ศบค.ยันยังไม่เคอร์ฟิว24ชม. ขณะป่วยเพิ่ม 51 ตาย3

ทำเนียบรัฐบาล 6 เม.ย.-โฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 พบผู้ป่วยใหม่ 51 ราย ผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นเป็น 2,220 ราย เสียชีวิตรวม 26 ราย พบ 1 ราย อายุเพียง 28 ปี ถือว่าน้อยสุดและไม่มีโรคประจำตัว ยืนยันยังไม่เคอร์ฟิว24ชั่วโมง


นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงข่าวสถานการณ์ประจำวันนี้ (6 เม.ย.) ว่า ไทยมีรายงานผู้ป่วยใหม่ 51 ราย พบใน 66 จังหวัด รวมผู้ป่วย 2,220 ราย หายป่วยแล้ว 793 ราย ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ดีขึ้น ขณะมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย รวม 26 คน แต่ขออย่าเพิ่งดีใจ เพราะบางส่วนมีกรณีที่รอการสอบสวนของโรคทั้งนี้ ผู้เสียชีวิตรายแรก เป็นชายไทย อายุ 28 ปี เพื่อนร่วมงานภรรยาติดโควิด-19 ป่วยมีอาการไข้สูง ไอ เจ็บคอ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในจังหวัดสมุทรปราการ ผู้เสียชีวิตรายที่สอง เป็นชายไทย อายุ 51 ปี มีภาวะอ้วน มีอาการปอดอักเสบรุนแรง และผู้เสียชีวิต รายที่ 3 หญิงไทย อายุ 59 ปี เป็นนักพนัน เดินสายเล่นการพนันใน กทม. พบเจอผู้คนจำนวนมาก รักษาตัวในโรงพยาบาลกรุงเทพมหานคร มีอาการปอดอักเสบรุนแรงและหืดหอบ โดยทั้ง 3 รายที่เสียชีวิต ไม่มีใครรู้ตัวว่าติดเชื้อโควิด-19 แต่มารู้ในภายหลังซึ่งอาการหนักแล้ว 

นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่าในจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น 51 ราย แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือผู้ป่วยที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยัน หรือเกี่ยวข้องกับสถานที่พบผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ 25 ราย เป็นพิธีกรรมทางศาสนา 3 ราย และสัมผัสผู้ป่วยยืนยันใกล้ชิด 22 ราย ส่วนกลุ่มที่ 2 คือ ผู้ป่วยอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยก่อนหน้านี้ 19 ราย อาทิ คนไทยที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ 1 ราย คนต่างชาติเดินทางมาจากต่างประเทศ 1 ราย สัมผัสผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ 1 ราย เป็นอาชีพเสี่ยงที่ทำงานในสถานที่แออัดหรือใกล้ชิดสัมผัสชาวต่างชาติ 3 ราย บุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุข 13 ราย และกลุ่มที่ 3 อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 7 ราย สำหรับผู้ป่วยใหม่ทั้ง 51 ราย อยู่ใน กรุงเทพมหานครสูงสุด 27 ราย รองลงมา นนทบุรีและภูเก็ตจังหวัดละ 4 ราย ชลบุรี 3 ราย สมุทรปราการ ยะลา สุราษฎร์ธานี พัทลุงจังหวัดละ 2 ราย ปัตตานี ปทุมธานี อุบลราชธานี นราธิวาส และสระแก้ว จังหวัดละ1 ราย


นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่าสำหรับผู้ป่วยสะสมทั้ง 2,220 คน ใน 66 จังหวัด  10 อันดับสูงสุดของจังหวัดที่พบผู้ป่วยคือ กรุงเทพหานคร 1,051 ราย นนทบุรี 143 ราย ภูเก็ต 135 ราย สมุทรปราการ 103 ราย ชลบุรี 66 ราย ยะลา 54 ราย ปัตตานี 46 ราย สงขลา 37 ราย เชียงใหม่ 37 ราย ปทุมธานี 28 ราย อยู่ระหว่างสอบสวน 173 ราย โดยกลุ่มอายุ 20-29 ปี พบการติดเชื้อมากที่สุดในจำนวน 539 ราย อัตราส่วนหญิง : ชาย คือ 1 : 1.25 ทั้งนี้ ยังคงชื่นชม 11 จังหวัดที่ยังไม่มีการรับรักษาผู้ป่วยติดเชื้อ  ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร ชัยนาท ตราด น่าน บึงกาฬ พังงา พิจิตร ระนอง สตูล สิงห์บุรี และอ่างทอง 

