กรุงเทพฯ 15 ส.ค.- นักธุรกิจรับซื้อของเก่า ร้องหลังถูกหลอกให้สั่งซื้ออลูมิเนียมอัดก้อนผ่านทางไลน์ซึ่งเจ้าของไลน์โพสต์โฆษณามีธุรกิจส่งของเก่าออกนอกประเทศ จนหลงเชื่อสูญเงินกว่า 2 ล้านบาท
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำครอบครัวนักธุรกิจรับซื้อขายของเก่า เข้าร้องเรียนกับพลตำรวจตรีชัยพร พานิชอัตรา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3 ให้ดำเนินคดีกับนายจักรี (ไม่ทราบนามสกุล) ซึ่งอ้างตัวเป็นนักธุรกิจขายของเก่าส่งออกต่างประเทศ ในข้อหาฉ้อโกง หลัง เจ๊บอเห็นข้อความทางไลน์ชื่อกลุ่มโลหะจักรี ของนายจักรีลงโฆษณาขายอลูมิเนียมอัดก้อน จึงแนะนำผู้เสียหายให้ติดต่อกับนายจักรีเพื่อซื้อขายอลูมิเนียมอัดก้อนจำนวน 30 ตัน เป็นเงิน 1,050,000 บาท โดยนายจักรีส่งรูปของที่ขายให้ รวมถึงเลขที่บัญชีธนาคารกสิกรไทยที่จะให้โอนเงินผ่านทางไลน์ โดยอ้างว่าเป็นบัญชีของภรรยา จากนั้นนายจักรีได้ติดต่อกับร้านขายของเก่าในจังหวัดลพบุรี เพื่อขอซื้ออลูมิเนียมอัดก้อน 30 ตัน ราคา 1,200,000 บาท โดยให้ไปส่งสินค้าที่โรงงานของผู้เสียหายย่านมีนบุรี โดยระหว่างที่ลงของได้จำนวนหนึ่ง มีไฟไหม้หญ้าข้างโรงงานทำให้ต้องหยุดลงของ ซึ่งขณะนั้นนายจักรีได้โทรหาผู้เสียหายให้โอนเงินค่าสินค้าให้ก่อน 1,000,000 บาท ผู้เสียหายเห็นว่าได้รับสินค้าแล้วจำนวนหนึ่งจึงโอนเงิน จากนั้นคนขับรถที่นำสินค้ามาส่งได้แจ้งผู้เสียหายให้โอนเงินเข้าบัญชีเถ้าแก่ที่ลพบุรี ซึ่งผู้เสียหายแจ้งว่าโอนเงินให้กับนายจักรีไปแล้ว คนขับรถจึงขนสินค้ากลับทั้งหมดเพราะไม่ได้เงิน ผู้เสียหายได้ไปแจ้งความที่สน.ฉลองกรุง เมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา และจากการตรวจสอบชื่อบัญชีที่โอนเงินไปและเบอร์โทรศัพท์พบเป็นชื่อของนางสาวเอมอร ซึ่งเป็นนักศึกษาในจังหวัดพะเยา โดยนางสาวเอมอร ระบุทำบัตรประชาชนหายตั้งแต่ปี 2558
นายอัจฉริยะ ระบุ บัญชีธนาคารที่เปิดเป็นบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาเชียงราย แต่บัญชีที่คนร้ายมาเบิกเงินเป็นบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาบิ๊กซีจังหวัดน่าน ซึ่งธนาคารให้ถอนเงินต่างสาขาได้อย่างไร นอกจากนี้ตำรวจ สน.ฉลองกรุง แจ้งว่าไม่มีความสามารถทำคดีนี้ได้ ทำให้ผู้เสียหายต้องดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานเอง โดยคดีนี้น่าจะมีผู้กระทำผิดอย่างน้อย 3 คน จากนี้จะมีการฟ้องแพ่งเอาผิดกับทางธนาคาร ฐานประมาทเลินเล่อต่อไปด้วย
ขณะที่ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3 ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบว่าเจ๊บอ ที่แนะนำผู้เสียหายให้ซื้อสินค้ากับนายจักรีมีส่วนรู้เห็นในการกระทำผิดหรือไม่ พร้อมให้รวบรวมหลักฐานดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด.-สำนักข่าวไทย