กรุงเทพฯ 22 ก.พ.-นักวิชาการแนะถอดบทเรียนทบทวนแหล่งที่มาของเงิน – นิยามพรรคการเมือง ให้ชัดเจน ป้องกันการยุบพรรคการเมืองในอนาคต เชื่อแรงกระเพื่อมไม่บานปลายถึงขั้นขัดแย้งรุนแรง มองใช้คำ คณะอนาคต โยง คณะราษฎร แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึงอุดมการณ์ทางการเมือง
นายสติธร ธนานิธิโชติ ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า กล่าวถึงคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญกรณียุบพรรคอนาคตใหม่ว่า มีเหตุผลที่เชื่อมโยงว่าเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 72 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง โดยเชื่อมโยงคำว่าเงินกู้ให้เข้าไปอยู่ในนิยามของคำว่าประโยชน์อื่นใด และชี้ให้ว่าประโยชน์อื่นใด ได้มาโดยไม่ชอบตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองและนำไปสู่การยุบพรรค แต่มีข้อสังเกตถึงเจตนารมณ์ของแหล่งที่มาการให้กู้เงิน ที่อาจเข้าข่ายขัดต่อกฎหมายกรณีการไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าครอบงำพรรค แต่กฎหมายไม่ได้ระบุว่า ห้ามแหล่งที่มาของเงินมาจากคนในพรรค ศาลจึงเห็นว่ากรณีนี้เกิดจากแหล่งที่มาของเงินมาจากหัวหน้าพรรค จึงตีตวามว่าอาจเข้าข่ายครอบงำหรือมีอำนาจชี้นำภายในพรรคได้ จึงนำไปสู่การยุบพรรค ดังนั้น จึงมีข้อถกเถียงถึงเจตนารมณ์เรื่องแหล่งที่มาของเงินว่าสามารถรับจากบุคคลภายนอกที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคเข้ามาครอบงำพรรคตามที่กฎหมายระบุไว้ หรือสามารถรับจากบุคคลที่อยู่ภายในพรรคดังเช่นกรณีของนายธนาธรที่เป็นหัวหน้าพรรคได้หรือไม่ ซึ่งกรณีนี้ศาลตีความรวมทั้งหมดทั้งบุคคลภายนอกและบุคคลภายในพรรค โดยมองว่ามีความจำเป็นที่ต้องหารือถึงเจตนารมณ์ที่แท้จริงของกฎหมาย เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
นายสติธร กล่าวอีกว่าขณะเดียวกัน ต้องทบทวนสถานะของพรรคการเมือง ซึ่งกำลังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ในขณะนี้ว่าเป็นองค์กรประเภทใด อยู่ในข่ายของกฎหมายมหาชนหรือเอกชน ซึ่งปัจจุบันมีเพียงการนิยามว่าพรรคการเมืองเป็นองค์กรทางการเมือง เป็นนิติบุคคลที่ทำนิติกรรมได้เท่านั้น แต่ยังไม่เคยมีการระบุอย่างชัดเจนว่าเป็นองค์กรประเภทใด ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายมหาชนหรือกฎหมายเอกชน ส่วนตัวมองว่าเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาในอนาคตจึงควรกำหนดนิยามของพรรคการเมืองให้ชัดเจน
ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่าส่วนประเด็นที่อาจจะนำไปสู่การยุบพรรคได้อีกประเด็นหนึ่งนั้นมองว่า เป็นเรื่องของรายรับรายจ่ายของพรรคที่ไม่สมดุลกัน โดยพบว่าพรรคมีบัญชีรายจ่ายมากกว่ารายรับ เพียงล้านกว่าบาท เหตุใดจึงมีการกู้ยืมเงินในจำนวนมากถึง 191 ล้านบาท จึงน่าจะเพียงพอให้เกิดการสงสัยว่าการกู้เงินไม่ชอบมาพากล ศาลจึงตีความให้กรณีนี้เชื่อมโยงกับมาตรา 72 เห็นได้จากคำวินิจฉัยที่เชื่อมโยงไปถึงมาตรา 72 ทำให้เกิดข้อสงสัยและมีการตั้งคำถามตามมาถึงความผิดปกติ ซึ่งเงินกู้จำนวนนี้ศาลมองว่าเกินความจำเป็นที่พรรคต้องใช้จ่าย