นายแพทย์ทวีศิลป์ ยังวิเคราะห์ว่า การติดเชื้อภายในประเทศในระยะเวลา 7 วันล่าสุด  ในส่วนของ กทม.มีแนวโน้มลดลง ส่วนต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น ขณะที่การติดเชื้อจากต่างประเทศใน 7 วันล่าสุดนั้น ต่างชาติไม่เกิน 10 รายต่อวัน ส่วนใหญ่มาจากยุโรป คนไทย 10-25 รายต่อวันจากยุโรป  ปากีสถาน  และอินโดนีเซีย  (ดาวะห์) 

นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า  สถานการณ์การแพร่ระบาดทั่วโลกในขณะนี้  สหรัฐอเมริกามีผู้ติดเชื้อมากที่สุด  336,327 ราย เสียชีวิต 9,605 ราย รองลงมาคือสเปน มีผู้ติดเชื้อ 131,646 ราย เสียชีวิต 12,641 ราย และอิตาลี มีผู้ติดเชื้อ 128,948 ราย เสียชีวิต 15,887 ราย โดยไทยอยู่ในอันดับที่ 39


นายแพทย์ทวีศิลป์ ยังกล่าวถึงการประกาศเคอร์ฟิวเวลา 22.00-04.00 น.ว่า ในคืนวันที่ 5-6 เมษายน ได้ตั้งจุดตรวจจำนวน 836 จุด พบการกระทำผิดไม่มีเหตุผลในการเดินทาง 919 คน นอกจากนี้ยังพบการรวมกลุ่มมั่วสุม เช่น การดื่มสุรา การเสพยาเสพติด จำนวน 79 คน โดยทั้งหมด มีการตักเตือน 315 คน ดำเนินคดี 708 คน อย่างไรก็ตาม วันนี้(6เม.ย.)จะเพิ่มจุดตรวจเป็น 923 จุด จึงขอขอบคุณสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่เข้ามาดูแลและเพิ่มการตรวจสอบให้

นายแพทย์ทวีศิลป์ ยังกล่าวถึงคนไทยที่ติดค้างอยู่ในต่างประเทศระหว่างรอ หลังการบินพลเรือน สั่งห้ามเครื่องบินลงจอด สนามบินในไทยถึงคืนนี้ (6 เม.ย.) ว่า ทางสถานทูตได้สำรวจแล้วมีประมาณ 48 คน อยู่ที่ญี่ปุ่น 12 คน โซล 35 คน เนเธอร์แลนด์ 1 คน ซึ่งสถานทูตรับไปดูแลอย่างดี แต่ยอมรับว่า อาจจะไม่สะดวกสบาย และหากในวันพรุ่งนี้(7เม.ย.) มีการเปิดให้กลับมาบินได้ตามปกติ ก็สามารถเดินทางกลับได้ ขณะเดียวกันวันนี้ (6 เม.ย.) จะมีคนไทยกลับจากอินโดนีเซีย 111 คน ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ขออนุญาตไว้ล่วงหน้าแล้ว โดย ทางจังหวัดได้เตรียมความพร้อม และจะพาคนเหล่านี้ไปยังสถานที่กักตัวที่รัฐจัดให้ อย่างไรก็ตาม คาดว่า หลังจากนี้จะมีคนไทยเดินทางกลับประเทศอีกจำนวนมาก รัฐบาลก็จะพยายามดูแลและควบคุมสถานการณ์ จึงขอความร่วมมือให้คนไทยในต่างประเทศติดต่อสถานทูตเพื่อแจ้งจำนวน คนไทยที่จะเดินทางกลับมา เพื่อประเทศไทยที่จะได้เตรียมการรองรับในการพาไปยังสถานที่กักตัวโดยรัฐ  และย้ำว่า ทุกคนต้องปฏิบัติตามมาตรการ โดยการกักตัวที่ต้นทาง 14 วันและมีใบรับรองแพทย์  และเมื่อมาถึงก็ต้องกักตัวที่ประเทศในสถานที่กักกันของรัฐ 14 วัน 

