นักวิชาการแนะถอดบทเรียนทบทวนแหล่งที่มาเงิน – นิยามพรรคการเมือง

กรุงเทพฯ 22 ก.พ.-นักวิชาการแนะถอดบทเรียนทบทวนแหล่งที่มาของเงิน – นิยามพรรคการเมือง ให้ชัดเจน ป้องกันการยุบพรรคการเมืองในอนาคต เชื่อแรงกระเพื่อมไม่บานปลายถึงขั้นขัดแย้งรุนแรง มองใช้คำ คณะอนาคต โยง คณะราษฎร แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึงอุดมการณ์ทางการเมือง


นายสติธร ธนานิธิโชติ ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า กล่าวถึงคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญกรณียุบพรรคอนาคตใหม่ว่า มีเหตุผลที่เชื่อมโยงว่าเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 72 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง โดยเชื่อมโยงคำว่าเงินกู้ให้เข้าไปอยู่ในนิยามของคำว่าประโยชน์อื่นใด และชี้ให้ว่าประโยชน์อื่นใด ได้มาโดยไม่ชอบตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองและนำไปสู่การยุบพรรค แต่มีข้อสังเกตถึงเจตนารมณ์ของแหล่งที่มาการให้กู้เงิน ที่อาจเข้าข่ายขัดต่อกฎหมายกรณีการไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าครอบงำพรรค แต่กฎหมายไม่ได้ระบุว่า ห้ามแหล่งที่มาของเงินมาจากคนในพรรค ศาลจึงเห็นว่ากรณีนี้เกิดจากแหล่งที่มาของเงินมาจากหัวหน้าพรรค จึงตีตวามว่าอาจเข้าข่ายครอบงำหรือมีอำนาจชี้นำภายในพรรคได้ จึงนำไปสู่การยุบพรรค ดังนั้น จึงมีข้อถกเถียงถึงเจตนารมณ์เรื่องแหล่งที่มาของเงินว่าสามารถรับจากบุคคลภายนอกที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคเข้ามาครอบงำพรรคตามที่กฎหมายระบุไว้ หรือสามารถรับจากบุคคลที่อยู่ภายในพรรคดังเช่นกรณีของนายธนาธรที่เป็นหัวหน้าพรรคได้หรือไม่ ซึ่งกรณีนี้ศาลตีความรวมทั้งหมดทั้งบุคคลภายนอกและบุคคลภายในพรรค โดยมองว่ามีความจำเป็นที่ต้องหารือถึงเจตนารมณ์ที่แท้จริงของกฎหมาย เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต


นายสติธร กล่าวอีกว่าขณะเดียวกัน ต้องทบทวนสถานะของพรรคการเมือง ซึ่งกำลังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ในขณะนี้ว่าเป็นองค์กรประเภทใด อยู่ในข่ายของกฎหมายมหาชนหรือเอกชน ซึ่งปัจจุบันมีเพียงการนิยามว่าพรรคการเมืองเป็นองค์กรทางการเมือง เป็นนิติบุคคลที่ทำนิติกรรมได้เท่านั้น แต่ยังไม่เคยมีการระบุอย่างชัดเจนว่าเป็นองค์กรประเภทใด ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายมหาชนหรือกฎหมายเอกชน ส่วนตัวมองว่าเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาในอนาคตจึงควรกำหนดนิยามของพรรคการเมืองให้ชัดเจน

ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่าส่วนประเด็นที่อาจจะนำไปสู่การยุบพรรคได้อีกประเด็นหนึ่งนั้นมองว่า เป็นเรื่องของรายรับรายจ่ายของพรรคที่ไม่สมดุลกัน โดยพบว่าพรรคมีบัญชีรายจ่ายมากกว่ารายรับ  เพียงล้านกว่าบาท เหตุใดจึงมีการกู้ยืมเงินในจำนวนมากถึง 191 ล้านบาท จึงน่าจะเพียงพอให้เกิดการสงสัยว่าการกู้เงินไม่ชอบมาพากล ศาลจึงตีความให้กรณีนี้เชื่อมโยงกับมาตรา 72 เห็นได้จากคำวินิจฉัยที่เชื่อมโยงไปถึงมาตรา 72 ทำให้เกิดข้อสงสัยและมีการตั้งคำถามตามมาถึงความผิดปกติ ซึ่งเงินกู้จำนวนนี้ศาลมองว่าเกินความจำเป็นที่พรรคต้องใช้จ่าย

