ชี้แก้หนี้ครัวเรือนยั่งยืน ต้องแก้ กม.ดึงหนี้นอกระบบเข้าในระบบ

กรุงเทพฯ 28 ส.ค. – ภาคการเงินร่วมแก้หนี้ครัวเรือน เผยปี 68 หนี้ครัวเรือนแตะ 13.5 ล้านล้านบาท ธปท.ชี้แก้หนี้ครัวเรือนยั่งยืน ต้องแก้กฎหมายเพื่อดึงหนี้นอกระบบเข้ามาในระบบ


วงเสวนาหัวข้อ “Household Debt and Financial Vulnerability” หนี้ครัวเรือนไทย : ความเปราะบางที่ต้องจับตา ภายในงาน Thailand Focus 2025: Beyond the Challenges จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ดร.รุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า กลุ่มที่มีหนี้ครัวเรือนสูงสุดคือ กลุ่มคนเริ่มทำงาน (อายุ 22-29 ปี ) พบว่า 50% มีหนี้ครัวเรือน และ 1 ใน 4 กำลังประสบปัญหาใช้หนี้ ส่วนหนึ่งอาจเพราะไม่มีความรู้ด้านการจัดการรายได้หรือขาดความสามารถในการจัดการทางการเงิน ธปท. จึงพยายามให้ข้อมูลเรื่องหนี้ครัวเรือนเข้าถึงกลุ่มผู้ให้ความช่วยเหลือทางการเงินมากขึ้น ขณะที่กลุ่มวัยเกษียณยังมีหนี้สิน โดยผู้ที่มีหนี้สินส่วนใหญ่เป็นหนี้จากการบริโภค ไม่ใช่หนี้จากการทำธุรกิจ จากการทำวิจัยพบว่า ประชากร 38% ของประเทศมีหนี้ครัวเรือน เป็นข้อมูลเฉพาะหนี้ในระบบเท่านั้น คนไทยเป็นหนี้เฉลี่ยราว 5 แสนบาทต่อคน และหากรวมหนี้นอกระบบ ตัวเลขก็ต้องสูงขึ้นกว่านี้มาก


ปัญหาสำคัญของหนี้ครัวเรือนคือเมื่อลูกหนี้มีหนี้ในระบบ แล้วไม่สามารถชำระหนี้ได้ จึงต้องสร้างหนี้นอกระบบ จนไม่สามารถชำระหนี้ได้ทั้งในและนอกระบบ ขณะที่เราไม่มีข้อมูลที่ถูกต้องของหนี้นอกระบบ ทำให้ไม่ทราบจำนวนหนี้ที่แท้จริง ดังนั้น ทางแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนคือการนำหนี้นอกระบบเข้ามาเป็นหนี้ในระบบ ซึ่งถือว่าเป็นความท้าทายที่สำคัญ เพราะการจะทำเช่นนี้ได้ จำเป็นต้องมีการแก้ไขกฎเกณฑ์และข้อกฎหมายหลายประเด็น


 
ดร.ลัษมณ อรรถาพิช ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด เปิดเผยว่าปี 2568 หนี้ครัวเรือนมีมูลค่า 13.5 ล้านล้านบาท และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยสินเชื่อหลักที่ครัวเรือนประสบปัญหาในการชำระคือ สินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อยานยนต์ ปัจจุบันนี้สินเชื่อส่วนบุคคลมีจำนวนสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่สินเชื่อเพื่อการเกษตรหรือสินเชื่อเพื่อการประกอบอาชีพกลับไม่เติบโต

จากการวิเคราะห์ของบริษัทฯ พบว่าแม้บัญชีผู้ขอสินเชื่อจะมีมากขึ้น แต่ผู้ขอสินเชื่อมีศักยภาพกู้ในจำนวนเงินที่ลดลงเรื่อยๆ และมีหนี้เสียถึง 10.4% ของหนี้ทั้งหมด ดังนั้น บริษัทฯ สามารถช่วยให้ข้อมูลต่างๆ แก่ผู้กู้และผู้พิจารณาสินเชื่อให้สามารถพิจารณาสินเชื่อได้อย่างเหมาะสม และให้ผู้กู้สามารถประเมินศักยภาพในการกู้และการชำระหนี้ของตนเอง นอกจากนี้ การนิยามการจัดการหนี้สินและสุขภาวะทางการเงินเป็นอีกหนึ่งความท้าทาย เพราะบริษัทฯ ไม่ได้เพียงต้องการให้บริการให้ข้อมูลเครดิตเพื่อจัดการความเสี่ยงเท่านั้น แต่ยังต้องการให้ข้อมูลเพื่อการเตือนสถาบันการเงิน ขณะเดียวกันต้องการเตือนผู้บริโภคถึงการฉ้อโกง รวมถึงความปลอดภัยของผู้บริโภคก็เป็นสิ่งสำคัญ


นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และ ประธานกรรมการ สมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจนอกระบบในไทยมีสัดส่วนสูงที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยสูงถึง 48% และทำให้การสำรวจข้อมูลทำได้ไม่ครอบคลุม  โดยเฉพาะเรื่องหนี้  อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลที่มีอยู่ ปัจจัยหลักที่ทำให้จำนวนหนี้ครัวเรือนสูงขึ้น คือ รายได้ต่ำหรือรายได้ต่ำกว่าความจำเป็นที่ต้องใช้เงิน ปัญหาความยากจนและความไม่เท่าเทียม กฎหมายหย่อนยานและการจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพ ผลผลิตต่ำ ขาดความยืดหยุ่นทางการเงิน และความล่าช้าของการพัฒนาอย่างยั่งยืน ขณะที่รายได้ของประเทศ หรือจีดีพีของไทยมาจากบริษัทและกลุ่มลงทุนขนาดใหญ่ที่คิดเป็นเพียง 1% ของผู้ประกอบการทั้งหมดของประเทศ แต่มีรายได้ถึง 65% ของจีดีพีทั้งหมด จึงเห็นได้ว่าเกิดความเหลื่อมล้ำทางด้านรายได้อย่างชัดเจน

แนวทางแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนและปัญหาความเปราะบางทางการเงินของคนไทยนั้น ทางสถาบันการเงินต่างๆ รวมถึงองค์กรภาครัฐได้รวบรวมแนวทางแก้ปัญหาเรื่องการกู้ยืมเงินอย่างยั่งยืน โดยมีแนวทางหลัก 5 ประการได้แก่ 1. ความครอบคลุมที่รวมถึงข้อมูลความเสี่ยงต่างๆ ที่ต้องมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันทั้งภาครัฐและสถาบันการเงิน 2. อัตราดอกเบี้ยและจำนวนเงินที่ให้ยืมต้องมีความโปร่งใสและเป็นธรรม 3. สถาบันการเงิน ธนาคาร รวมถึงกลุ่มสหกรณ์ต่างๆ ต้องดำเนินกิจการในระดับของตัวเองเท่านั้น ไม่ก้าวก่ายกัน 4. การแข่งขันเสรี และควรมีการแลกเปลี่ยนฐานข้อมูลอย่างเป็นกลาง และ 5. การกู้ยืมที่มีคุณภาพ สถาบันทางการเงินต้องให้ข้อมูลที่ครบถ้วนและโปร่งใส่แก่ผู้กู้ยืม เพื่อให้ผู้ยืมสามารถกู้ยืมในจำนวนที่เหมาะสมกับความต้องการของตน และสามารถผ่อนชำระไหว

นอกจากนี้โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนได้ โดยการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้ให้ภาคประชาชน รวมถึงดึงลูกหนี้นอกระบบเข้ามาสู่ระบบมากขึ้น เมื่อรัฐมีข้อมูลหนี้ครัวเรือนที่ถูกต้อง ก็จะช่วยในการออกมาตรการช่วยเหลือต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถช่วยเพิ่มความสามารถทางการแข่งขันและเพิ่มรายได้ครัวเรือนต่อไปในอนาคต ทั้งนี้รัฐบาลต้องเป็นผู้นำในการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนอย่างจริงจังเพื่อแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืน

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าปัจจุบันบริษัทฯ มีหนี้ที่ต้องจัดการแก้ไขประมาณ 2 ล้านล้านบาท เป็นหนี้ครัวเรือน 40% ของหนี้ดังกล่าว สิ่งที่น่าตกใจคือ จำนวน 1 ล้านล้านบาทเป็นหนี้เสีย (NPL) ต้องใช้เวลา 7-10 ปีในการ แต่หากทางบริษัทฯ สามารถขยายศักยภาพในการทำงานได้ ระยะเวลาอาจลดลงมาเหลือเพียง 4-5 ปีเท่านั้น หลักการที่นำมาใช้คือการเข้าช่วยเหลือหนี้เสียเพื่อให้สามารถกลับมาชำระหนี้ได้อีกครั้ง

ขณะที่ต้องการขยายบริษัทบริหารสินทรัพย์ (AMC) ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจซึ่งมีอยู่ 86 แห่งให้มากขึ้น และจะทำได้หากได้รับสินเชื่อและการช่วยเหลือจากรัฐบาล ซึ่งหากจะแก้ไขปัญหาหนี้ทั้งหมดที่มีอยู่ในมือ จะต้องขยายการให้บริการ 3 ใน 4 ส่วน ของศักยภาพปัจจุบัน นอกจากนี้ การเพิ่มมาตรการการช่วยเหลือให้แก่ผู้กู้ที่มีหนี้เสียจะช่วยให้การแก้ปัญหาหนี้สินเป็นไปได้อย่างราบรื่นมากขึ้น.-516-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]

จัดโพเดียมกลางตึกไทยคู่ฟ้า รอนายกฯ แถลงหลังศาลอ่านคำวินิจฉัย

ทำเนียบ 28 ส.ค.-จัดโพเดียมกลางตึกไทยคู่ฟ้ารอ “แพทองธาร” นายกฯ แถลง หลังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยปมคลิปเสียงสนทนา “ฮุนเซน” ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในวันที่ 29 ส.ค.นี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้มอบทีมทนายความ และ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนเข้ารับฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ คดีคลิปเสียงสนทนา “สมเด็จฮุน เซน” ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ขณะที่ น.ส.แพทองธาร จะเดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล ในเวลาประมาณ 14.00 น. เพื่อติดตามรับชมการถ่ายทอดสดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ห้องประชุมชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า และจัดเตรียมห้องสีม่วง สำหรับรัฐมนตรีที่มาให้กำลังใจ ร่วมรับฟังคำวินิจฉัยไปพร้อมกัน ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นการอ่านคำวินิจฉัย นายกฯ จะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน บริเวณโถงกลาง ภายในตึกไทยคู่ฟ้า และจะเดินทางกลับออกไปในทันที โดยคาดว่าจะไม่เปิดให้สื่อมวลชนได้ซักถาม ซึ่งหลังจากเดินทางออกจากทำเนียบฯ ต้องจับตาว่า น.ส.แพทองธาร จะเดินทางไปยังที่ทำการพรรคเพื่อไทย เพื่อพบกับสมาชิก สส. และผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย หรือไม่ เพราะสมาชิก […]