นายแพทย์ทวีศิลป์ ยืนยันว่า ยังไม่มีการประกาศเคอร์ฟิว 24 ชั่วโมงตามกระแสข่าวลือตามโซเชียลแต่อย่างใด ซึ่งหากตัวเลขลดลง ก็ไม่จำเป็นต้องมีมาตรการเพิ่ม แต่หากตัวเลขไม่ลดลงก็จะมีมาตรการเพิ่ม ส่วนที่มีการแชร์เอกสารกันออกไปเป็นการสื่อสารไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดนั้น ก็เป็นข้อมูลธรรมดาที่แปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติ ใช้คำว่า “เตรียมการยกระดับ” ซึ่งเป็นการใช้คำที่ถูกต้อง ยืนยันว่า นโยบายนำไปสู่การปฏิบัติอย่างแท้จริง ย้ำว่า การนำเสนอข่าวไม่เป็นจริงในช่วงที่มี พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้นจะมีโทษ จึงขอให้ฟังการแถลงข่าวของศูนย์เท่านั้น ขออย่าแชร์และอย่าเชื่อข่าวเคอร์ฟิว 24 ชั่วโมง

ส่วนการจัดหาหน้ากาก n95 ที่มีความกังวลว่าจะได้หน้ากากที่ไม่ได้มาตรฐานนั้น นายแพทย์ทวีศิลป์ กล่าวว่า ได้รับรายงานจำนวนมากว่ามีการหลอกขาย เมื่อทุกคนต้องการใช้ และต้องการซื้อมาบริจาค ขอให้สอบถามรายละเอียดผู้ที่จำเป็นต้องใช้ก่อนว่า เป็นหน้ากากที่สามารถใช้ได้จริงหรือไม่ เพราะหน้ากากบางชนิดมีรูปลักษณ์ภายนอกคล้ายกับหน้ากาก n95 แต่ไม่สามารถใช้ได้จริง ดังนั้น หากจะบริจาคอะไรขอให้ติดต่อกับทางการแพทย์ หรือโรงพยาบาลก่อน และปล่อยให้บรรดาผู้ค้าที่ขายหน้ากากไม่มีมาตรฐานเกิดความเสียหายไป 

นายแพทย์ทวีศิลป์ ยังกล่าวถึงการใช้พลาสมาของผู้ที่หายจากการติดเชื้อโควิด-19 ว่า ผู้ที่หายจากการติดเชื้อย่อมมีภูมิคุ้มกัน ซึ่งจะใช้ประโยชน์จากพลาสมาในการยับยั้งผู้ที่ติดเชื้ออยู่ได้ โดยบางรายก็ประสบความสำเร็จ บางรายก็ยังต้องใช้องค์ประกอบอื่น ดังนั้น หากผู้ที่หายจากการติดเชื้อแล้วให้ความร่วมมือก็เป็นเรื่องที่ดี.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบแล้วบ้าน “พระอลงกต” ที่ขอนแก่น ชาวบ้านเผยเป็นคนใจดี