นอกจากนี้ ศาลยังพิจารณาถึงรายละเอียดปลีกย่อยที่มีการกู้ยืมเงินรอบที่ 2 การใช้คืนเงินในเวลาอันรวดเร็ว และอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำจนผิดปกติทางการค้า  ซึ่งไม่สมเหตุสมผลในทางบัญชี ซึ่งความผิดดังกล่าวนำไปสู่การยุบพรรคการเมืองตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันซึ่งเขียนไว้อย่างชัดเจนถึงความผิดที่นำไปสู่การยุบพรรค  ส่วนโทษจะรุนแรงหรือไม่นั้นต้องพิจารณากันต่อไป


โดยหลังจากนี้ในส่วนของการดำเนินการทางอาญาคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.จะต้องเป็นผู้ร้องต่อศาล เพื่อเรียกร้องเงินส่วนต่างจากพรรคของจำนวนเงิน 191 ล้านบาท ที่พรรคกู้มา เพื่อนำเงินเข้ากองทุนพัฒนาพรรคการเมืองต่อไป ส่วนคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญจะสามารถนำไปใช้เป็นบรรทัดฐานสำหรับพรรคการเมืองอื่นที่ได้มีการกู้เงินเช่นเดียวกันได้หรือไม่นั้น ต้องพิจารณาเป็นกรณีไป โดยศาลจะพิจารณาจากบัญชีรายรับรายจ่ายที่ต้องมีความสมเหตุสมผล รวมถึงจำนวนเงินที่พบว่าไม่มีพรรคใดเลยกู้เงินเกินกว่าความจำเป็นในจำนวนมากกว่า 100 ล้านบาท เช่นเดียวกับพรรคอนาคตใหม่

นายสติธร กล่าวว่าส่วนการตั้งคณะอนาคตใหม่นั้นเป็นสิ่งที่คาดการณ์กันอยู่แล้วว่า หากพรรคถูกยุบแกนนำก็ยังคงเคลื่อนไหวทางการเมืองต่อไป โดยการเลือกใช้คำก็ยังคงเป็นการส่งสัญญาณเชิงสัญลักษณ์ในการเคลื่อนไหวทางสังคมต่อจากนี้และแสดงถึงอุดมการณ์ทางการเมืองของพรรค โดยใช้คำว่า คณะ เพื่อให้สอดคล้องกับคณะราษฎรที่เปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475 ซึ่งการแสดงออกสามารถทำได้ตามกรอบของกฎหมาย  ทั้งการแสดงออกและการวิพากษ์วิจารณ์คำตัดสินของศาล  ส่วนแรงกระเพื่อมทางสังคมนั้น มองว่าจะมีการแสดงออกมากขึ้นในช่วงนี้ เพราะเพิ่งมีคำตัดสินของศาลออกมาทำให้คนที่สนับสนุนยังมีอารมณ์และความรู้สึกร่วมอยู่ และบรรยากาศทางการเมืองจะไม่เหมือนเดิมไประยะหนึ่ง แต่เชื่อมั่นว่าแกนนำของคณะอนาคตใหม่จะเคลื่อนไหวในกรอบของกฎหมายและไม่นำไปสู่ความขัดแย้ง

ทั้งนี้ มองว่า พรรคอนาคตใหม่ต้องรับผิดชอบความผิดพลาด ที่ตนเองได้ก่อขึ้นจนถึงขั้นทำให้พรรคถูกยุบ โดยต้องรับผิดชอบต่อเสียงของประชาชนที่เลือก ส.ส. ของพรรคเข้ามา ซึ่งเมื่อวานนี้ นายธนาธร ก็ได้ยอมรับความผิดพลาดไปแล้ว แต่กระบวนการหลังจากนี้ขึ้นอยู่กับการทำงาน ส.ส. ของพรรคที่จะสานต่อ เจตนารมณ์ต่อไป ในส่วนของประชาชนที่เลือกพรรคอนาคตใหม่ ยังถือว่ามีกลไกตรวจสอบรัฐบาลผ่าน ส.ส.ที่เหลืออยู่ โดย ส.ส. อาจรวมตัวกันเพื่อไปอยู่ในพรรคใดพรรคหนึ่งที่ยังคงเจตนารมณ์แบบเดียวกับพรรคอนาคตใหม่ ซึ่ง ส.ส.ต้องสังกัดพรรคใหม่ ภายใน 60 วัน โดยต้องเป็นพรรคการเมืองที่ได้ทำการจดจัดตั้งพรรคเรียบร้อย มีผลสมบูรณ์ทางกฎหมายแล้วเท่านั้น ส่วนผลทางการเมืองนั้นมองว่าจะเป็นคุณกับฝ่ายรัฐบาลมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากกรณีที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แถลงไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลเข้าข่ายความผิดละเมิดอำนาจศาลหรือดูหมิ่นศาลหรือไม่ นายสติธร  กล่าวว่า การแสดงออกซึ่งความคิดเห็นใดๆ สามารถทำได้ แต่พึงระวังการวิพากษ์วิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญซึ่งมีอำนาจหน้าที่สูงสุดในการพิจารณาคดี และมีอำนาจในการปกป้องตนเอง โดยสามารถดำเนินคดีกับผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ศาลได้โดยไม่ต้องมีผู้ร้อง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.พล.7 ของเขมร โดนกระสุนปืนใหญ่ยิงดับ บนช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ

