ศบค.ขอเข้าใจไม่ใช่ไทยประเทศเดียวที่โควิดกระทบศก.

ทำเนียบรัฐบาล 25 เม.ย.-โฆษกศบค. เผยผู้ติดเชื้อใหม่ 53 ราย ส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าวในศูนย์กักขังที่สงขลา ย้ำดูแลตามหลักมนุษยธรรม ถ้าเพื่อนบ้านแข็งแรง คนไทยก็แข็งแรง ส่วนผู้เสียชีวิต 1 รายจากครอบครัวที่ติดเชื้อทุกคน ขอเข้าใจผลกระทบทางเศรษฐกิจไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะไทย แต่ทุกประเทศต้องเผชิญ


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ว่า วันนี้(25 เม.ย.) พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 53 คน เสียชีวิต 1 คน หายป่วย 57 คน ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 2,907 คน หายป่วยรวม 2,547 คน เสียชีวิต 51 คน สำหรับผู้ติดเชื้อรายใหม่ 53 คน แบ่งเป็นผู้ป่วยที่พบเชื้อทั่วไป 11 คน อีก 42 คนเป็นการหาเชื้อเชิงรุกในศูนย์กักขังแรงงานต่างด้าวที่อ.สะเดา จ.สงขลา แบ่งเป็นสัญชาติพม่า 34 คน เวียดนาม 3 คน มาเลเซีย 2 คน เยเมน 1 คน กัมพูชา 1 คน อินเดีย 1 คน โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสาธารณสุขจังหวัดจะเข้าไปดูแล 

โฆษกศบค. กล่าวว่า จากรายงานทุกคนสุขภาพแข็งแรง มีอาการไม่มาก จากนี้จะเอ็กซเรย์ปอดและติดตามอาการอย่างละเอียด ทั้งนี้ การสุ่มตรวจเชื้อในกลุ่มแรงงานต่างด้าว เป็นนโยบายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่เห็นข่าวว่าประเทศสิงคโปร์พบแรงงานต่างด้าวติดเชื้อจำนวนมาก ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อโดยรวมสูงขึ้น อีกทั้ง เราประกาศเขตพื้นที่โรคติดต่ออันตรายเพิ่มขึ้น 5 ประเทศ ประกอบด้วย อินโดนีเซีย กัมพูชา เมียนมา ลาวและมาเลเซีย ซึ่งทุกประเทศมีพรมแดนตดิดต่อกับประเทศไทย 


“กลุ่มแรงงานต่างด้าวเป็นกลุ่มที่รัฐบาลให้ความสำคัญ และหลังตรวจแล้ว ผลที่ออกมาไม่ต่างจากที่คาดการณ์ไว้ โดยหลักการมนุษยธรรม ต้องช่วยเหลือดูแลเพื่อนมนุษย์ทุกคน ทำมากได้มาก ยิ่งเราทำก็ได้บุญ  หลักการสำคัญหากประเทศต่าง ๆ หรือทุกคนมีสุขภาพดี เป็นไปได้สูงที่คนในประเทศไทยจะมีสุขภาพดีไปด้วย  ขอขอบคุณชาวสงขลาที่ให้พื้นที่สำหรับดูแลคนเหล่านี้ เพราะด่านสะเดาเพิ่งปิดด่านไป เนื่องจากพบเจ้าหน้าที่ติดเชื้อ และเมื่อเปิดด่านอีกครั้ง ก็พบแรงงานต่างด้าวติดเชื้ออีก ยืนยันว่าศูนย์กักขังมีมาตรการดูแลอย่างดี ไม่เป็นอันตรายต่อชาวสงขลาแน่นอน” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

โฆษกศบค. กล่าวว่า สำหรับผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นชายไทยอายุ 48 ปี อาชีพรับจ้าง มีประวัติสัมผัสผู้ป่วยซึ่งเป็นคนใกล้ชิดในครอบครัว ครอบครัวนี้มีผู้ติดเชื้อทั้งหมด  4 คน น้องชายทำงานในสถานบันเทิงย่านทองหล่อ พ่อแม่และน้องสาวป่วย  ผู้ป่วยรายนี้เริ่มป่วยวันที่ 1 เมษายน 2563 มีอาการไอ ปวดกล้ามเนื้อและศรีษะ เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกทม. แพทย์ให้ยาและกลับบ้าน จากนั้นมีอาการหายใจลำบาก ไอ เข้ารักษาตัวอีกครั้งวันที่ 16 เมษายน อาการหนัก เสียชีวิตวันที่ 24 เมษายน ด้วยระบบทางเดินหายใจล้มเหลว

“วันนี้จะมีคนไทยเดินทางกลับมาจากประเทศอิหร่าน 21 คน ขณะนี้ถึงไทยแล้ว เวลา 15.00 น. พระภิกษุและแม่ชีจะกลับมาจากอินเดีย 171 ราย ส่วนวันพรุ่งนี้(26 เม.ย.) จะมีนักเรียน นักศึกษา แรงงาน นักท่องเที่ยวชาวไทย จำนวน 212 คน ซึ่งทุกคนต้องถูกกักตัว  14 วัน ฝากถึงคนไทยในต่างประเทศที่ต้องการเดินทางกลับให้ติดต่อสถานทูต โดยรัฐบาลจะพิจารณาตามความจำเป็น ซึ่งเด็กนักเรียนจะอยู่ในการพิจารณาหเดินทางกลับเป็นอันดับแรก” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว


