เชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 1 ราย รวมเป็น 38 ราย

ภูมิภาค 5 เม.ย. – เชียงใหม่พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 1 ราย เป็นชายสูงอายุชาวเนเธอร์แลนด์ เร่งเฝ้าระวังผู้สัมผัสใกล้ชิด 8 คน ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมของเชียงใหม่เพิ่มเป็น 38 คน ส่วน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 3 ราย รวมเป็น 17 ราย

นายแพทย์ศิริพจน์ ศรีบัณฑิตกุล รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์อาวุโส โรงพยาบาลนครพิงค์ แถลงยอดผู้ป่วยโควิด-19 รายล่าสุดที่พบเป็นชายสูงอายุชาวเนเธอร์แลนด์ วัย 72 ปี ซึ่งเดินทางกลับจากเนเธอร์แลนด์มายังเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 16 มีนาคม เริ่มป่วยและเข้ารักษาเมื่อวันที่ 22 มีนาคม แต่จากการสอบสวนโรคผู้ป่วยรายนี้มีโรคประจำตัวหลายโรค ทั้งข้อเข้าเสื่อม ตับแข็ง หัวใจโต ช่วงที่อยู่เนเธอร์แลนด์มีความเสี่ยงจากเพื่อนชาวสเปนที่เดินทางมาเยี่ยม แต่หลังจากเดินทางถึงเชียงใหม่ กักตัวอยู่ที่บ้าน จึงมีเพียงภรรยาชาวไทยที่เป็นผู้สัมผัสร่วมบ้าน และมีญาติของฝั่งภรรยาที่สัมผัสใกล้ชิดอีก 7 คน ซึ่งอยู่ในการเฝ้าระวังโรคทั้งหมดแล้ว ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมที่เชียงใหม่เพิ่มเป็น 38 ราย กลับบ้านได้แล้ว 7 ราย ที่เหลือรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล และมียอดผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์เฝ้าระวังโรค 775 ราย ในจำนวนนี้กลับบ้านแล้ว 674 ราย ยังรักษาและรอดูอาการที่โรงพยาบาลอีกราว 100 ราย

นายคมสัน ไชยวรรณ์  รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แถลงว่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เดิมมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 14 ราย  แต่ถึงวันที่ 5 เมษายน พบรายใหม่ 3 ราย ทำให้ยอดสะสมเป็น 17 ราย อยู่ในระหว่างรักษา 8 ราย รักษาหาย 7 ราย เสียชีวิต 2 ราย รายแรกที่เดินทางโดยรถไฟและมาเสียชีวิตที่ทับสะแก และรายใหม่ 1 ราย เป็นชาวสวิตเซอร์แลนด์ เพศชาย อายุ 82 ปี มีโรคประจำตัวความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือด วันที่ 14 มีนาคม ได้เดินทางไปพักที่โรงแรมในกรุงเทพฯ ไปเที่ยวที่บาร์ ร้านอาหาร วันที่ 15 มีการจัดปาตี้ที่บ้าน มีผู้ร่วมรับประทาน 23 คน
กระทั่งวันที่ 22 มีนาคม ผู้ป่วยเริ่มมีอาการไข้ วันที่ 31 มีนาคม ไข้สูง เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชน ในโรงพยาบาลหัวหิน ทางโรงพยาบาลส่งไปโรงพยาบาลเอกชนเพชรบุรี และได้รับทราบว่าเสียชีวิตในวันที่ 2 เมษายน ขณะนี้ได้ติดตามผู้สัมผัสในพื้นที่มีทั้งหมด 4 คน คือภรรยา พบว่าติดเชื้อโควิด-19 ขณะนี้รักษาอยู่โรงพยาบาลเอกชน ส่วนบุตรบุญธรรม 1 คน พยาบาล 1 คน ไม่พบ และพยาบาลประจำตัว ผลยังไม่ออกมา และได้ติดตามฆ่าเชื้อในพื้นที่ตามระบบ เพื่อป้องกันการระบาดแล้ว  


นอกจากนี้มีชาวเชียงใหม่มาจัดปาตี้ที่อำเภอชะอำ ในวันที่ 19-20 มีนาคม จ้างพริตตี้ 6 คน ไปชงเหล้า เมื่อกลับไปตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 จึงได้ติดตามผู้ร่วมทั้งหมด พบหญิงวัย 36 ปี ชาวปากน้ำปราณบุรี ติดเชื้อโควิด-19 และหญิงคนดังกล่าวได้รับงานที่หัวหินในวันที่ 21 มีนาคม และวันที่ 1 เมษายน ได้ไปนั่งกินหมูย่างกับญาติ 7 คน จากการติดตามผลไม่พบเชื้อ แต่ยังคงติดตามผลต่อไป     