ขอนแก่น 25 ส.ค. – พบแล้วบ้านของ “พระอลงกต” ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง ชาวบ้านเผย “พระอลงกต” เป็นคนใจดี กลับมาแจกเงินทุกปี พอเห็นข่าวรู้สึกตกใจและสงสาร เพราะเที่เคยสัมผัสเป็นคนใจดี ทีมข่าวตรวจสอบข้อมูลเพื่อตามหาบ้านของพระอลงกต รู้ว่าเป็นคน จ.ขอนแก่น ตั้งแต่กำเนิด สืบค้นที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน พบระบุว่าบ้านเกิดของหลวงพ่ออลงกต อยู่ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบว่าเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง และไปพบบ้านของพ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ซึ่งทุกคนไม่ได้เรียกว่าพระอลงกต แต่จะคุ้นเคยเรียกกันว่าพระจอร์จ และนิสัยของพระพระอลงกตมีแต่เรื่องราวดีๆ มอบให้กับสังคม พระอลงกตจะแวะเวียนมาบอกบุญเสมอปีละครั้ง ในช่วงวันเกิดที่โรงเรียนแก่นนคร ที่พระอลงกตเคยศึกษา อย่างช่วงที่พ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ยังมีชีวิต พ่อเฉยจะทำว่าวให้เด็กๆ ละแวกนี้เล่น เป็นที่รักของคนในชุมชนเช่นกัน พี่สาวของพระอลงกต ขายข้าวแกงอยู่ตรงข้ามบ้านพักข้าราชการ ซึ่งบ้านของครอบครัวพระอลงกต จะอยู่ติดกับรั้วของสำนักงานทางหลวง แต่พอครอบครัวพระอลงกตเกษียณก็พากันย้ายออกไปอยู่ที่อื่น บ้านพักปัจจุบันนี้ไม่มีใครอยู่ และบ้านส่วนตัวก็ไม่มีใครอยู่อาศัยเช่นกัน พระอลงกตออกจากบ้านไปช่วงปี 2527 แต่พระอลงกตจะกลับมาที่บ้านส่วนตัวทุกปี หลังจากเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อมาทำบุญวันเกิดโรงเรียนแก่นนคร มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ เสมอ […]

ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์”

กทม. 24 ส.ค.-ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่า ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยโวยวายและขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ คาดน่าจะเกิดจากมึนเมา กรณีนักแสดงสาว “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่าวัด ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยได้ลงจากรถมาโวยวายขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ทาง พ.ต.อ.เจษฎา ยางนอก ผกก.สน.วังทองหลาง เผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจ สน.วังทองหลาง ได้ตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ ที่ถนนประดิษฐ์มนูธรรม ช่วงเวลาประมาณ 02.00-04.00 น. ได้ขอตรวจรถยนต์ยี่ห้อปอร์เช่ สีเขียว ปรากฏว่ามี น.ส.มารี เบรินเนอร์ นักแสดงสาว เป็นผู้ขับขี่ และมีนายอัศม์กรณ์ โดยสารมาด้วย ซึ่งนั่งข้างหน้า และมีผู้หญิงมาด้วยอีก 2 คน เมื่อขอตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ นายอัศม์กรณ์ กลับโวยวาย ขัดขวางไม่ให้ตรวจ และมีการด่าทอด้วยคำที่หยาบคาย แต่ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ในที่สุดตำรวจได้คุมตัวทั้งหมดมายัง สน.วังทองหลาง พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาเมาแล้วขับ กับนางสาวมารี เนื่องจากนางสาวมารี ไม่ยินยอมเป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ จากนั้นนางสาวมารี ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 20,000 บาท […]

“คาจิกิ” ทวีกำลังเป็นพายุไต้ฝุ่น ส่งผลให้ไทยฝนตกเพิ่มทุกภาค

กรุงเทพฯ 24 ส.ค.- กรมอุตุฯ ออกประกาศระบุ ช่วงเช้าที่ผ่านมา พายุโซนร้อน “คาจิกิ” ในทะเลจีนใต้ ได้ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น เตือน 57 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 24-27 ส.ค.68 นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น “กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย และมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ย ก่อนจะขึ้นฝั่งตอนบนของ ประเทศเวียดนาม และ สปป.ลาว ในช่วงวันที่ 25–26 สิงหาคมนี้ ขอบด้านหน้าของพายุ เริ่มส่งผลกระทบต่อไทยตั้งแต่วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีเมฆฝนเพิ่มขึ้น จากนั้นจะมีฝนตก ก่อนขยายไปยังภาคกลาง รวมทั้ง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ ในช่วงวันถัดไป กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า อิทธิพลของพายุ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่มีกำลังแรง จะทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ […]

