สมาคมธนาคารไทย 22 ก.ย.-“ผยง” เผยหารือนายกฯ-ทีมเศรษฐกิจ ทั้งเงินบาทแข็ง-เงินทุนไหลเข้าผิดปกติ ต้องเร่งทำ Connect the dots ชี้รัฐบาลฝากโจทย์ใหญ่แก้หนี้ครัวเรือน เน้น Big Quick Win ระบุเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ 58 ปีของสมาคมธนาคารไทย ที่ นายกฯ เดินทางมาด้วยตัวเอง
นายผยง ศรีวานิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยภายหลังนำทีมกรรมการสมาคมธนาคารไทย เข้าหารือกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐรัฐมนตรี และทีมเศรษฐกิจ ว่า ได้มีการหารือเรื่องค่าเงินบาทแข็งค่า รวมถึงเงินทุนไหลเข้ามาจำนวนมาก ทำใหีมีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะเป็นเงินทุนสีเทานั้น ได้มีการชี้แจงเรื่องดังกล่าวต่อนายกรัฐมนตรี แล้ว โดยสิ่งที่ต้องเร่งทำ ก็คือการ Connect the dots หรือการเชื่อมโยงระบบความปลอดภัยทางการเงิน ซึ่งการขับเคลื่อนของเงินทุนในรูปแบบต่างๆ ต้องผ่านหลายกลไกในระบบตลาด ทั้งตลาดเงิน ตลาดทุน ตลาดทั่วไป อัตราแลกเปลี่ยน ที่เป็นทั้งระบบธนาคารและไม่ใช่ระบบธนาคารไปจนถึงการเคลื่อนย้ายเงินทุน โดยกิจกรรมทั้งหมดนี้อยู่ระหว่างการเชื่อมโยงข้อมูล ซึ่งล่าสุด ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กับ ปปง. กำลังเร่งดำเนินการอยู่ในขณะนี้
ทั้งนี้ รัฐบาลฝากโจทย์ใหญ่เรื่องหนี้ครัวเรือน ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งที่ทั้งระบบองคาพยพต้องไปด้วยกัน ขณะที่รัฐบาลมีเวลาเพียง 4 เดือน จึงจะต้องจัดลำดับความสำคัญว่าจะต้องเร่งทำสิ่งใดก่อนหลัง เพราะนายกรัฐมนตรีต้องการ Big Quick Win ซึ่งทุกคนเข้าใจตรงกัน และวันนี้ภาคธนาคารได้รับทราบนโยบายจากนายกรัฐมนตรี โดยได้มีการปรับในรายละเอียดเพื่อให้สามารถร่วมมือกันได้ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน
อย่างไรก็ตาม สมาคมธนาคารไทยไม่ได้เรียกร้องให้รัฐบาลทำอะไรเพิ่มเติม เนื่องจากนายกรัฐมนตรี และทีมเศรษฐกิจมีความเข้าใจเรื่องการเงินการธนาคารครอบคลุมทุกด้านอยู่แล้ว รวมถึงเรื่องการลงทุน และพลังงาน
นายผยง ยังกล่าวว่า นับเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์สมาคมธนาคารไทยตลอด 58 ปี ที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาด้วยตัวเอง รวมถึงคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ โดยได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกัน โดยนายกรัฐมนตรีมุ่งเน้นในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม รวมถึงเรื่องการจ้างงาน ส่วนเรื่องสภาพคล่องไม่ได้มีปัญหาในตัวเอง เพียงแต่ไม่สามารถไหลไปสู่จุดที่ต้องการได้ ซึ่งต้องไปดูว่าขาดอะไรและต้องเร่งดำเนินการ อย่างไรก็ตาม ขอให้รอความชัดเจนในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยนายกรัฐมนตรี เน้นผลลัพธ์เป็นตัวตั้งแล้วทำงานเพื่อไปสู่ผลลัพธ์นั้น
สำหรับมาตรการในการเพิ่มสภาพคล่อง เรื่องข้อมูลเป็นจุดสำคัญที่ระบบไม่มี เนื่องจากเมื่อดูโครงสร้าง SMEs พบว่า มีผู้ประกอบการอยู่นอกระบบมากถึง 48% ส่งผลให้ไม่มีข้อมูล นำไปสู่ความสับสน สะท้อนไปถึงคุณภาพของหนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีความเข้าใจในเรื่องนี้อยู่แล้ว เพราะเป็นนักธุรกิจ เข้าใจทุกข้อต่อของห่วงโซ่อุปทาน และองค์ประกอบที่สำคัญที่ทำให้เกิดระบบเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพสูงสุด.-516.-สำนักข่าวไทย