กรุงเทพฯ 19 ก.ค.- ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พาสามี ภรรยาชาวกัมพูชา ร้องภาค 1 หลังถูกดำเนินคดีข้อหายักยอกทรัพย์กว่า 18 ล้านเมื่อปี 57 อ้างถูกตำรวจบางใหญ่และ พ.ต.ท.ในภาค 1 มีส่วนช่วยเหลือคู่กรณี
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พานายสิงห์ เทียร์ และนางเชียน คาลยาน 2 สามีภรรยา ชาวกัมพูชา ที่ตกเป็นผู้เสียหายในคดีถูกยักยอกทรัพย์จำนวน 18 .5 ล้าน บาท เมื่อปี 2557 ในพื้นที่ สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เข้ายื่นหนังสือร้อง ขอความเป็นธรรม กับ พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ผ่าน พ.ต.อ.วัชรินทร์ ประสพดี รองผู้บังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค1 เป็นตัวแทนรับเรื่อง
โดยขอให้มีการดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง และตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงกับ ร.ต.ท.บุญทัน พันธ์จันทร์ พนักงานสอบสวน สภ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี และ พ.ต.ท.กริชนันท์ อินชู รองผู้กำกับ ฝ่ายอำนวยการ 7 กองบังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 หลังมีการนำสำนวนการสอบสวน คดี ยักยอกทรัพย์ ของ 2สามีภรรยา ชาวกัมพูชา ไปให้คู่กรณี คือ นายสายชล พูนสวัสดิ์ และ นางเพชร สไลแมน ซึ่งเป็นหลานสาว ไปแจ้งความกลับ ในคดีแจ้งความเท็จและยื่นฟ้องต่อศาล จังหวัดนนทบุรี ทำให้ทั้ง 2 ได้รับความเดือดร้อนจากการต้องนำเงินมาประกันตัวสู้คดีและ ไม่มีเงินไปต่อยอดทำธุรกิจผลิตเสื้อผ้าเด็กที่กัมพูชา
2 ผู้เสียหาย ระบุว่า เป็นนักธุรกิจนำเข้าเสื้อผ้าเด็กส่งจากปอยเปต มาที่ประเทศไทย โดยมีนางเพชร สไลแมน หลานสาวเป็นผู้บริหารจัดการส่งต่อให้ลูกค้าที่ตลาดโบ๊เบ้ มนไทย ซึ่งเริ่มทำธุรกิจกับหลานสาวมาตั้งแต่ปี 2549 จนกระทั่งปี 2557 เดินทางมาตรวจสินค้า พบว่าสินค้าจำนวนมากถูกขายออกไป แต่ไม่ได้รับเงินจากสินค้านั้น ซึ่งมีมูลค่ากว่า 18 ล้าน 5 แสนบาท โดยหลานสาวอ้างว่า ลูกค้ายังไม่ชำระเงิน แต่จากการสอบถามทราบว่าชำระเงินมาแล้ว และมีเอกสารยืนยัน จึงตัดสินใจแจ้งดำเนินคดียักยอกทรัพย์ กับหลานสาวและสามี คือ นายสายชล พูนสวัสดิ์ และ นางเพชร สไลแมน
ด้านทนายความ อ้างว่า หลังนายสิงห์ เทียร์ และนางเชียน คาลยาน ได้แจ้งดำเนินคดี ข้อหายักยอกทรัพย์กับนางเพชร และสามี คู่กรณี กับ ร.ต.ท.บุญทัน ที่สภ.บางใหญ่ ต่อมา ทราบว่า นางเพชร และทนายได้เข้าร้องเรียนต่อ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 โดยมี พ.ต.ท.กริชนันท์ เป็นคนรับเรื่อง แต่ พ.ต.ท.กริชนันท์ รู้จักกับ ด.ต.สายัณต์ บัวคำ ทนายของนางเพชร จึงประสานให้ ร.ต.ท.บุญทัน มาชี้แจง และนำแฟ้มสำนวนการสอบสวน มามอบให้ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ต่อมาพบว่าสำนวนการสอบสวนคดียักยอกทรัพย์ กลับไปอยู่ในมือนางเพชร คู่กรณี ได้อย่างไร จึงขอให้มีการดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงและตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ด้าน พ.ต.อ.วัชรินทร์ ได้รับเรื่องร้องเรียนแล้ว พร้อมจะนำเสนอผู้บังคับบัญชา เพื่อพิจารณาตั้งกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป โดยยืนยัน จะดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็วและพร้อมให้ความเป็นธรรมกับคู่กรณี ทั้ง 2
อย่างไรก็ตามในสัปดาห์หน้า ผู้เสียหายทั้ง2 จะยื่นฟ้อง เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้งหมดรวม 5 นายต่อศาลคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางด้วย .-สำนักข่าวไทย