“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดี เป็นคลิปตกแต่งเสียง

ทำเนียบ 24 ส.ค.-“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดีศาล รธน. ที่ “ชวน” ได้ยินเป็นคลิปตกแต่งเสียง ฟังกี่รอบก็ชัดว่า “นั่งลงครับ” เตือนประชาชนบิดเบือนข้อมูลใส่ร้าย อย่าโพสต์ ไม่ชัวร์ อย่าแชร์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อดีตประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ กล่าวถึง กรณีมีการบิดเบือนคำพูดในวันสืบพยานของนายกรัฐมนตรี โดยหลังจากนายกรัฐมนตรีกล่าวคำสาบานตนแล้ว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่งได้กล่าวคำว่า “นั่งลงครับ” แต่กลับมีกระบวนการนำไปบิดเบือนและตกแต่งเสียง โดยกล่าวหาว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพูดว่า “นั่งลงลูก“ ซึ่งเป็นการบิดเบือน ขณะเดียวกัน ยังพบว่าอดีตประธานรัฐสภา นายชวน หลีกภัย ได้สัมภาษณ์ให้ความเห็นในกรณีดังกล่าวหลายประเด็น ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า นายชวน หลีกภัย อาจจะยังไม่ได้ฟังคลิปเต็มๆ จริงๆ ในวันดังกล่าว หรือไม่ก็อาจจะได้ฟังจากคลิปที่ถูกบิดเบือนและตกแต่ง ซึ่งความเป็นจริงการบันทึกเสียงทั้งหมดหรือการกล่าวบนบัลลังก์ คนที่นั่งอยู่ในห้องพิจารณาก็ได้ยินตรงกันว่า “นั่งลงครับ” ทั้งสิ้น นายจิรายุ กล่าว ตนในฐานะเคยดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาลองค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ ติดตามการทำงานกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด ไม่มีเหตุผลใดๆ ในกระบวนการยุติธรรมที่จะใช้คำพูดในลักษณะเช่นนี้ […]

ข่าวแนะนำ

จับตา “คาจิกิ” หลายจังหวัดภาคเหนือเตรียมรับมือน้ำท่วมดินถล่ม

25 ส.ค. – หลายจังหวัดทางภาคเหนือ โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งเคยเผชิญน้ำท่วมครั้งใหญ่ทั้งน่าน ชายแดนแม่สาย เชียงราย และเชียงใหม่ ต่างเร่งเตรียมรับมือพายุคาจิกิ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบชัดเจนตั้งแต่พรุ่งนี้ นอกจากเสี่ยงจะเกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากแล้ว บางพื้นที่ยังเสี่ยงดินโคลนถล่มด้วย โดยเฉพาะหมู่บ้านใกล้เชิงเขาที่จังหวัดน่าน ซึ่งเกิดดินสไลด์จนกระทบบ้านเรือนนับสิบหลังก่อนหน้านี้ ตอนนี้ต้องอพยพชาวบ้านกว่า 20 ครอบครัวออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว .-สำนักข่าวไทย

