กทม. 9 มิ.ย.- รัฐบาลรับสนองแนวพระราชดำริ ขยายโครงการน้ำ แก้ปัญหาภัยแล้งทั่วประเทศ พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพระบบพลังงาน รองรับการขยายตัวของชุมชนในอนาคต
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์หลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่จังหวัดกาญจนบุรี 2 แห่ง ว่า การจัดการน้ำ โครงสร้างพื้นฐานใหญ่ของประเทศที่ต้องถูกจัดสรรให้เพียงพอ ทั้งต่อภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งระบบประปาที่ยังไม่ทั่วถึงและไม่เพียงพอ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลต้องเร่งเดินหน้าผลักดันให้เกิดการแก้ปัญหา
โครงการจัดหาน้ําบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดําริ ที่บ้านปากชัดหนองบัว อ.เลาขวัญ และ บ้านหนองบัวหิ่ง อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นโครงการแบบอย่างที่ดีของการบริหารจัดการน้ำภายใต้แนวพระราชดำริ ที่คำนึงถึงสภาพพื้นที่และความต้องการของพี่น้องประชาชนเป็นสำคัญ
ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งระบบสูบน้ำ ถังเก็บน้ำ จุดจ่ายน้ำ ระบบท่อกระจายน้ำ หรือการทำธนาคารน้ำใต้ดิน (เพื่อให้ชั้นหินอุ้มน้ำไว้ในช่วงหน้าฝนและนำออกมาใช้ในยามที่ต้องการ ทั้งช่วยลดปัญหาการทรุดตัวของดินและทำให้มีปริมาณน้ำใต้ดินเพิ่มมากขึ้น) เพื่อให้พี่น้องประชาชนเข้าถึงน้ำสะอาดได้อย่างเพียงพอและยั่งยืน หรือการนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ร่วมกับระบบสูบน้ำ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้งทั้ง 15 โครงการ ในพื้นที่ 11 จังหวัดไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยผลจากโครงการดังกล่าว ทำให้ปีนี้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ได้รับประโยชน์ จำนวนกว่า 16,000 คน หรือเกือบ 5,000 ครัวเรือน ลดค่าใช้จ่ายในการซื้อน้ำอุปโภคบริโภคไปได้มาก ลดค่าใช้จ่ายต่อครัวเรือน 2,000 บาทต่อเดือน
ในทางการเกษตรกรรม สามารถเพิ่มปริมาณน้ำสูงสุดที่สามารถผลิตได้ 6,400 ลูกบาศก์เมตร ต่อวัน หรือ 2.3 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ส่งผลให้มีพื้นที่เกษตรกรรมที่ได้รับประโยชน์กว่า 1,000 ไร่
และรัฐบาลได้รับสนองแนวพระราชดำริ ขยายโครงการไปยังพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศพร้อมไปกับการเพิ่มประสิทธิภาพระบบพลังงานและเตรียมความพร้อมสำหรับการขยายตัวของชุมชนในอนาคต ควบคู่ไปกับการรักษาสมดุลของแหล่งน้ำบาดาลในระยะยาว
ทั้งหมดนี้นับเป็นโจทย์ของรัฐบาลที่จะต้องสนับสนุน และร่วมขับเคลื่อนโครงการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไปค่ะ
โดยในระยะสั้นนี้ค่ะ รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณภายใต้โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อลงไปช่วยบรรเทาปัญหา จัดทำโครงสร้างพื้นฐานเรื่องการบริหารจัดการน้ำ และยกระดับคุณภาพให้ทั่วถึงและดีขึ้นในทุกพื้นที่
เพราะเรื่องน้ำไม่ใช่แค่เรื่องโครงสร้างพื้นฐาน แต่เป็นเรื่องของความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวัน ซึ่งรัฐบาลมีหน้าที่ต้องดูแลให้ดีที่สุด -สำนักข่าวไทย