กรุงเทพฯ 8 มี.ค. – กรมชลประทานเปิดโครงการจ้างแรงงานภาคเกษตร หวังช่วยเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งและโควิด-19 ทำให้รายได้หด
นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ได้เริ่มโครงการว่าจ้างแรงงานเกษตรกร 76 จังหวัด มีเป้าหมาย 41,000 คน งบประมาณ 3,100 ล้านบาท ซึ่ง ครม.เห็นชอบแผนงานและอนุมัติงบประมาณให้เร่งช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบภัยแล้งปี 2562/2563 ไม่สามารถปลูกข้าวนาปรังได้และบางพื้นที่แล้งจัดถึงขั้นเพาะปลูกพืชใด ๆ ไม่ได้ จึงจัดทำโครงการช่วยเหลือให้เกษตรกรมีรายได้เลี้ยงครอบครัว นอกจากนี้ ภาคเกษตรยังได้รับผลกระทบต่อการระบาดของโควิด-19 เนื่องจากยอดการส่งออกสินค้าเกษตรลดลง อีกทั้งการท่องเที่ยวซบเซาทำให้การบริโภคลดลง ดังนั้น จึงเร่งดำเนินการตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่กำชับทุกหน่วยงานถึงการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 โดยให้ทบทวนแผนงานและปรับให้สอดรับกับเป้าหมาย 3 ประการ คือ ลดผลกระทบจากภัยแล้ง โควิด-19 และเศรษฐกิจของประเทศ หากแผนงานใดพร้อมให้ดำเนินการทันที
ทั้งนี้ กรมชลประทานเปิดโครงการที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากระเสียว จ.สุพรรณบุรีเป็นแห่งแรกเนื่องจากเป็นพื้นที่ที่น้ำเก็บกักในอ่างเก็บน้ำกระเสียวต่ำกว่าร้อยละ 30 อยู่ในเกณฑ์น้อยมากไม่สามารถสนับสนุนการทำนาปรังได้ ดังนั้น คณะกรรมการจัดการชลประทานและคณะกรรมการกลุ่มบริหารการใช้น้ำจึงเป็นสักขีพยานในการรับสมัครเกษตรกรเข้าร่วมโครงการว่าจ้างแรงงานเข้าทำงาน มีเกษตรกร อ.เดิมบางนางบวชและหนองหญ้าไซมาสมัคร 120 คน ได้ค่าจ้างวันละ 377 บาท ระยะเวลาทำงานประมาณ 2 เดือน โดยช่วยเจ้าหน้าที่บำรุงรักษาคลองส่งน้ำและซ่อมแซมอาคารชลประทาน ทั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพิ่มศักยภาพการเก็บกักน้ำให้มีน้ำต้นทุนเพียงพอใช้จนถึงฤดูแล้งปีเพื่อสร้างความมั่นคงด้านน้ำ
“การรับสมัครว่าจ้างแรงงานเกษตรกรทุกพื้นที่จะเปิดจุดคัดกรองโควิด-19 และให้ความรู้แก่เกษตรกรเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อการระบาดของโรคนี้” นายทองเปลว กล่าว.-สำนักข่าวไทย