เชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 1 ราย รวมเป็น 38 ราย

ภูมิภาค 5 เม.ย. – เชียงใหม่พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 1 ราย เป็นชายสูงอายุชาวเนเธอร์แลนด์ เร่งเฝ้าระวังผู้สัมผัสใกล้ชิด 8 คน ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมของเชียงใหม่เพิ่มเป็น 38 คน ส่วน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่ม 3 ราย รวมเป็น 17 ราย

นายแพทย์ศิริพจน์ ศรีบัณฑิตกุล รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์อาวุโส โรงพยาบาลนครพิงค์ แถลงยอดผู้ป่วยโควิด-19 รายล่าสุดที่พบเป็นชายสูงอายุชาวเนเธอร์แลนด์ วัย 72 ปี ซึ่งเดินทางกลับจากเนเธอร์แลนด์มายังเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 16 มีนาคม เริ่มป่วยและเข้ารักษาเมื่อวันที่ 22 มีนาคม แต่จากการสอบสวนโรคผู้ป่วยรายนี้มีโรคประจำตัวหลายโรค ทั้งข้อเข้าเสื่อม ตับแข็ง หัวใจโต ช่วงที่อยู่เนเธอร์แลนด์มีความเสี่ยงจากเพื่อนชาวสเปนที่เดินทางมาเยี่ยม แต่หลังจากเดินทางถึงเชียงใหม่ กักตัวอยู่ที่บ้าน จึงมีเพียงภรรยาชาวไทยที่เป็นผู้สัมผัสร่วมบ้าน และมีญาติของฝั่งภรรยาที่สัมผัสใกล้ชิดอีก 7 คน ซึ่งอยู่ในการเฝ้าระวังโรคทั้งหมดแล้ว ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมที่เชียงใหม่เพิ่มเป็น 38 ราย กลับบ้านได้แล้ว 7 ราย ที่เหลือรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล และมียอดผู้ป่วยที่เข้าเกณฑ์เฝ้าระวังโรค 775 ราย ในจำนวนนี้กลับบ้านแล้ว 674 ราย ยังรักษาและรอดูอาการที่โรงพยาบาลอีกราว 100 ราย

นายคมสัน ไชยวรรณ์  รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ แถลงว่า จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เดิมมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 14 ราย  แต่ถึงวันที่ 5 เมษายน พบรายใหม่ 3 ราย ทำให้ยอดสะสมเป็น 17 ราย อยู่ในระหว่างรักษา 8 ราย รักษาหาย 7 ราย เสียชีวิต 2 ราย รายแรกที่เดินทางโดยรถไฟและมาเสียชีวิตที่ทับสะแก และรายใหม่ 1 ราย เป็นชาวสวิตเซอร์แลนด์ เพศชาย อายุ 82 ปี มีโรคประจำตัวความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือด วันที่ 14 มีนาคม ได้เดินทางไปพักที่โรงแรมในกรุงเทพฯ ไปเที่ยวที่บาร์ ร้านอาหาร วันที่ 15 มีการจัดปาตี้ที่บ้าน มีผู้ร่วมรับประทาน 23 คน
กระทั่งวันที่ 22 มีนาคม ผู้ป่วยเริ่มมีอาการไข้ วันที่ 31 มีนาคม ไข้สูง เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชน ในโรงพยาบาลหัวหิน ทางโรงพยาบาลส่งไปโรงพยาบาลเอกชนเพชรบุรี และได้รับทราบว่าเสียชีวิตในวันที่ 2 เมษายน ขณะนี้ได้ติดตามผู้สัมผัสในพื้นที่มีทั้งหมด 4 คน คือภรรยา พบว่าติดเชื้อโควิด-19 ขณะนี้รักษาอยู่โรงพยาบาลเอกชน ส่วนบุตรบุญธรรม 1 คน พยาบาล 1 คน ไม่พบ และพยาบาลประจำตัว ผลยังไม่ออกมา และได้ติดตามฆ่าเชื้อในพื้นที่ตามระบบ เพื่อป้องกันการระบาดแล้ว  


นอกจากนี้มีชาวเชียงใหม่มาจัดปาตี้ที่อำเภอชะอำ ในวันที่ 19-20 มีนาคม จ้างพริตตี้ 6 คน ไปชงเหล้า เมื่อกลับไปตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 จึงได้ติดตามผู้ร่วมทั้งหมด พบหญิงวัย 36 ปี ชาวปากน้ำปราณบุรี ติดเชื้อโควิด-19 และหญิงคนดังกล่าวได้รับงานที่หัวหินในวันที่ 21 มีนาคม และวันที่ 1 เมษายน ได้ไปนั่งกินหมูย่างกับญาติ 7 คน จากการติดตามผลไม่พบเชื้อ แต่ยังคงติดตามผลต่อไป     

