กรุงเทพฯ 4 ก.ย. – “อุตตม” ขอให้รัฐวิสาหกิจเร่งโครงการลงทุนในประเทศช่วงเศรษฐกิจไทยต้องเผชิญความท้าทายจากเศรษฐกิจโลก ยืนยันเศรษฐกิจไทยไม่ได้ถดถอย แต่ได้รับผลกระทบโตช้าลงเท่านั้น ระบุไม่กังวลหนี้ครัวเรือนแต่จับตาใกล้ชิด
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานเปิดการสัมมนาเพื่อมอบนโยบายและทิศทางการพัฒนารัฐวิสาหกิจ จัดโดยสำนักคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) โดยมอบนโยบายให้รัฐวิสาหกิจทั้ง 56 แห่งและบริษัทลูก เร่งเดินหน้าโครงการลงทุนในประเทศ ซึ่งรัฐวิสาหกิจมีวงเงินลงทุนปีงบประมาณ 2562 ภายใต้การดูแลของ สคร.ประมาณ 300,000 ล้านบาท พร้อมกับต้องยึดโยงกับยุทธศาสตร์ชาติให้มากที่สุด และแผนงานของรัฐวิสาหกิจ 5 ปีที่ต้องจัดทำตามพระราชบัญญัติใหม่ ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาก็เช่นเดียวกันต้องยึดโยงยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศเชิงยุทธศาสตร์ ทั้งการปฏิรูปประเทศ ปรับเปลี่ยนยกระดับขีดความสามารถของเศรษฐกิจประเทศไทย และการลงทุนเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยอย่างครอบคลุมและทั่วถึง
นายอุตตม กล่าวว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจไทยเผชิญความท้าทายจากเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบโตช้าลง แต่ยังเติบโตไม่ได้ถดถอย ช่วงนี้จึงขอให้รัฐวิสาหกิจเร่งการลงทุนในประเทศตามแผนที่มีอยู่และสิ่งที่สามารถเร่งให้เร็วขึ้นได้ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ก็ขอให้เร่ง ทั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนภาคเอกชน เพราะหากรัฐวิสาหกิจลงทุนช้าเอกชนจะกังวล การลงทุนของรัฐวิสาหกิจจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นและช่วยให้เศรษฐกิจผ่านพ้นช่วงเวลาที่ท้าทายไปได้ด้วยดี นอกจากนี้ ยังขอให้รัฐวิสาหกิจเดินหน้าพัฒนาบุคลากรให้มีชุดทักษะที่จำเป็นสำหรับประเทศไทยในอนาคต และเนื่องจากหลายรัฐวิสาหกิจมีข้อมูลจำนวนมาก จึงขอให้พัฒนาระบบ Big data และขีดความสามารถที่จะใช้ Big data เชิงวิเคราะห์เชิงนโยบายให้ได้อย่างเต็มที่ และมอบนโยบายให้ สคร.ติดตามการดำเนินงานและเป็นคู่คิดให้กับรัฐวิสาหกิจ
“การเร่งลงทุนของรัฐวิสาหกิจขณะนี้ทาง สคร.ไปใช้วิธีการหารือเป็นรายรัฐวิสาหกิจ การเร่งการลงทุนดำเนินการหลายกลุ่มที่มีศักยภาพที่จะทำได้ เช่น กลุ่มด้านคมนาคม บริษัท ปตทจำกัด(มหาชน) กลุ่มการไฟฟ้า เป็นต้น โดยขอให้เร่งการลงทุนในประเทศด้านโครงสร้างพื้นฐาน” นายอุตตม กล่าว
นายอุตตม กล่าวถึงการปรับปรุงชุดมาตรการส่งเสริมการลงทุน เพื่อให้แข่งขันดึงดูดการลงทุนได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจวันศุกร์นี้ ว่า ทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะเป็นผู้จัดทำและเสนอมาให้พิจารณา โดยสิ่งสำคัญ คือ จะใช้จุดแข็งของประเทศไทยเป็นหลักในการปรับปรุงชุดมาตรการ
“ประเทศไทยสามารถดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนได้แน่นอน เพียงต้องปรับเปลี่ยนบางอย่างให้สอดคล้องกับสถานการณ์และยุทธศาสตร์ชาติ เช่น ประเทศต้องการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ คนไทยต้องมีชุดทักษะใหม่ที่ก้าวทันโลก ประเทศไทยก็ต้องมีสิ่งที่ดึงดูดให้ต่างประเทศมาร่วมกับประเทศไทยเป็นหุ้นส่วนในการพัฒนาเป็นต้น” นายอุตตม กล่าว
นายอุตตม ยืนยันว่าประเทศไทยยังไม่ได้เข้าสู่ภาวะถดถอยแต่อย่างใด ที่เห็นอยู่ขณะนี้ คือ เศรษฐกิจโลกท้าทายมาก การที่เศรษฐกิจไทยยังโตได้แม้จะชะลอตัวลง สิ่งนี้เรียกว่าการสะท้อนความแข็งแกร่งของประเทศไทยในระดับหนึ่ง ดังนั้น จึงขอให้รัฐวิสาหกิจเร่งเดินหน้าแผนการลงทุนในประเทศที่มีอยู่อย่างต่อเนื่องและแผนใดที่สามารถปรับให้การลงทุนเร็วขึ้นก็ขอให้ดำเนินการ เพราะจะช่วยให้เกิดความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทย ซึ่งไม่ได้เข้าสู่ภาวะถดถอย เพียงแต่ไม่ประมาททำให้มีแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้หมุนเวียน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงหนี้ครัวเรือนว่า ยังไม่ถึงขั้นที่จะต้องกังวล เพราะทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกระทรวงการคลังมีการติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมมีมาตรการส่งเสริมการก่อหนี้ที่เป็นประโยชน์ เช่น บางส่วนเกิดจากบุคคลธรรมดาใช้ในการทำธุรกิจและมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เป็นสิ่งที่ภาครัฐจะมีโครงการเข้าไปช่วยเหลือ นอกจากนี้ ยังให้เครือข่ายของกระทรวงการคลัง เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เข้าไปช่วยดูเรื่องนี้ เพราะรู้จักคนในพื้นที่อยู่แล้ว โดยให้จัดเป็นโครงการช่วยชี้แจงดูแลการบริหารหนี้ครัวเรือนให้เหมาะสม ที่สำคัญ คือ ต้องเข้าให้ถึงตัวประชาชน โดยให้ดำเนินการจัดทำมาตรการนี้ทันที.-สำนักข่าวไทย