กรุงเทพฯ 12 ก.พ. – กรุงศรีพร้อมทบทวนเป้าจีดีพีปี 63 ใหม่ อาจโตต่ำคาด 2.5% ระบุขอศึกษารายละเอียด ธปท. รื้อโครงสร้างค่าธรรมเนียม มั่นใจไม่กระทบภาพรวมรายได้ของแบงก์
นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น แม้ว่าจะยังคงเผชิญปัญหาความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์และความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างประเทศ โดยแนวโน้มการฟื้นตัวยังคงเปราะบาง ขณะที่เศรษฐกิจไทยยังเติบโตแบบชะลอตัวและต่ำกว่าศักยภาพ แต่ด้วยนโยบายการเงินที่ยังคงผ่อนคลายและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ประกอบกับการเร่งเบิกจ่ายการลงทุนของภาครัฐจะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอยู่ในระดับ 2.5% อัตราดอกเบี้ยนโยบายปีนี้มองว่าอยู่ที่ระดับ 1%
ทั้งนี้ ยอมรับว่าการปรับลดดอกเบี้ยลงมีผลกระทบต่อธนาคารบ้าง แต่น้อยกว่าธนาคารอื่น เนื่องจากกรุงศรีมีการรักษาสมดุลของพอร์ตอย่างดี แบ่งเป็นการปล่อยสินเชื่อลูกค้ารายย่อย 50 % และลูกค้าองค์กร 50% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อปีนี้คาดจะอยู่ที่ 0.9% อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเดือนมกราคมที่ผ่านมามีหลายปัจจัยกดดันเศรษฐกิจไทย ซึ่งพร้อมจะนำปัจจัยแวดล้อมมาทบทวนเป้าจีดีพีใหม่อีกครั้ง
ด้านภาคการส่งออกปีนี้ มองว่าเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น แต่ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ส่งผลให้การฟื้นตัวของภาคการส่งออกอยู่ในวงจำกัด ด้านการลงทุนภาคเอกชน กำลังการผลิตส่วนเกินที่มีอยู่มาก ส่งผลต่อแนวโน้มการลงทุนของธุรกิจในระยะต่อไป ส่วนการบริโภคภาคเอกชน รายได้จากภาคการเกษตรที่ลดลงและแนวโน้มการจ้างงานที่ลดลงส่งผลต่อกำลังซื้อ ขณะที่ความล่าช้าของ พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 ล่าช้า ส่งผลต่อการใช้จ่ายภาครัฐ พร้อมยอมรับว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาหรือโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวภาคการท่องเที่ยว
สำหรับกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะรื้อโครงสร้างค่าธรรมเนียมธนาคารพาณิชย์ทั้งหมด 200-300 รายการ ครอบคลุมลูกค้าทุกประเภททั้งลูกค้ารายใหญ่ เอสเอ็มอี และรายย่อย โดยเตรียมออกข้อปฎิบัติไตรมาส 3/2563 นั้น ยอมรับว่าได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับหลายธนาคาร ซึ่งอยู่ระหว่างการประเมินผลกระทบและตั้งคำถามกลับไปยัง ธปท. แต่เชื่อว่าจะไม่กระทบกับเป้าการดำเนินงานของธนาคาร การเติบโตของรายได้ยังสามารถเติบโตได้ โดยที่ผ่านมาธนาคารมีการยกเว้นค่าธรรมเนียมบางส่วนบางรายการให้กับลูกค้าอยู่แล้ว ส่วนจำนวนสาขาไม่ได้เพิ่มขึ้นในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งกรุงศรีได้ดูแลจำนวนสาขาอย่างระมัดระวัง พร้อมยังไม่มีแผนที่จะเพิ่มหรือปรับลดสาขาแต่อย่างใด และยังไม่มีนโยบายปรับเพิ่มหรือลดพนักงานเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ ปี 2563 ธนาคารคาดการณ์สินเชื่อเติบโตในระดับ 5-7% มีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่ 3.4-3.6% การเติบโตรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยอยู่ในช่วง -3 ถึง 3% และอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) 2.5% นอกจากนี้ ธนาคารจะเดินหน้าสู่การเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินชั้นนำในประเทศไทย ด้วยแผนเชิงยุทธศาสตร์ 3 ด้านที่ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกกลุ่ม ประกอบด้วย การยกระดับประสบการณ์ลูกค้า การใช้ประโยชน์จากศักยภาพด้านข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนองค์กร และการมุ่งเน้นกลยุทธ์ความร่วมมือกับพันธมิตร
“กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจปี 2563 จะมุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงธุรกิจการเงินในยุคดิจิทัลผ่านการพัฒนานวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ การใช้นวัตกรรมขับเคลื่อนกระบวนการทำงาน และการยกระดับบริการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ความสำคัญกับการริเริ่มโครงการที่มุ่งเน้นด้านการพัฒนาระบบนิเวศทางธุรกิจ (Ecosystem) เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับลูกค้า รวมทั้งกลุ่มผู้ใช้รถ ผู้ซื้อบ้าน และผู้ประกอบการเอสเอ็มอี” นายอาคิตะ กล่าว
นอกจากนี้ กรุงศรีมีเป้าหมายร่วมพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน โดยเชื่อมโยงกับพันธกิจด้าน ESG ธนาคารจึงได้ริเริ่มโครงการใหม่หลายโครงการ เพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนของชุมชนผ่านนวัตกรรมดิจิทัลและการให้บริการทางการเงินที่ครอบคลุมทุกภาคส่วน ประกอบกับ ปี 2563 เป็นปีที่ครบรอบ 75 ปีแห่งการก่อตั้งธนาคารกรุงศรีจึงตั้งเป้าหมายลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 7.5 ล้านกิโลกรัมของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ในการดำเนินงานทุกกิจกรรมของกรุงศรี รวมทั้งการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการ ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำของประเทศ.-สำนักข่าวไทย