“บ้านหนองจาน” วุ่น เขมรบุกรื้อรั้วลวดหนาม-ปาของใส่ทหารไทย

สระแก้ว 25 ส.ค. – ชายแดนสระแก้วตึงเครียด ชาวกัมพูชาบุกรื้อรั้วลวดหนาม-ปาของใส่เจ้าหน้าที่ ในพื้นที่บ้านหนองจาน ทหารไทยเจ็บ 1 นาย ด้านกองทัพภาคที่ 1 แจงเป็นความเข้าใจผิดของฝ่ายกัมพูชา สถานการณ์บริเวณแนวชายแดนไทย–กัมพูชา พื้นที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ยังคงเกิดความตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง หลังจากทางฝั่งกัมพูชาได้ประกาศเสียงตามสาย เรียกระดมชาวบ้านให้ออกมารวมตัวกันยังพื้นที่พิพาทติดแนวชายแดน โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร เจ้าหน้าที่ฝ่ายป่าไม้ และที่ดินของกัมพูชา เข้าร่วมอยู่ในพื้นที่ด้วย เมื่อชาวบ้านจำนวนหนึ่งเดินทางมาถึง เกิดเหตุเหตุจราจลขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากกลุ่มชาวกัมพูชาบางส่วนพากันบุกเข้ามารื้อรั้วลวดหนามที่ฝ่ายไทยขึงกั้นไว้เพื่อป้องกันการรุกล้ำ นอกจากนี้ ยังมีการขว้างปาสิ่งของเข้าใส่เจ้าหน้าที่ฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บแล้ว 1 นาย ขณะปฏิบัติหน้าที่ควบคุมสถานการณ์ ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าประชาชนจากฝั่งกัมพูชายังคงทยอยเดินทางเข้ามาสมทบเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้บรรยากาศตึงเครียดยิ่งขึ้น ด้านกองกำลังทหารไทยจึงได้เสริมกำลังเข้าตรึงพื้นที่เพื่อควบคุมสถานการณ์และป้องกันการบานปลาย ที่น่าสังเกตคือ ฝั่งกัมพูชาได้เปิดเพลงเสียงดังสนั่น คาดว่าเป็นเพลงปลุกใจ เพื่อสร้างขวัญและกระตุ้นให้ชาวบ้านในพื้นที่มีความฮึกเหิมมากขึ้น เสียงเพลงดังกล่าวได้ถูกเปิดก้องไปทั่วบริเวณแนวชายแดน สร้างความกดดันให้กับเจ้าหน้าที่ฝั่งไทยที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ สถานการณ์ล่าสุดยังคงมีการเผชิญหน้ากันระหว่างประชาชนและเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย โดยทหารไทยยังคงตรึงกำลังแน่นหนา เพื่อเฝ้าระวังการปะทะที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ขณะที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ได้ประสานงานอย่างใกล้ชิดกับส่วนกลางเพื่อรายงานความคืบหน้าและเตรียมมาตรการรองรับ กองทัพภาคที่ 1 แจงแล้ว ปมชาวบ้านเขมรรื้อรั้วหนาม ล่าสุด กองทัพภาคที่ […]

ไทย-สวีเดน ลงนามซื้อ “กริพเพน” เฟสแรก 4 ลำ

สวีเดน 25 ส.ค.-ไทย-สวีเดน ลงนามซื้อ “กริพเพน” เฟสแรก 4 ลำ “มาริษ-ผบ.ทอ.” ร่วมเป็นสักขีพยาน ชูเป็นเขี้ยวเล็บป้องกันตัว พ่วง Offset Policy พัฒนาอุตสาหกรรม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.20 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับเวลา 17.20 น. ตามเวลาในประเทศไทย รัฐบาลไทยและสวีเดน ได้บรรลุข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ในการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่โจมตี Gripen E/F ระยะที่ 1 จำนวน 4 เครื่อง วงเงิน 19,500 ล้านบาท โดยมี พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เป็นผู้ลงนามฝ่ายไทย มีนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ ดร.พอล ยอนซอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสวีเดน ร่วมเป็นสักขีพยาน นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังพิธีว่า ข้อตกลงครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะเสริมสร้าง “เขี้ยวเล็บ” […]

มทภ.2 ชี้หากพบกัมพูชารุกล้ำ-ลอบวางทุ่นระเบิด พร้อมใช้กำลังพลตอบโต้

เกษตรศาสตร์ 25 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ชี้หากพบทหารกัมพูชารุกล้ำ-ลอบวางทุ่นระเบิด พร้อมใช้กำลังพลตอบโต้ แต่ยิงแจ้งเตือนก่อน หากยังขัดขืนสั่งยิงทันที เชื่อประชุม RBC 27 ส.ค.นี้ ราบรื่นดี มองหากกัมพูชาไม่รับเงื่อนไขเก็บทุ่นระเบิด เตรียมเก็บหลักฐานฟ้อง UN วันนี้ (25 ส.ค. 68) ที่ห้องประชุมสุธรรม อารีกุล อาคารสารนิเทศ 50 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย – กัมพูชา (RBC) ในวันที่ 27 ส.ค.นี้ หากฝ่ายกัมพูชาไม่ตกลงที่จะเก็บกู้ทุ่นระเบิด ว่า ถ้าไม่เก็บกู้ก็จะรายงานไปที่ UN และทำบันทึกไว้เพื่อเป็นการประท้วง ส่วนการประชุม RBC ที่พื้นที่กองทัพภาคที่ 1 มีการตอบรับเรื่องเก็บกู้ระเบิดร่วมกัน ในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 ควรจะมีการตอบรับด้วยหรือไม่เพื่อแสดงถึงความจริงใจ นั้น พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า […]