ที่จังหวัดกระบี่  หญิง อายุ 33 ปี  มีสามีเป็นชาวเยอรมัน และได้ไปทำงานอยู่ที่ป่าตอง อำเภอกระทู้ จังหวัดภูเก็ต และได้กลับมาบ้านตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม เริ่มมีอาการป่วย เมื่อมาถึงจังหวัดกระบี่ ได้ไปหาหมอที่โรงพยาบาลกระบี่ ผลการตรวจพบติดเชื้อโควิด-19 จึงได้นำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลกระบี่ แต่ยังมีคนในครอบครัวที่ใกล้ชิด สัมผัสผู้ป่วยรายดังกล่าวหลายรายที่ต้องเฝ้าระวัง

ในวันนี้ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ได้รับแจ้งจากพ่อหญิงคนดังกล่าวให้ช่วยประสานรถฉุกเฉินมารับตนเอง ภรรยา ลูก และหลานอีก 2 คน รวมทั้งหมด 4 คน ไปตรวจที่โรงพยาบาลกระบี่ หลังเมื่อคืนที่ผ่านมา หลาน 2 คนที่เป็นลูกสาวของหญิงคนดังกล่าว มีอาการตัวร้อนและร้องให้ทั้งคืน จะอาศัยเพื่อนบ้านให้ไปส่งที่โรงพยาบาลกระบี่ก็ไม่มีใครกล้าไป พยายามให้ติดต่อรถฉุกเฉินมารับ แต่การติดต่อประสานงานไปยังหน่วยงานทางราชการก็ยากลำบาก จะไปเองก็ไม่ได้ เพราะมีเด็กเล็กๆ อยู่ด้วย ตนเองมีความรู้สึกหนักใจมากๆ


อย่างไรก็ตาม ได้ประสานให้รถจากโรงพยาบาลกระบี่มารับคนในครอบครัวทั้ง 4 คน ไปตรวจที่โรงพยาบาลแล้ว แต่ที่เป็นปัญหายังอยู่ที่บ้านอีก 5 คน จะทำกันอย่างไร ทั้งหมดในครอบครัวนี้มีแนวโน้มติดเชื้อโควิด-19 สูงมาก หากทุกคนถูกกักตัวไม่ให้ออกจากบ้าน หัวหน้าครอบครัวก็ขาดรายได้ ระยะเวลา 14 วัน จะเอาอะไรกิน ตอนนี้ตนเอง และประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลเขาคราม และเพื่อนบ้าน ต้องช่วยกันบริจาคข้าวสาร อาหารแห้ง คนละเล็กคนละน้อยเป็นการแก้ปัญหาเบื้องต้นไปก่อน

สาธารณสุขจังหวัดสกลนครเปิดเผยข้อมูลขณะนี้มีผู้เข้ากักตัวเพื่อสังเกตอาการ 14 วัน มากถึง 12,929 ราย เข้าเกณฑ์ตรวจหาเชื้อ 146 ราย รู้ผลแล้วไม่พบเชื้อ 138 ราย รอผลตรวจอีก 7 ราย มีผู้ติดเชื้อ 1 ราย ซึ่งเป็นหญิงสาววัย 21 ปี ชาวบ้านดงสง่า อำเภอเจริญศิลป์ จังหวัดสกลนคร กลับมาจากจังหวัดภูเก็ต โดยนายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ด้วยตัวเองในพื้นที่หมู่บ้านดงสง่า ตั้งแต่เมื่อวานนี้ โดยเฉพาะร้านขายของชำและที่พักอาศัยกลางสวนยางพารา ซึ่งห่างจากหมู่บ้านดงสง่าประมาณ 5 กิโลเมตร อาศัยอยู่ร่วมกับพ่อแม่ ยาย และลูกชายวัย 5 ขวบ โดยสั่งกักตัวดูอาการทั้ง 4 ราย ขณะนี้หญิงสาววัย 21 ปี ได้เข้ารับการรักษาในพื้นที่หวงห้ามภายในโรงพยาบาลศูนย์สกลนคร โดยการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด และยังไม่สั่งปิดหมู่บ้าน ต้องประเมินสถานการณ์อีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เอกภพ” เข้าพบ พนง.สอบสวน หลังถูกออกหมายจับ

“เอกภพ สายไหมต้องรอด” เข้าพบ พนง.สอบสวน หลังถูกออกหมายจับปมพยานเท็จดิไอคอน ยันบริสุทธิ์ใจ หากช่วยเหลือประชาชนแล้วโดนจับก็พร้อมรับ

“โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เข้าพบนายกฯ

“โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 เข้าพบ “แพทองธาร” นายกฯ ชื่นชมเป็นคนเก่ง-มองโลกบวก เป็นหน้าตาของประเทศ นำเสนอวัฒนธรรม-ซอฟต์พาวเวอร์ ผ่านการประกวด พร้อมชวนร่วมงานรัฐบาล สร้างแรงบันดาลใจเด็กๆ ขณะที่ นายกฯ เขินถูกชมว่าตัวจริงสวย

ล้มล้างการปกครอง

ศาล รธน.มีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้อง “ทักษิณ-พท.” ล้มล้างการปกครอง

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมากไม่รับคำร้องของนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลวินิจฉัยว่า “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ล้มล้างการปกครอง

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่