ที่จังหวัดกระบี่  หญิง อายุ 33 ปี  มีสามีเป็นชาวเยอรมัน และได้ไปทำงานอยู่ที่ป่าตอง อำเภอกระทู้ จังหวัดภูเก็ต และได้กลับมาบ้านตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม เริ่มมีอาการป่วย เมื่อมาถึงจังหวัดกระบี่ ได้ไปหาหมอที่โรงพยาบาลกระบี่ ผลการตรวจพบติดเชื้อโควิด-19 จึงได้นำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลกระบี่ แต่ยังมีคนในครอบครัวที่ใกล้ชิด สัมผัสผู้ป่วยรายดังกล่าวหลายรายที่ต้องเฝ้าระวัง

ในวันนี้ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ได้รับแจ้งจากพ่อหญิงคนดังกล่าวให้ช่วยประสานรถฉุกเฉินมารับตนเอง ภรรยา ลูก และหลานอีก 2 คน รวมทั้งหมด 4 คน ไปตรวจที่โรงพยาบาลกระบี่ หลังเมื่อคืนที่ผ่านมา หลาน 2 คนที่เป็นลูกสาวของหญิงคนดังกล่าว มีอาการตัวร้อนและร้องให้ทั้งคืน จะอาศัยเพื่อนบ้านให้ไปส่งที่โรงพยาบาลกระบี่ก็ไม่มีใครกล้าไป พยายามให้ติดต่อรถฉุกเฉินมารับ แต่การติดต่อประสานงานไปยังหน่วยงานทางราชการก็ยากลำบาก จะไปเองก็ไม่ได้ เพราะมีเด็กเล็กๆ อยู่ด้วย ตนเองมีความรู้สึกหนักใจมากๆ


อย่างไรก็ตาม ได้ประสานให้รถจากโรงพยาบาลกระบี่มารับคนในครอบครัวทั้ง 4 คน ไปตรวจที่โรงพยาบาลแล้ว แต่ที่เป็นปัญหายังอยู่ที่บ้านอีก 5 คน จะทำกันอย่างไร ทั้งหมดในครอบครัวนี้มีแนวโน้มติดเชื้อโควิด-19 สูงมาก หากทุกคนถูกกักตัวไม่ให้ออกจากบ้าน หัวหน้าครอบครัวก็ขาดรายได้ ระยะเวลา 14 วัน จะเอาอะไรกิน ตอนนี้ตนเอง และประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลเขาคราม และเพื่อนบ้าน ต้องช่วยกันบริจาคข้าวสาร อาหารแห้ง คนละเล็กคนละน้อยเป็นการแก้ปัญหาเบื้องต้นไปก่อน

สาธารณสุขจังหวัดสกลนครเปิดเผยข้อมูลขณะนี้มีผู้เข้ากักตัวเพื่อสังเกตอาการ 14 วัน มากถึง 12,929 ราย เข้าเกณฑ์ตรวจหาเชื้อ 146 ราย รู้ผลแล้วไม่พบเชื้อ 138 ราย รอผลตรวจอีก 7 ราย มีผู้ติดเชื้อ 1 ราย ซึ่งเป็นหญิงสาววัย 21 ปี ชาวบ้านดงสง่า อำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร กลับมาจากจังหวัดภูเก็ต โดยนายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ด้วยตัวเองในพื้นที่หมู่บ้านดงสง่า ตั้งแต่เมื่อวานนี้ โดยเฉพาะร้านขายของชำและที่พักอาศัยกลางสวนยางพารา ซึ่งห่างจากหมู่บ้านดงสง่าประมาณ 5 กิโลเมตร อาศัยอยู่ร่วมกับพ่อแม่ ยาย และลูกชายวัย 5 ขวบ โดยสั่งกักตัวดูอาการทั้ง 4 ราย ขณะนี้หญิงสาววัย 21 ปี ได้เข้ารับการรักษาในพื้นที่หวงห้ามภายในโรงพยาบาลศูนย์สกลนคร โดยการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด และยังไม่สั่งปิดหมู่บ้าน ต้องประเมินสถานการณ์อีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ศาล รธน. นัดชี้ชะตา “แพทองธาร” คดีคลิปเสียง “ฮุนเซน” 29 ส.ค.นี้