นอกจากนี้ ศาลยังพิจารณาถึงรายละเอียดปลีกย่อยที่มีการกู้ยืมเงินรอบที่ 2 การใช้คืนเงินในเวลาอันรวดเร็ว และอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำจนผิดปกติทางการค้า ซึ่งไม่สมเหตุสมผลในทางบัญชี ซึ่งความผิดดังกล่าวนำไปสู่การยุบพรรคการเมืองตามรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันซึ่งเขียนไว้อย่างชัดเจนถึงความผิดที่นำไปสู่การยุบพรรค ส่วนโทษจะรุนแรงหรือไม่นั้นต้องพิจารณากันต่อไป
โดยหลังจากนี้ในส่วนของการดำเนินการทางอาญาคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.จะต้องเป็นผู้ร้องต่อศาล เพื่อเรียกร้องเงินส่วนต่างจากพรรคของจำนวนเงิน 191 ล้านบาท ที่พรรคกู้มา เพื่อนำเงินเข้ากองทุนพัฒนาพรรคการเมืองต่อไป ส่วนคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญจะสามารถนำไปใช้เป็นบรรทัดฐานสำหรับพรรคการเมืองอื่นที่ได้มีการกู้เงินเช่นเดียวกันได้หรือไม่นั้น ต้องพิจารณาเป็นกรณีไป โดยศาลจะพิจารณาจากบัญชีรายรับรายจ่ายที่ต้องมีความสมเหตุสมผล รวมถึงจำนวนเงินที่พบว่าไม่มีพรรคใดเลยกู้เงินเกินกว่าความจำเป็นในจำนวนมากกว่า 100 ล้านบาท เช่นเดียวกับพรรคอนาคตใหม่
นายสติธร กล่าวว่าส่วนการตั้งคณะอนาคตใหม่นั้นเป็นสิ่งที่คาดการณ์กันอยู่แล้วว่า หากพรรคถูกยุบแกนนำก็ยังคงเคลื่อนไหวทางการเมืองต่อไป โดยการเลือกใช้คำก็ยังคงเป็นการส่งสัญญาณเชิงสัญลักษณ์ในการเคลื่อนไหวทางสังคมต่อจากนี้และแสดงถึงอุดมการณ์ทางการเมืองของพรรค โดยใช้คำว่า คณะ เพื่อให้สอดคล้องกับคณะราษฎรที่เปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475 ซึ่งการแสดงออกสามารถทำได้ตามกรอบของกฎหมาย ทั้งการแสดงออกและการวิพากษ์วิจารณ์คำตัดสินของศาล ส่วนแรงกระเพื่อมทางสังคมนั้น มองว่าจะมีการแสดงออกมากขึ้นในช่วงนี้ เพราะเพิ่งมีคำตัดสินของศาลออกมาทำให้คนที่สนับสนุนยังมีอารมณ์และความรู้สึกร่วมอยู่ และบรรยากาศทางการเมืองจะไม่เหมือนเดิมไประยะหนึ่ง แต่เชื่อมั่นว่าแกนนำของคณะอนาคตใหม่จะเคลื่อนไหวในกรอบของกฎหมายและไม่นำไปสู่ความขัดแย้ง
ทั้งนี้ มองว่า พรรคอนาคตใหม่ต้องรับผิดชอบความผิดพลาด ที่ตนเองได้ก่อขึ้นจนถึงขั้นทำให้พรรคถูกยุบ โดยต้องรับผิดชอบต่อเสียงของประชาชนที่เลือก ส.ส. ของพรรคเข้ามา ซึ่งเมื่อวานนี้ นายธนาธร ก็ได้ยอมรับความผิดพลาดไปแล้ว แต่กระบวนการหลังจากนี้ขึ้นอยู่กับการทำงาน ส.ส. ของพรรคที่จะสานต่อ เจตนารมณ์ต่อไป ในส่วนของประชาชนที่เลือกพรรคอนาคตใหม่ ยังถือว่ามีกลไกตรวจสอบรัฐบาลผ่าน ส.ส.ที่เหลืออยู่ โดย ส.ส. อาจรวมตัวกันเพื่อไปอยู่ในพรรคใดพรรคหนึ่งที่ยังคงเจตนารมณ์แบบเดียวกับพรรคอนาคตใหม่ ซึ่ง ส.ส.ต้องสังกัดพรรคใหม่ ภายใน 60 วัน โดยต้องเป็นพรรคการเมืองที่ได้ทำการจดจัดตั้งพรรคเรียบร้อย มีผลสมบูรณ์ทางกฎหมายแล้วเท่านั้น ส่วนผลทางการเมืองนั้นมองว่าจะเป็นคุณกับฝ่ายรัฐบาลมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากกรณีที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แถลงไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลเข้าข่ายความผิดละเมิดอำนาจศาลหรือดูหมิ่นศาลหรือไม่ นายสติธร กล่าวว่า การแสดงออกซึ่งความคิดเห็นใดๆ สามารถทำได้ แต่พึงระวังการวิพากษ์วิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญซึ่งมีอำนาจหน้าที่สูงสุดในการพิจารณาคดี และมีอำนาจในการปกป้องตนเอง โดยสามารถดำเนินคดีกับผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ศาลได้โดยไม่ต้องมีผู้ร้อง.-สำนักข่าวไทย