โฆษกศบค. กล่าวว่า ส่วนเรื่องการผ่อนปรน รัฐบาลผ่อนปรนมาตรการด้านการขนส่งสินค้าตามแนวชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากพ.ร.ก.การบริหารราชขการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งผู้เกี่ยวข้องต้องกักตัว 14 วันหลังจากการเข้า-ออก ทำให้ส่งผลกรทะบต่อการทำงาน จึงกำหนดให้มีพื้นที่ควบคุมการขนถ่ายสินค้า โดยให้มีจุดคัดกรองและห้ามคนขับรถลงจากรถ เพื่อไม่ให้แพร่เชื้อไปยังบุคลลอื่น  ส่วนผู้ที่ฝ่าฝืนมาตรการด้านความมั่นคง ห้ามออกนอกเคหสถานในช่วงเวลาเคอร์ฟิว สามารถจับกุมดำเนินคดีจำนวน 595 คน มั่วสุมดื่มสุราและการพนัน 40 คน 

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์โลก พบผู้ป่วย 2,830,082 คน มีผู้ป่วยเพิ่ม 58,523 เสียชีวิต 197,246 คน หายป่วย 798,182 คน ประเทศไทยอยู่ในอันดับ 57 คน จำนวนผู้เสียชีวิตมากที่สุดคือสหรัฐอเมริกา อังกฤษและอิตาลี ทั้งนี้ จากการติดตามข่าวคาดการณ์ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อในนิวยอร์กอาจสูงถึง 1 ล้านคน เนื่องจากให้ภาคธุรกิจกลับมาดำเนินการตามปกติ รวมทั้งจำนวนผู้ว่างงานสูงขึ้น จึงอยากให้ทุกคนเข้าใจด้วยว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทย แต่ทุกประเทศต้องเผชิญเช่นกัน แต่ละประเทศมีวิธีรับมือต่างกัน ซึ่งรัฐบาลไทยได้นำรายละเอียดมาศึกษาและนำมาปรับใช้.-สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ 7 ผู้บริสุทธิ์

ศรีสะเกษ 31 ก.ค. – ที่จังหวัดศรีสะเกษ มีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ 7 ผู้บริสุทธิ์ ที่เสียชีวิตบริเวณปั๊มน้ำมัน ในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ จากการโจมตีของกัมพูชา ที่วัดมหาพุทธาราม หรือวัดพระโต พระอารามหลวง จ.ศรีษะเกษ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ และวางพวงมาลาพระราชทาน แก่ประชาชน รวม 7 คน ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความความไม่สงบ ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยผู้เสียชีวิต 6 คน เป็นประชาชนเสียชีวิตบริเวณปั๊มน้ำมัน ในพื้นที่บ้านผือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีษะเกษ และอีก 1 คนเสียชีวิตจากระเบิดลงบ้าน ในพื้นที่หมู่ที่ 4 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยมีนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็นประธานในพิธี พร้อมครอบครัวผู้เสียชีวิต และมีพิธีการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมทุกคืน ถึงวันที่ 2 ส.ค.นี้ ก่อนจะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพ 3 สิงหาคมนี้ ด้านนายคมสันต์ […]

พบโดรนปริศนาหลายพื้นที่ คาดเป็นโดรนจารกรรม

บุรีรัมย์ 31 ก.ค. – แม้จะมีประกาศห้ามบินโดรนทั่วประเทศตั้งแต่เมื่อวานนี้ แต่ในหลายพื้นที่ยังตรวจพบโดรนปริศนาขึ้นบิน เบื้องต้นคาดเป็นโดรนสอดแนม ขณะที่วิทยุการบินฯ วอนประชาชนร่วมมือ หากฝ่าฝืนจะใช้มาตรการทางทหารจัดการทันที เมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. คืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างจรรยา จุด อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ใช้โทรศัพท์บันทึกภาพโดรนที่บินเหนือ รพ.เฉลิมพระเกียรติ ไว้ได้ และยังพบว่ามีโดรนบินเหนือบ้านตะโก, บ้านยายคำ, ตลาดตาเป๊กและบ้านเจริญสุข รวมทั้งหมด 4 แห่ง บินวนเวียนประมาณ 5 นาที จึงพยายามตรวจสอบโดยรอบพื้นที่ ก่อนจะพบรถตู้ยี่ห้อฮุนไดสีดำจอดอยู่ เชื่อว่าน่าจะเป็นเจ้าของโดรน เมื่อเข้าไปสอบถามคนในรถตู้ ที่เปิดกระจกลงมาพูดคุย เห็นภายในรถตู้มีคนประมาณ 3-4 คน มีอุปกรณ์คล้ายเครื่องควบคุมอะไรบางอย่างอยู่ในรถ จึงสอบถามว่าจะไปที่ไหน ได้รับคำตอบว่าจะไปสระแก้ว หลังจากนั้นรถตู้ได้ขับหนีออกไปอย่างรวดเร็ว แม้จะพยายามขับรถไล่ตามแต่ตามไม่ทัน เชื่อว่าเป็นโดรนของกัมพูชามาบินสอดแนมอย่างแน่นอน ส่วนที่ อำเภอบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ตรวจพบโดรนปริศนาหลายสิบลำ บินว่อนเหนือพื้นที่อำเภอบ้านกรวด ครอบคลุมพื้นที่ 7 ตำบล คือ ตำบลสายตะกู ตำบลจันทบเพชร […]