ศาล รธน. 13 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ นัดชี้ชะตา “แพทองธาร” คดีคลิปเสียง “ฮุนเซน” 29 ส.ค.นี้ เปิดให้เจ้าตัวเข้าไต่สวนพร้อมเลขาฯ สมช. 21 ส.ค. ไม่มาถือว่าไม่ติดใจ ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาคำร้องที่ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องของสมาชิกวุฒิสภา 36 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า กรณีปรากฏคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภาแห่งกัมพูชา เผยแพร่ทางสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2568 ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ผู้ถูกร้อง แถลงข่าวยอมรับว่า เป็นเสียงการสนทนาของตนกับสมเด็จฮุน เซน จริง แม้ น.ส.แพทองธาร ผู้ถูกร้อง แถลงข่าวในเวลาต่อมาว่าเป็นการพูดคุยทางโทรศัพท์แบบส่วนตัว โดยมีเจตนาที่จะเจรจาต่อรองอย่างนุ่มนวล เพื่อรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขและอธิปไตยของไทยก็ตาม แต่ผู้เข้าชื่อเสนอคำร้องเห็นว่า น.ส.แพทองธาร แสดงออกถึงความนิ่งเฉยและไม่ปฏิบัติหน้าที่โต้ตอบหรือกำหนดมาตรการ รวมถึงการเจรจาระหว่างประเทศด้วยตนเองให้เป็นที่ประจักษ์ตามหน้าที่ความรับผิดชอบที่บุคคลผู้อยู่ในสภาวะ วิสัย และพฤติการณ์แห่งความเป็นนายกรัฐมนตรีพึงกระทำ เพราะเหตุแห่งความสัมพันธ์ส่วนตัวในลักษณะเป็นฝั่งเดียวกันกับกัมพูชา พร้อมที่จะทำตามหรือจัดการตามที่ฝ่ายกัมพูชาต้องการมาโดยตลอด ส่วนแม่ทัพภาคที่ 2 […]

ทบ.แจงปมขอรับบริจาคลวดหนาม จำเป็นต้องใช้เร่งด่วน

กองทัพบก 13 ส.ค.- โฆษก ทบ. แจงกองทัพภาค 2 ขอรับบริจาค “ลวดหนามหีบเพลง” เหตุจำเป็นต้องใช้เร่งด่วน เพื่อความปลอดภัยกำลังพล สกัดการลักลอบเข้าพื้นที่ของทหารกัมพูชา ชี้หากรอกระบวนการจัดซื้อตามกฎหมาย ใช้เวลา 1 เดือน ย้ำรัฐบาล-กองทัพ มีงบประมาณเพียงพอ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ขอให้กองทัพภาคที่2 หยุดรับบริจาคลวดหนามหีบเพลงจากประชาชน และให้มาขอกับรัฐบาลว่า ยืนยันรัฐบาลและกองทัพมีงบประมาณเพียงพอ แต่ติดขัดในกระบวนการจัดซื้อตามกฎหมาย ซึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือน และหากไม่ปฏิบัติตามระเบียบ อาจทำให้ผู้จัดซื้อมีความผิด ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบัน มีความจำเป็นต้องใช้ลวดหนามหีบเพลงทันที โดยเฉพาะ 4 จังหวัดชายแดน “อุบลฯ-ศรีสะเกษ-สุรินทร์-บุรีรัมย์” จึงต้องขอรับการสนับสนุนจากประชาชน “การจัดซื้อต้องเป็นไปตามระเบียบราชการ แต่วิธีจัดหาใช้แบบพิเศษได้ แต่ก็ใช้เวลาเป็นเดือน ที่สำคัญ กรณีลวดหีบเพลงสเปกที่ทหารใช้ ไม่มีในท้องตลาดต้องสั่งผลิตจึงใช้เวลานานขึ้นไปอีก ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องของงบประมาณ งบประมาณมีอย่างเพียงพอ มีแค่เรื่องเวลา” โฆษก ทบ. กล่าวและว่า […]