26 ก.ค. – พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ จากการปะทะแย่งชิงพื้นที่ระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ตลอดวันนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปะทะระหว่างทหารไทย กับทหารกัมพูชา บริเวณภูมะเขือ และช่องตาเฒ่า ตั้งแต่เช้ามืดวันนี้ ทหารไทยสามารถปกป้องพื้นที่ภูมะเขือ และกดดันทหารกัมพูชาออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ ในขณะที่ทหารกัมพูชา พยายามกลับเข้ามาโจมตีกลับ เพื่อยึดภูมะเขือ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตหลายนาย หนึ่งในนั้นคือ พลตรีดวง ซอมเนียง ผบ.พล.7 ถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงเสียชีวิต ที่ช่องตาเฒ่า-ภูมะเขือ. – สำนักข่าวไทย

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

กริพเพน

ทอ. ส่ง F16 – กริพเพน ปฏิบัติการรอบ 2 ทิ้งบอมบ์พื้นที่ทางทหารเขมร

26 ก.ค. – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และกริพเพน 2 ลำ ออกปฏิบัติการรอบสอง โจมตียุทธบริเวณทำลายพื้นที่ทหารกัมพูชา บริเวณปราสาทตาควาย อ.พนมดง จ.สุรินทร์ ภารกิจลุล่วง และกับฐานปฏิบัติโดยปลอดภัย สำหรับพื้นที่บริเวนนี้ ทหารไทยกับทหารกัมพูชา ปะทะกันดุเดือด โดยทหารไทยพยายามทำลายพื้นที่กัมพูชาวางกำลังไว้หลายระลอก ในขณะที่กัมพูชาโต้กลับและระดมกำลังทหารมาเพิ่มเติม ส่งผลให้พื้นที่บริเวนนี้มีการปะทะดุเดือดตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.ถึงวันนี้. – สำนักข่าวไทย

เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ”

26 ก.ค.- เปิดภาพคลังอาวุธทหารเชมร “สมรภูมิภูมะเขือ” ทหารไทยยึดอาวุธปืน-โดรน 11 รายการ พร้อมมือถือ 7 เครื่อง ใช้ถ่ายคลิปยั่วยุทหารไทย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า สำหรับปฏิบัติการ ของเจ้าที่ทหารกองทัพภาคที่ 2 บนภูมะเขือที่สามารถยึดกลับคืนมาได้ ทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 10 นาย พร้อมทั้งตรวจพบและสามารถยึดอาวุธ ยุทโธปกรณ์ จำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง ที่ทางทหารกัมพูชาชอบถ่ายในเวลาทำคลิปเมื่อเจอกับทหารไทยบริเวณแนวชายแดน -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทบ.ออกแถลงการณ์กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง

30 ก.ค.- กองทัพบกออกแถลงการณ์ กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงเป็นครั้งที่สอง บ่อนทำลายการคลี่คลายสถานการณ์ด้วยสันติวิธี ขอประณามการกระทำอันไม่รับผิดชอบ ย้ำจะดำเนินการอย่างเหมาะสม เด็ดขาด เพื่อปกป้องอธิปไตยไทย ตามที่รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาได้ตกลงร่วมกันในการประกาศหยุดยิง เพื่อยุติการปะทะทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยข้อตกลงดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 24.00 นาฬิกา ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 นั้น กองทัพบกขอยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด โดยได้ระงับการใช้กำลังทุกรูปแบบ และลดกิจกรรมทางทหารในพื้นที่ เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดบรรยากาศแห่งสันติภาพ ความไว้เนื้อเชื่อใจ และความร่วมมือที่สร้างสรรค์ระหว่างทั้งสองประเทศ อย่างไรก็ตาม กองทัพบกได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ว่า ในวันที่ 29 – 30 กรกฎาคม 2568 กองทัพกัมพูชาได้กระทำการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอีกครั้ง โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ การกระทำของกองทัพกัมพูชาในครั้งนี้ ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างร้ายแรง นับเป็นครั้งที่สองภายหลังจากที่ข้อตกลงมีผลบังคับใช้ และสะท้อนถึงพฤติกรรมที่ไม่เคารพต่อพันธกรณีระหว่างประเทศ ตลอดจนเป็นการบ่อนทำลายความพยายามในการคลี่คลายสถานการณ์ด้วยสันติวิธี อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและความไว้วางใจที่ควรมีระหว่างสองประเทศ กองทัพบกขอประณามการกระทำอันไม่รับผิดชอบของกองทัพกัมพูชาอย่างถึงที่สุด และขอแจ้งให้ทราบว่า ฝ่ายไทยจะยังคงดำรงตนอยู่บนหลักแห่งความอดกลั้น สันติภาพ และมนุษยธรรมอย่างสูงสุด อย่างไรก็ดี หากมีการละเมิดต่อเนื่อง กองทัพบกจะดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสมและจำเป็นอย่างเด็ดขาด เพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนไทยโดยไม่ละเว้น จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน -สำนักข่าวไทย

กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เปิดแนวปะทะพื้นที่ “อานม้า-ภูมะเขือ”

30 ก.ค. – กัมพูชากลับกลอก ละเมิดข้อตกลงอีก เปิดแนวปะทะ 2 พื้นที่ “อานม้า และภูมะเขือ” ขณะที่ ทบ.เผยทหารกัมพูชาใช้ปืนเล็ก สลับระเบิดขว้าง เมื่อคืนนี้ (29 ก.ค.) กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยก่อนอีกแล้ว ละเมิดข้อตกลงถึง 2 ครั้ง โดยเปิดแนวปะทะ 2 พื้นที่ที่ อานม้า และภูมะเขือ ทบ.เปิดเผยว่า ทหารกัมพูชาใช้ปืนเล็กสลับระเบิดขว้าง โดยเมื่อเวลา 20.45 น. แหล่งข่าวฝ่ายมั่นคงรายงานว่า ช่องอานม้า มีเหตุปะทะ กัมพูชาเปิดฉากยิง หวังยึดพื้นที่ ฝ่ายไทยตอบโต้ ขณะที่ช่วงเวลา 22.19 น. พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบขั้นต้นเกิดเหตุปะทะที่ภูมะเขือ และช่องอานม้า โดยมีปืนเล็กกับระเบิดขว้างเข้ามาที่ฐานฝั่งไทย ประมาณ 30 นาที ขณะที่เพจกองทัพบก ทันกระแส โพสต์ไม่ต้องนอน ตามคาด! กัมพูชาละเมิดอีกแล้ว อานม้าปะทะภูมะเขือ […]

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสาน-กลาง-ตอ.ฝนตกหนัก กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 30 ก.ค. – กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือตอนบน ภาคอีสานเหนือตอนบน ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วน กทม.-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 70% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน ตาก บึงกาฬ สกลนคร และนครพนม ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามันประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบน มีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า […]

แนวป้องกันน้ำท่วมฝีมือทหารช่าง ลดความรุนแรงน้ำท่วม

เชียงราย 29 ก.ค. – น้ำจากลำน้ำสายที่ทะลักเข้าท่วมชุมชนชายแดนแม่สายที่เชียงรายลดลงแล้ว แต่ทิ้งเศษซากความเสียหายไว้จำนวนมากและทำให้ชาวแม่สายอย่างน้อย 500 ครัวเรือนได้รับความเดือดร้อน แต่ยังถือว่าไม่หนักหนาสาหัสเหมือนน้ำท่วมใหญ่เมื่อปีที่แล้ว ส่วนหนึ่งมาจากแนวป้องกันน้ำท่วมยาวเกือบ 4 กิโลเมตร จากฝีมือของทหารช่าง.-สำนักข่าวไทย