กรุงเทพฯ 18 มิ.ย.- ตัวแทนผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงให้หลงเชื่อร่างทรงอดีตบูรพกษัตริย์ เข้าแจ้งความที่กองปราบปราม ให้ดำเนินคดีในฐานความผิด 112 และ พรบ.คอมฯ
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ร่วมกับนายธนัท แฟนพันธ์แท้จตุคาม และบี ฟักโกสต์ เพจสมาคมต่อต้านสิ่งงมงาย เข้าแจ้งความที่กองปราปรามให้ดำเนินคดีกับ นางสาวแสงสุริยะเทพ พระมหาสุริยา หรือ ร่างทรง 4 จี ที่แอบอ้างเป็นร่างทรงของอดีตบูรพกษัตริย์ อาทิ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และ รัชกาลที่ 5
นายอัจฉริยะ เปิดเผยว่า จากกรณีที่มีการนำเสนอเกี่ยวกับการประทับร่างทรงผ่านโลกออนไลน์ แล้วแอบอ้างว่าสามารถสื่อสารกับอดีตบูรพกษัตริย์ได้ เกรงว่าจะทำให้ประชาชนเกิดความสับสน สร้างความเดือนร้อนให้กับผู้ที่หลงเชื่อ และ เข้าข่ายเป็นการหมิ่นสถาบัน จึงรวบรวมเอกสารหลักฐาน อาทิ คลิปวีดีโอ ที่มีการเผยแพร่ในโลกสังคมออนไลน์ รวมถึงหลักฐานต่างๆที่เกี่ยวข้องเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม เพื่อให้พิจารณาความผิด ตามมาตรา 112 และ ความผิดตามพรบ. คอมพิวเตอร์ ซึ่งเบื้องต้นจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพียงนางสาวแสงสุริยะเทพ พระมหาสุริยา ที่แอบอ้างเป็นร่างทรงรายเดียวเท่านั้น
ส่วน นายธนัท ชัยวชิระศักดิ์. แฟนพันธ์แท้จตุคาม ระบุว่า ได้ร่วมกับ บี ฟักโกสต์เพจ เพจสมาคมต่อต้านสิ่งงมงาย รวบรวมข้อมูลหลักฐานที่มีผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียน ส่งให้กับพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเพื่อนำไปจับกุมผู้ที่แอบอ้างเป็นร่างทรงหรือ ให้การรักษาแบบผิดวิธีจนทำให้ผู้เสียหายมีอาการป่วยทรุดหนักลง และ บางรายเสียชีวิตโดยวิธีการของกลุ่มคนที่อ้างเป็นร่างทรงเหล่านี้ มักใช้วิธีอ้างตัวว่าสามารถติดต่อกับเทพ สิ่งศักดิ์สิทธิ์และสามารถทำนายอนาคตได้ ทั้งที่ความเป็นจริงใช้วิธีติดตั้งกล้องวงจรปิดแอบฟังคำสนทนาของผู้เสียหายระหว่างรอเข้าพบ เพื่อสร้างความหน้าเชื่อถือจนมีผู้เสียหายหลายรายหลงเชื่อยอมเสียเงินเป็นค่าประกอบพิธีกรรมต่างๆ เบื้องต้นจากการรวบรวมข้อมูลพบว่ามีผู้เสียหายที่จังหวัดเชียงใหม่ และ สระบุรี ที่มีพยานหลักฐานชัดเจน
ทั้งนี้ฝากเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อการกระทำที่เข้าข่ายหลอกลวง พร้อมฝากไปถึงกลุ่มบุคคลที่มีพฤติกรรมเหล่านี้ให้หยุด หากไม่จะรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีกับทุกราย และในช่วงบ่ายวันนี้ จะเข้าพบอธิบดีกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม เพื่อยื่นหนังสือขอให้มีการตรวจสอบสำนักร่างทรงต่างๆ ที่มีการหลอกลวงประชาชนด้วย .-สำนักข่าวไทย