กรุงเทพฯ 25 เม.ย. – ราคาเอ็นจีวี รถโดยสารสาธารณะลดลง 3 บาท/กก. เริ่ม 1 เมษายน ย้ำบริหารพลังงานช่วง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พลังงานไม่ขาดแคลน ด้าน กฟผ.พร้อมใช้พื้นที่ศูนย์ฝึกอบรม 3 จังหวัด เป็นโรงพยาบาลสนาม สัปดาห์หน้าซื้อแอลกอฮอล์ร้อยละ 70 ราคาถูกตามปั๊ม ปตท.-บางจากฯ
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงงาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เปิดเผยว่าที่ประชุม กบง.เห็นชอบให้ปรับลดราคาเอ็นจีวีสำหรับรถโดยสารสาธารณะ 3 บาท/กก.จากราคา 13.62 บาท เหลือ 10.62 บาท/กก. เป็นเวลา 3 เดือน เริ่ม 1 เม.ย-30 มิ.ย.2563 เพื่อลดผลกระทบความเดือดร้อนของผู้ประกอบการจากโควิด-19 โดยทาง ปตท.จะเป็นผู้ร่วมลดภาระในส่วนนี้ประมาณ 100 ล้านบาท/เดือน หรือรวม 300 ล้านบาท จากการคำนวณปริมาณเอ็นจีวีที่รถสาธารณะใช้ประมาณ 1,500 ตัน/วัน ส่วนกรณีรถบรรทุกยื่นหนังสือขอลดราคาเอ็นจีวีด้วยนั้น ในเรื่องนี้จะอยู่ในการหารือเรื่องการปรับโครงสร้างราคาเอ็นจีวี ที่มีคณะทำงานจากกระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน และ ปตท.จะหารือร่วมกัน ซึ่งจะศึกษาเสร็จสิ้นภายใน 3 เดือนนี้
สำหรับรถโดยสารสาธารณะทั่วประเทศที่ใช้เอ็นจีวี ปัจจุบันมีประมาณ 80,000 คัน ประกอบด้วย รถแท็กซี่ ,ตุ๊กตุ๊ก, รถตู้, รถร่วม ขสมก., มินิบัส, รถสองแถวร่วม ขสมก., รถโดยสาร-รถตู้ร่วม บขส. เป็นต้น
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า โครงสร้างราคาเอ็นจีวีปัจจุบันนั้นใช้มากว่า 10 ปี จึงต้องปรับให้เหมาะสมกับภาวะที่เปลี่ยนแปลงไป โดยจะดูถึงการช่วยแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยียานยนต์ที่เป็นะระบบไฟฟ้า หรืออีวีมากยิ่งขึ้น รวมถึงนโยบายการส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลางการจำหน่ายแอลเอ็นจี ในภูมิภาคนี้ หรือแอลเอ็นจีฮับ
รมว.พลังงาน ยังกล่าวด้วยว่า สัปดาห์หน้าปั๊มน้ำมันของเครือ บมจ.ปตท.-บางจากฯ จะเริ่มจำหน่ายแอลกอฮอล์ร้อยละ 70 เพื่อเพิ่มช่องทางให้ประชาชนเข้าถึงการซื้อราคาต่ำ โดยก่อนหน้านี้กรมสรรพสามิตและกระทรวงพลังงานได้ร่วมมือกันปลดล็อคให้สามารถนำแอลกอฮอล์ จาก 26 โรงงานเอทานอล ที่มีส่วนเกินจากการจำหน่ายเพื่อผลิตน้ำมันกว่า 1 ล้านลิตร/วัน มาจำหน่ายในท้องตลาด โดยมียอดสั่งซื้อไปแล้ว 5 ล้านลิตร และมีการใช้เพื่อผลิตเจลแอลกฮอล์ไปแล้ว 2-3 ล้านลิตร จากเดิมความต้องการใช้แอลกอฮอล์ทางการแพทย์อยู่ที่ประมาณ 80,000 ลิตร/วัน
รมว.พลังงาน กล่าวด้วยว่า จากที่ได้ประชุมกับหน่วยงานด้านพลังงาน เพื่อระดมสมองในการร่วมป้องกันและคลี่คลายสถานการณ์ที่ต่อเนื่องจากการระบาด COVID-19 ทางกระทรวงฯ ต้องขอขอบคุณทุกหน่วยงาน เพราะจะเห็นได้ว่าหลายหน่วยงานได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ทั้งการแจกจ่ายเจลแอลกอฮอล์ โดยในส่วนของปั๊มพีทีทีสเตชั่นมีการแจกฟรี 1 ล้านขวด บางจากฯ เปิดให้เติมเจลแอลกอฮอล์ฟรี ทาง บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ หรืออีเอ กำลังจะสนับสนุนเครื่องกรองเชื้อไวรัสและห้องความดันลบ หรือ ห้องคลีนรูมแบบ Negative Pressure เพื่อเป็นห้องพักสำหรับผู้ป่วย
นอกจากนี้ หลายบริษัทยังสนับสนุนการวิจัยเครื่องมือแพทย์ ความร่วมมือผลิตหน้ากากอนามัย ล่าสุด การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แจ้งว่าจะบริจาคหน้ากากอนามัยใช้ผ้า “นาโนเทคโนโลยี” จำนวน 10,000 ชิ้น บริจาคให้แก่โรงพยาบาลรามาธิบดี และ กฟผ.ยังระบุว่ามีพื้นที่ศูนย์ฝึกอบรมใน จ.ลำปาง จ.ฉะเชิงเทรา และ จ.กาญจนบุรี ที่เป็นศูนย์ฝึกรมพนักงาน พร้อมปรับเป็นโรงพยาบาลสนาม หรือศูนย์กักตัว สำหรับผู้มีความเสี่ยง COVID-19 โดยจะเสนอไปยังศูนย์อำนวยการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานพิจารณา เพื่อเป็นทางการเลือก หากถูกสั่งการให้เป็นโรงพยาบาลสนาม ทางรัฐบาลก็ต้องสนับสนุนอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ทั้งหมด
รมว.พลังงาน กล่าวว่า ในด้านการบริหารพลังงาน หลังจากรัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ทางกระทรวงฯ ได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยจะไม่กระทบความมั่นคงด้านพลังงานทั้งด้านไฟฟ้าและน้ำมัน อย่างไรก็ตาม คงจะต้องมีการขอผ่อนผันเวลาขนส่งน้ำมัน และอื่น ๆ เพื่อให้ไม่เกิดการขาดแคลน .-สำนักข่าวไทย