คุมเข้มสารตั้งต้นยาเสพติดต้องขออนุมัตินำเข้ารายครั้ง

กรุงเทพฯ 24 ก.ค. – กรมโรงงานฯ คุมเข้มสารโซเดียมไซยาไนด์ จะกำหนดให้การนำเข้า-ส่งออก-นำผ่านใหม่ จากเดิมให้ใบอนุญาตรายปีเปลี่ยนเป็นพิจารณาอนุมัติเป็นรายครั้งพร้อมต้องให้ ป.ป.ส. ตรวจสอบก่อน 


นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า  ขณะนี้กรมโรงงานฯ ปรับแนวทาง หลักเกณฑ์ และเงื่อนไขการอนุญาตนำเข้า ส่งออก และนำผ่านสารโซเดียมไซยาไนด์  จากเดิมอนุญาตเป็นรายปีจะเปลี่ยนเป็นรายครั้ง โดย กรอ. ต้องแจ้งให้สำนักงาน ป.ป.ส. ตรวจสอบก่อนการอนุญาตทุกครั้ง ขณะเดียวกันการนำเข้าได้กำหนดให้ผู้ประกอบการต้องแจ้งวัตถุประสงค์การนำไปใช้งาน โดยแสดงขั้นตอนการผลิตที่มีการใช้สารโซเดียมไซยาไนด์อย่างละเอียด ส่วนการส่งออกหรือการนำผ่านกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องแจ้งข้อมูลผู้ซื้อ ที่อยู่ และวัตถุประสงค์การนำไปใช้ 

ส่วนกรณีที่ใบอนุญาตยังมีอายุอยู่เดิม ต้องแจ้งข้อเท็จจริงการนำเข้า ส่งออกวัตถุอันตราย (วอ./อก6) ให้หน่วยงานทั้งหมดทราบ พร้อมทั้งจัดตั้งคณะทำงานซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมและผู้แทนจาก 7 หน่วยงาน เพื่อประสานข้อมูลและดำเนินการออกมาตรการควบคุม ติดตาม และตรวจสอบสารโซเดียมไซยาไนด์รวมถึงสารอื่น ๆ ที่สามารถนำไปผลิตสารตั้งต้นยาเสพติดหรือที่เกี่ยวข้องได้ โดย กรอ. จะแจ้งข้อมูลการออกใบอนุญาตทุกครั้งให้แก่คณะทำงานทราบผ่านทางอีเมล


นอกจากนี้เมื่อ พ.ร.บ. วัตถุอันตราย (ฉบับที่4) พ.ศ. 2562 มีผลบังคับใช้วันที่ 27 ตุลาคม 2562 จะกำหนดให้ผู้นำผ่านวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ในแต่ละครั้งต้องได้รับอนุญาตก่อน และใบนำผ่านมีอายุไม่เกิน 45 วัน และวัตถุอันตรายที่นำผ่านต้องนำออกไปนอกราชอาณาจักรภาย 5 วัน และต้องทำประกันค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากกรณีการทำลายหรือจัดการกับวัตถุอันตรายที่ทำผิดกฎหมาย ซึ่งจะทำให้กรมโรงงานเฝ้าระวังการนำเข้า ส่งออก และการนำผ่านสารโซเดียมไซยาไนด์มีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น 

รวมทั้งยังได้ทำหนังสือขอความร่วมมือไปยังผู้จำหน่ายเคมีภัณฑ์ในการเฝ้าระวังไม่ให้เกิดการนำไปใช้ในทางที่ผิด ส่วนสถานประกอบกิจการโรงงานให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมเข้ากำกับดูแลโรงงานที่มีการใช้สารโซเดียมไซยาไนด์อย่างใกล้ชิด หากไม่มีการขออนุญาตนำเข้า ส่งออก และการนำผ่านสารโซเดียมไซยาไนด์ตรวจพบจะดำเนินคดีอย่างเฉียบขาดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

นายทองชัย กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาต นำเข้า-ส่งออก-นำผ่าน ทั้งหมด 8 รายซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจสอบสถานที่จัดเก็บยังไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด โดยผู้นำเข้ามีการจำหน่ายให้ผู้ประกอบกิจการชุบโลหะและบริษัทจัดจำหน่ายเคมีภัณฑ์ ส่วนการแจ้งขอส่งออกและการนำผ่านจะส่งไปยังเหมืองสกัดแร่ทองคำประเทศเพื่อนบ้าน โดยในปีงบประมาณ 2562 (ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2561 ถึงปัจจุบัน) กรอ. ได้ออกใบอนุญาตเพียง 1 ใบ เท่านั้น จำนวน 53 ตัน มีการนำเข้าจริงเพียง 17 ตัน และไม่มีการออกใบอนุญาตส่งออกแต่อย่างใด