โรงเรียน-โรงพยาบาลในอุบลฯ เปิดวันแรก หลังเหตุปะทะไทย-กัมพูชา

13 ส.ค. – ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ เช้านี้ (13 ส.ค.) ยังปกติ ชาวบ้านติดชายแดนต่างวิตก หวั่นเกิดการปะทะ จึงเก็บสัมภาระเตรียมพร้อมหากต้องอพยพออกจากพื้นที่ ส่วนโรงเรียน-โรงพยาบาล ใน จ.อุบลราชธานี เปิดวันแรก ทำเอาชาวบ้านอยู่ไม่ได้ หลังมีกระแสข่าวว่าจะเกิดการยิงกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จนชาวบ้านต้องขนของอพยพออกจากบ้านกลางดึก เพื่อมาตั้งหลักในตัว อ.กันทรลักษ์ แต่หลังจากแน่ใจว่าไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นจึงเดินทางกลับเข้าบ้านเรือน แต่ยังมีบางส่วนที่ยังไม่ไว้วางใจในสถานการณ์ ออกไปพักบ้านญาติพี่น้องต่างอำเภอ สำหรับสถานที่ราชการในตัว อ.กันทรลักษ์ วันนี้ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ ส่วนโรงเรียนบางแห่งประกาศให้เรียนทางออนไลน์แทน เพื่อความปลอดภัย โรงเรียนชายแดน จ.สุรินทร์ ปิดต่อ ให้เรียนออนไลน์เช่นเดียวกับ จ.สุรินทร์ โรงเรียนชายแดนยังปิดต่อ และให้เรียนออนไลน์แทน เพื่อรอดูสถานการณ์ ส่วนผู้ปกครองกังวลถ้ายังเปิดเรียนในช่วงสถานการณ์ยังไม่สงบและไม่ปลอดภัย 100% ส่วนในพื้นที่ อ.พนมดงรัก โรงเรียนประถมฯ บางโรงประกาศให้มีการเรียนการสอนในระบบออนไลน์ช่วงวันที่ 13-15 สิงหาคมนี้ และมีบางโรงเรียนที่กลับมาเปิดเรียนตามปกติแล้ว แต่ไม่บังคับว่านักเรียนต้องมาเรียนทุกคน โดยมีการแจ้งใน LINE กลุ่มผู้ปกครองว่าหากผู้ปกครองท่านใดยังมีความกังวลใจก็อนุญาตให้เด็กลาได้ ส่วนชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.สุรินทร์ เช้านี้ […]

South Korea Leader and wife at Presidential plane Apr 2023

เกาหลีใต้จับอดีตสตรีหมายเลข 1

โซล 13 ส.ค.- นางคิม คอน ฮี อดีตสตรีหมายเลข 1 ของเกาหลีใต้ ถูกควบคุมตัวตามที่ศาลออกหมายจับเมื่อค่ำวานนี้ หลังจากอัยการยื่นขอหมายจับเพราะเกรงว่าเธอจะทำลายหลักฐานและแทรกแซงการสอบสวนในคดีที่ถูกกล่าวหาหลายคดี นางคิม ซึ่งจะมีอายุครบ 53 ปีในเดือนกันยายน เป็นอดีตสตรีหมายเลข 1 คนแรกของเกาหลีใต้ที่ถูกจับกุม ขณะที่สามีของเธอ คือ อดีตประธานาธิบดียุน ซอก ยอล วัย 64 ปี กำลังถูกคุมขังระหว่างรอการพิจารณาคดี หลังจากถูกถอดถอนจากตำแหน่งกรณีประกาศกฎอัยการศึกเมื่อปลายปี 2567 ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกันนางคิมได้โค้งคำนับและไม่ตอบคำถามผู้สื่อข่าวขณะเดินทางถึงศาล จากนั้นไปรอฟังคำตัดสินที่สถานกักขังในกรุงโซลตามธรรมเนียมปฏิบัติของเกาหลีใต้ โฆษกคณะอัยการพิเศษที่ได้รับการแต่งตั้งเมื่อต้นเดือนมิถุนายนแถลงว่า อัยการยื่นขอหมายจับนางคิม เนื่องจากเกรงว่าเธอจะทำลายหลักฐานและแทรกแซงการสอบสวน สำนักข่าวยอนฮับของทางการเกาหลีใต้รายงานว่า ศาลอนุมัติหมายจับตามคำแถลงเรื่องเธอมีความเสี่ยงที่จะทำลายหลักฐาน อดีตสตรีหมายเลข 1 ของเกาหลีใต้ถูกตั้งข้อหาหลายคดี ตั้งแต่การปั่นหุ้นไปจนถึงการรับสินบนและการใช้อิทธิพลแทรกแซงอย่างผิดกฎหมายที่พัวพันกับเจ้าของธุรกิจ บุคคลทางศาสนา และผู้มีอิทธิพลทางการเมือง เธอถูกกล่าวหาว่า ทำผิดกฎหมายเรื่องสร้อยคอประดับจี้ยี่ห้อหรูที่สวมไปร่วมการประชุมสุดยอดองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ที่สเปน พร้อมกับสามีในปี 2565 เนื่องจากไม่ได้แจ้งรายการทรัพย์สินจี้ดังกล่าวที่มีข่าวว่าราคาสูงกว่า 60 ล้านวอน (กว่า 1.4 ล้านบาท) เธอให้การกับอัยการว่าเป็นของปลอมที่ซื้อในฮ่องกงเมื่อ […]