขอเรียกร้องให้ทางการไฟฟ้า หรือ […]

กต.เตรียมมาตรการช่วยเหลือคนไทยในเนปาล

กต. 11 ก.ย.- สอท.เนปาล ประเมินสถานการณ์ร่วม กต. เตรียมมาตรการช่วยคนไทยใกล้ชิด กำชับคนไทยอยู่ในสถานที่ปลอดภัย สถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงกาฐมาณฑุ สาธารณรัฐเนปาล ออกประกาศแจ้งเตือนคนไทยในเนปาล ตามที่ทางการเนปาลได้ประกาศเคอร์ฟิวในหลายพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา สืบเนื่องจากเหตุการณ์การชุมนุมประท้วงต่อต้านการทุจริตและมาตรการห้ามใช้สื่อสังคมออนไลน์ของรัฐบาลเนปาล โดยกลุ่มคนรุ่นใหม่ (Gen Z) ส่งผลให้ทางการเนปาลบังคับใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2568 โดยมีรายละเอียดดังนี้ กรุงกาฐมาณฑุ ประกาศเคอร์ฟิว ตั้งแต่เวลา 08.30 น. เป็นต้นไปจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง ครอบคลุมพื้นที่ภายในถนนวงแหวน (Ring Road) รวมถึงบริเวณสะพาน Balkumari, Koteshwar, Sinamangal, Gaushala, Chabahil, Narayan Gopal Chowk, Gongabu, Balaju, Swayambhu, Kalanki, Balkhu และสะพาน Bagmati เมืองลลิตปูร์ ประกาศเคอร์ฟิวตั้งแต่เวลา 09.00 น. […]

จนท.เทศบาล ถูกดินถล่มทับเสียชีวิตแล้ว

เชียงใหม่ 11 ก.ย. – ยื้อไม่ไหว เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองดอนแก้ว จ.เชียงใหม่ ที่ถูกดินถล่มทับระหว่างสำรวจรอยรั่วท่อระบายน้ำ เสียชีวิตแล้ว นาทีชีวิตขณะนายประเสริฐ วัย 56 ปี หัวหน้าก่อสร้างกองช่าง เทศบาลเมืองดอนแก้ว อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ลงไปตรวจสอบท่อระบายน้ำใต้ถนนในโครงการห้วยตึงเฒ่า หลังมีน้ำรั่วซึมจนเกิดโพรงใต้ดิน ทำให้ถนนทรุดตัว แต่ขณะตรวจดูท่อ ดินบนถนนเกิดทรุดตัวลงมาทับนายประเสริญ ก่อนเจ้าหน้าที่จะช่วยกันนำรถแบ็กโฮขุดดินออก ใช้เวลา 10 กว่านาที จึงนำร่างของนายประเสริฐออกมาได้ ก่อนเร่งนำตัวส่งโรงพยาบาลนครพิงค์ ล่าสุดเช้าวันนี้ (11 ก.ย.) นายประเสริฐเสียชีวิตแล้ว พบหลังกระดูกหักหลายจุด ซี่โครงทิ่มปอดและม้าม ท่ามกลางความเศร้าเสียใจของครอบครัวและเพื่อนร่วมงาน เนื่องจากนายประเสริฐเป็นคนที่ทุ่มเทกับงาน เป็นที่รักของเพื่อนร่วมงาน ด้านนายเกรียงไกร จันณะคำ ผอ.กองช่างเทศบาลเมืองดอนแก้ว ซึ่งเป็นหัวหน้างานของนายประเสริฐ เล่าว่า ขณะเกิดเหตุ ตนและนายประเสริฐลงไปดูจุดท่อรั่วรอบแรกเพื่อหาสาเหตุ ก่อนจะซ่อมถนนและกลบดิน แต่รอบที่สอง นายประเสริฐลงไปดูเองอีกรอบ จนดินด้านบนถล่มลงมาทับ หลังเกิดเหตุเร่งช่วยเหลือนายประเสริฐอย่างเต็มกำลังและปฐมพยาบาลเบื้องต้น ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ซึ่งนายประเสริฐยังรู้สึกตัว จนนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่สุดท้ายก็เสียชีวิตเมื่อตี […]

บ้านห้วยเต่าปะทะเดือด! ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ

สงขลา 11 ก.ย.- ปะทะเดือด! เจ้าหน้าที่ปิดล้อมไล่ล่ากลุ่มก่อความไม่สงบ บ้านห้วยเต่า ขณะที่รถหุ้มเกราะทหารตกเหวขณะเข้าไปช่วยเหตุปะทะ บาดเจ็บ 8 นาย เกิดเหตุปะทะที่บ้านห้วยเต่า อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ขณะที่ชุดจรยุทธกำลังลาดตระเวนในพื้นที่ได้พบกลุ่มคนร้ายประมาณ 4-5 คน ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นชุดของนายอุสมี ได้เปิดฉากยิงใส่เจ้าหน้าที่และหลบหนีเข้าไปในบ้านห้วยเต่า ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่ายของอำเภอสะบ้าย้อยและพื้นที่ใกล้เคียงได้ปิดล้อมพื้นที่ไว้แล้ว เจ้าหน้าที่ความมั่นคงจังหวัดชายแดนภาคใต้ บอกว่า นายอุสมีน่าจะมีกำลังอยู่ประมาณ 4-5 คน และเคลื่อนไหวในพื้นที่อำเภอสะบ้าย้อยเป็นหลัก ขณะที่รถหุ้มเกราะทหาร ร.5 พัน 3 ตกเหว ขณะเข้าไปช่วยเหตุปะทะ มีทหารบาดเจ็บ 8 นาย นำตัวส่ง รพ. นาทวี แล้ว ด้าน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานเรื่องการปะทะเดือด พื้นที่บ้านห้วยเต่า แล้ว -สำนักข่าวไทย