สำหรับปริมาณการนำเข้า ส่งออก และนำผ่านของผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาต พบว่าในปีงบประมาณ 2561 (ต.ค. 60- ก.ย. 61) มีปริมาณการนำเข้า 2,845.97 ตัน และส่งออก 426.15 ตัน ปีงบประมาณ 62 (ต.ค.61-15 ก.ค. 62) มีปริมาณนำเข้า 1,182.816 ตัน และส่งออก 106 ตัน ซึ่งปริมาณการนำเข้าและส่งออกดังกล่าวเป็นส่วนที่มีการออกใบอนุญาตเดิมก่อนปีงบประมาณ 62 การส่งออกหรือการนำผ่านประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นการส่งไปยังเมียนมาและ สปป.ลาว ขณะที่การนำเข้ามาใช้ในไทยภาคอุตสาหกรรมส่วนใหญ่จะเป็นการนำมาชุบโลหะและสกัดแร่ทองคำ

“ปัจจุบันการขออนุญาตนำเข้า ส่งออก และนำผ่านมีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ใช้สารโซเดียมไซยาไนด์ เช่น อุตสาหกรรมเหมืองแร่ทองคำในประเทศไทยได้ถูกปิดไป จึงมีจำนวนการนำเข้าลดลง” นายทองชัย กล่าว

สำหรับ 7 หน่วยงานที่บูรณาการทำงานร่วมกันในการดูแลสารโซเดียมไซยาไนด์ ได้แก่ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กรมศุลกากร กรมการปกครอง สำนักงานกรรมการอาหารและยา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ให้เป็นระบบและรัดกุมมากขึ้น เพื่อเฝ้าระวังและป้องกันการลักลอบนำสารโซเดียมไซยาไนด์ไปใช้นอกภาคอุตสาหกรรม อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและสังคม เนื่องจากได้รับรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) มีข้อมูลเชื่อถือได้ว่าสารโซเดียมไซยาไนด์สามารถนำไปสกัดเป็นสาร P2P (Phenyl-2-Propanone) ซึ่งเป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติดได้ . – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เจรจาล่ม ตัวแทนจีนไม่พอใจลุกกลางวงเจรจา ยันไม่ติดเงินใคร

เจรจาล่ม ตัวแทนจีนไม่พอใจ ลุกกลางวงเจรจา ยันไม่ติดเงินใคร ด้านบริษัท 9PK นำเอกสารชี้แจง พร้อมขอให้บริษัทจีนช่วยอนุมัติเงินมาจ่ายให้กลุ่มผู้รับเหมาก่อน

จับแล้วโจรบุกเดี่ยวชิงทองกลางเมืองหาดใหญ่

จับแล้วโจรมาเลย์บุกเดี่ยวชิงทองกลางเมืองหาดใหญ่ จนมุมสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ เผยมาหาลูกชายที่ จ.นนทบุรี แต่ลูกไม่ให้เข้าบ้าน

ปิดล้อมจับชายวัย 43 ยิงเพื่อนบ้าน-ตร.เจ็บ 4

ตำรวจปิดล้อมนานถึง 11 ชั่วโมง จับชายวัย 43 ปี ใช้ปืนยิงเพื่อนบ้านและตำรวจที่เข้าระงับเหตุ บาดเจ็บรวม 4 ราย หลังโมโหเพื่อนบ้านติดกล้องวงจรปิดหันส่องไปทางบ้านผู้ก่อเหตุ ยิงแก๊สน้ำตา-ญาติเกลี้ยกล่อม ยังไม่เป็นผล

แผ่นดินไหวขนาด 5.8 ในไต้หวัน-ไม่มีรายงานความเสียหาย

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาไต้หวันรายงานวันนี้ว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาดด 5.8 ที่เทศมณฑลอี้หลาน (Yilan) ซึ่งเป็นพื้นที่ชนบทห่างไกลทางตจะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ

ข่าวแนะนำ

ปชช.ทยอยกลับภูมิลำเนา จราจรมุ่งหน้าเหนือ-อีสาน เริ่มหนาแน่น

ประชาชนทยอยเดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปริมาณรถมุ่งหน้าสู่ภาคเหนือและอีสาน เริ่มหนาแน่น แต่ยังเคลื่อนตัวตามกันได้ ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ดูแลและอำนวยความสะดวกการเดินทาง

นายกฯ ระดมทีมสร้างความเชื่อมั่น ดึงนักท่องเที่ยวเข้าไทย

“นายกฯ แพทองธาร” ระดมทีมท่องเที่ยว ทำความเข้าใจ สร้างภาพลักษณ์ไทยไม่อันตราย หลังแผ่นดินไหว ตั้งเป้าเพิ่มนักท่องเที่ยวแทนยอดที่หาย ดึงชาติอื่นแทนจีน

ยังมีหวัง! พบแสงไฟใต้ซากโซน B คาดเป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือ

เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิเพชรเกษม พบแสงไฟใต้ซากอาคารบริเวณโซน B คาดเป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือจากผู้สูญหาย เชื่อมีความหวังพบผู้รอดชีวิต 90% เร่งส่องกล้องตรวจสอบใต้โพรง