ทบ. เชิญผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนรับฟังข้อเท็จจริงชายแดนไทย-กัมพูชา

กทม. 31 ก.ค.- ทบ. เชิญผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนร่วมหารือและรับฟังการชี้แจงข้อเท็จจริง อัปเดตสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังตั้งทีมเฝ้าติดตามหยุดยิงชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้ (31 ก.ค.68) พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพบกโดยกรมข่าวทหารบก ร่วมหารือกับผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนประจำประเทศไทย นำโดยผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำประเทศไทย ณ อาคารศรีสิทธิสงคราม ภายในกองบัญชาการกองทัพบก โดยมี พล.ท.กำชัย วงศ์ศรี เจ้ากรมข่าวทหารบก เป็นประธานในการหารือ การหารือครั้งนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา รวมทั้งการจัดตั้ง Interim ASEAN Defence Attaches Monitoring Team (Interim ASEAN DAs Monitoring Team) ในการปฏิบัติหน้าที่สังเกตการณ์สถานการณ์หยุดยิง (Ceasefire) ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา ซึ่งการหารือในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากข้อตกลงหยุดยิง ที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 28 ก.ค.68 ที่ผ่านมา ซึ่งมีการเห็นพ้องร่วมกันในการจัดตั้งทีมเฝ้าติดตามชั่วคราวของฝ่ายทูตทหารจากชาติสมาชิกอาเซียนโดยเร่งด่วน เพื่อเป็นกลไกเบื้องต้นในการติดตามสถานการณ์และสร้างความไว้วางใจระหว่างทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ในที่ประชุมได้มีการหารือเกี่ยวกับการจัดตั้งกลไก ASEAN Monitoring Team (AMIT) ในอนาคต […]

“มาริษ” ยันไทยไม่เสียเปรียบกัมพูชาในเวทีนานาชาติ

ก.ต่างประเทศ 31 ก.ค.-“มาริษ” ยันไทยไม่เสียเปรียบกัมพูชาในเวทีนานาชาติ และไม่ได้นิ่งนอนใจเฟคนิวส์ฝั่งกัมพูชา สั่งทูตเดินหน้าแจงทุกกรอบทุกเวที บอกนำทูตต่างประเทศลงดูพื้นที่ชายแดนช้า ห่วงความปลอดภัย ชี้ไปเร็ว ไม่ถือว่าชนะ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงยืนยัน จากสถานการณ์ปัญหาไทย-กัมพูชา ไทยไม่ได้เสียเปรียบ เพราะการชี้แจงอยู่ในกรอบของสหประชาชาติ เราได้ย้ำจุดยืนตั้งแต่ต้น ว่าเรายึดมั่นในสันติวิธีและกฎหมายระหว่างประเทศ กรอบกฎบัตรของอาเซียน แม้มีความพยายามนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC แต่ไม่ได้ออกข้อมติใดๆ และพูดว่าเป็นเรื่องของการเจรจาในระดับทวิภาคีไม่ต้องเอากลับมาในกรอบของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ รวมทั้งการที่กัมพูชา พยายามพูดปัญหาระหว่างไทยกับกัมพูชาในเวทีที่ปัญหาอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ก็ไม่ได้รับการบรรจุเรื่องนี้ในสเตทเมนท์ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าแม้มีความพยายามบิดเบือนจากกัมพูชาในเวทีต่างๆ แต่กระทรวงการต่างประเทศก็ไม่ได้อยู่นิ่ง เดินหน้ามาตรการทางการทูตโดยเร่งชี้แจงกับประเทศต่าง ๆ ทั้งกรอบทวิภาคี ภาคีในเวทีระหว่างประเทศทั้งหลาย ทั้งดำเนินการจากส่วนกลาง และการดำเนินการ ผานสถานทูตสถานกงสุญใหญ่ทั่วโลก ตั้งแต่เกิดกรณีการรุกราน เช่น ในเรื่องของ UNSC การวางทุ่นระเบิดสังหาร การโจมตีพลเรือน ในฝั่งไทย และประณามไปแล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า เมื่อเช้าได้พบกับเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ซึนตนได้พูดให้เห็นถึงภาพต่าง ๆ ในการพบกันกับผูนำกัมพูชาที่มาเลเซีย และบอกว่าเราต้องการเห็นการหยุดยิงที่ไม่มีเงื่อนไข และหยุดยิง เด็ดขาดตามที่ตกลงกัน ซึ่งเรื่องนี้ต้องได้รับความจริงใจจากกัมพูชา […]