สธ.20 เม.ย.-สธ.หารือผ่อนปรนมาตรการโควิด-19 เล็งเปิดบริการร้านค้าต่างๆ ตามความเสี่ยงต่ำและปานกลาง ทั้งสวนสาธารณะ ร้านตัดผม ห้างสรรพสินค้า แต่ห้ามเปิดเด็ดขาด ผับ บาร์ คาราโอเกะ สนามมวย ต้นเดือน พ.ค.รวม 32 จังหวัด จากนั้นทยอยเปิดใน 38 จังหวัด ส่วน 7จังหวัด กทม. และปริมณฑล เปิดจังหวัดเป็นกลุ่มสุดท้าย เพราะยังพบการระบาด
นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ที่ปรึกษาด้านวิชาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เฉพาะการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 กล่าวภายหลังประชุมหารือแนวทางผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์รับมือโควิด-19 ว่า เมื่อเช้าที่ผ่านมา (20เม.ย.) ได้มีการหารือร่วมกับคณะแพทย์ฯจากสถาบันต่างๆ และมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน โดยที่ประชุมเห็นตรงกันถึงการผ่อนปรนมาตรการเพื่อให้ประชาชนทั่วไป ภาคธุรกิจสามารถไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยมาตรการที่ต้องคงไว้ไม่สามารถผ่อนปรนได้ ได้แก่ การตรวจคัดกรองประชาชน ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และผู้ที่เดินทางมาต้องอยู่ภายในภายที่กักตัวที่รัฐจัดหาให้ 14 วันตามที่รัฐกำหนด และทุกจังหวัดต้องมีการค้นหาผู้ติดเชื้อรายไม่ ในแออัดหนาแน่น และเพิ่มความเข้มข้นเรื่องการตรวจแล็บ ซึ่งมาตรการนี้ต้องไม่หย่อนยานเด็ดขาด
นพ.คำนวณ กล่าวว่า มาตรการที่ประชาชนต้องปฏิบัติตัวอย่างสม่ำเสมอ คือการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างเหมือนเดิม งดการชุมนุม เพื่อไม่ให้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ เป็นหน้าที่ที่ทุกคนต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ส่วนการดำเนินงานของภาคธุรกิจ ได้มีการหารือ และทราบว่าขณะนี้มีประชาชน 7-10 ล้านคนประสบปัญหาตกงาน ได้มีการประเมินร่วมกัน และผ่อนปรนเพื่อให้การดำเนินงานสามารถกลับมาทำได้ตามปกติ โดยปรับตามความเสี่ยง และความหนาแน่นในพื้นที่ของสถานประกอบการ แบ่งเป็นเสี่ยง สูง เสี่ยงกลาง เสี่ยงต่ำ ส่วนกิจการที่ต้องหยุดดำเนินต่อ เนื่องจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ได้แก่ สถานบันเทิงผับ บาร์คลับ คาราโอเกะ อาบอบนวด สนามมวย ที่มีการพนันแข่งขัน กู่ร้อง ตะโกน เป็นผลมาจากข้อมูลการแพร่ระบาดของโรค ที่เป็นต้นตอของการเพิ่มจำนวนผู้ป่วย
นพ.คำนวณ กล่าวต่อไปว่า ต่อไปในอนาคตการพิจารณาปิดสถานที่ จะ ไม่ทำแบบครอบจักรวาล ขยายเหมือนกันหมดทุกพื้นที่ ทั้งประเทศ 77 จังหวัด แต่จะพิจารณาบางพื้นที่ และมีการรายงานข้อมูลแบบเรียลไทม์เฉพาะในพื้นที่ที่เกิดปัญหา เพื่อเป็นการชะลอไม่ให้กลับมาแพร่ระบาดซ้ำอีก โดยพิจารณาใช้ข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข จากวันที่ 14เมษายน พบว่า ในพื้นที่ 32 จังหวัด ไม่มีการระบาดมานาน 2 สัปดาห์ ถือเป็นการพบผู้ติดเชื้อระดับต่ำ กลุ่มนี้จะสามารถผ่อนปรนมาตรการได้ก่อน เริ่มดำเนินการต้นเดือนพฤษภาคม จากนั้นหาก 2 สัปดาห์ สถานการณ์ดีก็พิจารณา เพิ่มจังหวัดที่มีการติดเชื้อประปรายในรอบ 2 สปัดาห์ อีก 38 จังหวัดให้เปิดดำเนินการได้ปกติ คาดว่ากลุ่มนี้ดำเนินการได้กลางเดือนพฤษภาคม
ส่วนที่เหลืออีก 7 จังหวัด ที่พบการติดเชื้อต่อ เนื่อง แต่ไม่มีการระบาดใหญ่ คาดว่าจะสามารถผ่อนปรนเปิดจังหวัดได้ ประมาณต้นเดือนมิถุนายน แต่ต้องทำอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดการระบาดใหม่ในระลอก 2-3 หากประชาชนและภาคธุรกิจ ร่วมมือกันปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ก็จะทำให้เกิดความสมดุลต่อการใช้ชีวิต ความปลอดภัย ธุรกิจก็เดินหน้า ทุกอย่างต้องมีการเปลี่ยนไปเพื่อความปลอดภัย ภาคธุรกิจก็จะนำแนวทางของกระทรวงสาธารณสุขไปพิจารณา ปรับให้เหมาะสม พิจารณาจากสถานที่ ห้องเล็กแคบหรือแออัด ความถ่ายเทของอากาศ เช่น ร้านอาหารจัดโต๊ะให้มีระยะห่าง ร้านตัดผมจัดทำเวลานัดมาตัดผม ไม่อนุญาตให้คนเข้าไปรอที่ร้าน
สำหรับห้างสรรพสินค้า ถือว่าอยู่ในเกณฑ์เสี่ยงปานกลาง การเข้าไปทำกิจกรรมในห้างร้าน ต้องมีการตรวจคัดกรองหน้าทางเข้า วัดอุณหภูมิและกำหนดระยะเวลา การใช้บริการและจำนวนที่เข้า ห้องน้ำภายในห้างต้องไม่รอคิว ทำแอปพลิเคชัน บันทึกข้อมูลผู้ใช้บริการในห้างและให้ข้อมูลกับประชาชน ขณะเดียวก็สามารถบอกได้ว่ามาใช้บริการอะไร สิ่งสำคัญห้ามจัดนาทีทอง โปรโมชั่นอย่างเด็ดขาด
ส่วนสวนสาธารณะ คาดว่าเป็นสิ่งแรกที่สามารถกลับมาดำเนินการได้เพราะเสี่ยงต่ำ แต่การออกำลังต้องไม่จับกลุ่มชุมชน เช่น การออกกำลังกายทำได้ แต่ต้องไม่จับกลุ่มกินน้ำชากันต่อ ส่วนในเด็กนักเรียน ที่เลื่อนการเปิดภาคเรียนไปเดือนกรกฎาคม นั้น ก็ต้องมีการปรับตัว โดยเฉพาะโรงเรียนที่มีการติดเครื่องปรับอากาศ ต้องมีการจัดโต๊ะและระยะห่าง
นพ.คำนวณ กล่าวด้วยว่า กรอบแนวคิดรูปแบบต่างๆนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะได้นำไปเสนอที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ต่อไป
สำหรับ 32 จังหวัดนำร่องแรก ได้แก่ จ.น่าน กำแพงเพชร พิจิตร สิงห์บุรี อ่างทอง ชัยนาท บึงกาฬ ตราด ระนอง จันทรบุรี เพชรบูรณ์ แพร่ มหาสารคาม มุกดาหาร ยโสธร ร้อยเอ็ด สุโขทัย อุทัยธานี กาพสินธุ์ ชัยภูมิ นครนายก นครพนม พังงา สกลนคร สตูล หนองบัวลาภู อำนาจเจริญ อุดรธานี พิษณุโลก แม่ฮ่องสอน ลพบุรี สระบุรี
ส่วน 38 จังหวัดที่เหลือเปิดในรอบ 2 กลางเดือนพฤษภาคม ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ปทุมธานี เชียงใหม่ นราธิวาส กระบี่ กาญจนบุรี ขอนแก่น ชุมพร เชียงราย ตรัง ตาก นครปฐม นครราชสีมา นครศรีธรรมราซ นครสวรรค์ บุรีรัมย์ ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา พะเยา พัทลุง เพชรบุรี ระยอง ราชบุรี ลำปาง ลำพูน เลย ศรีสะเกษ สงขลา สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สระแก้ว สุพรรณบุรี สุราษภร์ธานี สุรินทร์ หนองคาย อุตรดิตถ์ อุบลราชธานี
ส่วน 7 จังหวัดที่ยังพบผู้ป่วย และจะสามารถผ่อนปรนเปิดทำการเป็นกลุ่มสุดท้าย ต้นมิถุนายนได้แก่ กทม. ชลบุรี นนทบุรี ภูเกีต สมุทรปราการ ปัตตานี ยะลา .-สำนักข่าวไทย