“ภูมิธรรม” โต้ข่าวเด้ง “ผบ.ตร.” บอกไร้สาระ-แจงเลื่อนถก ก.ตร.

ทำเนียบ 29 ส.ค.- “ภูมิธรรม” แจงเลื่อนประชุม ก.ตร. เหตุเรื่องร้องเรียน ยัน มีอำนาจสั่งเลื่อน แต่ไม่ขยายเวลา ชี้ ทำตามกฎหมาย โต้ ข่าว เด้ง ผบ.ตร. ไร้สาระ ไม่เป็นความจริง ย้ำ สัมพันธ์ยังดี


นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ชี้แจงถึงการเลื่อนการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ไปวันอาทิตย์ที่ 31 ส.ค.68 เวลา หลังจากมีกระแสข่าวว่า เลื่อนเนื่องจากมีการร้องเรียนจนทำให้ฝ่ายการเมืองไม่พอใจ ถึงขั้นจะเด้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยยืนยันว่า ตนไม่มีอะไรที่เป็นประโยชน์ส่วนตน ไม่ได้รู้จักใครเป็นการส่วนตัว แต่ยอมรับว่า มีการร้องเรียนเรื่องจากแต่งตั้งจากนายตำรวจ 4 คน ส่วนหนึ่งเป็นนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจในคดีชั้น 14 คือ พล.ต.ท.นพ.โสภณรัชต์ สิงหจารุ ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ และพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รองผบช.ก.) ที่ได้เขียนจดหมายร้องเรียนอย่างเป็นทางการมาที่ตนแล้ว

ทั้งนี้ นายภูมิธรรม กล่าวว่า จากกรณีที่เกิดขึ้นได้มีการหารือกับเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฏีกาแล้ว ซึ่งทางกฤษฎีกาแนะนำว่า การร้องเรียนเป็นสิทธิ์ที่สามารถนำมาพิจารณาได้ เพราะทั้ง 4 คนยังไม่ได้มีความผิดอะไร


อย่างไรก็ตาม นายภูมิธรรม กล่าวว่า เมื่อเดินทางไปถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทางผบ.ตร.ได้เชิญไปคุยในห้องรับรอง ตนจึงได้มีการสอบถามเรื่องข้อร้องเรียนที่เกิดขึ้น ทางผบ.ตร.ก็มีความตั้งใจและได้อธิบายในหลายเรื่อง แต่อยู่คำตัดสินเพราะผบ.ตร.เป็นผู้รับผิดชอบ

“ผมบอกว่า ผมไม่มีปัญหาอย่างอื่นอะไรเลย แต่มีปัญหาว่า ถ้าเขาร้องเรียนแล้วผมไม่สามารถทำได้ถูกต้องตามกฏหมาย ผมจะมีปัญหา และสิ่งที่ได้คุยกับผบ.ตร. ท่านก็บอกแล้วว่า ท่านได้ทำตามกรอบหน้าที่” นายภูมิธรรม กล่าว

ทั้งนี้ นายภูมิธรรม กล่าวว่า สิ่งที่เขาเสนอมา มีหัวใจใหญ่ 2 เรื่อง คือ เรื่องระบบการพิจารณาและหากปล่อยข้ามไปจะไปกระทบคนอื่นๆที่จะขึ้นมา ซึ่งก็ใช้เวลาพอสมควรในการทำความเข้าใจกว่า 2 ชั่วโมง และตนได้เสนอว่า ควรเลื่อนการประชุมก.ตร.ออกไปก่อนดีหรือไม่ และเรื่องนี้ต้องมีการนำรายชื่อกราบบังคมทูลฯด้วย ซึ่งตนไม่อยากให้เกิดเรื่องที่ไม่เรียบร้อยและควรคุยกันให้จบ และขอเลื่อนออกไปอีกสัปดาห์ เพื่อให้ได้ทำงาน แต่ก็มีข้อกฎหมายโต้แย้งหลายเรื่อง ซึ่งตนก็ได้ถามต่อในที่ประชุมถึงเรื่องข้อกฎหมายต่าง ๆ โดยที่ถามชัดเจนแล้วว่า การขยายเกินกรอบระยะเวลาวันที่ 31 สิงหาคม จะมีข้อโต้แย้งกันคือในระเบียบ ก.ตร. บอกว่า ต้องทำให้เสร็จภายในวันที่ 31 สิงหาคม เว้นแต่มีเหตุผลที่เพียงพอถึงจะขยายเวลาต่อไปได้ และเมื่อเรียกประชุมแล้วควรจะต้องประชุม และได้มีการพูดคุยกับผบ.ตร. แล้วว่า จะนำประเด็นที่พูดคุยได้ พูดคุยให้หมดก่อน และมีการเตรียมการเวลาว่าการประชุมในครั้งนี้น่าจะดึก จึงประชุมวาระอื่นก่อน และหยิบยกเรื่องการร้องเรียนเข้ามาพูดในที่ประชุม และเพื่อประกันสิทธิของผู้ที่ร้องเรียน และยังมีเวลาจึงเลื่อนออกไปถึงแค่วันที่ 31 สิงหาคม ซึ่งยังอยู่ในกรอบกฏหมายทุกประการ


นายภูมิธรรม ยืนยันว่า อำนาจในการปิดประชุมก็สามารถทำได้ ตนมีอำนาจในการสั่งสิทธิ์ประชุม และเลื่อนการประชุม แต่ขยายกรอบระยะเวลาไม่ได้ และมีเสียงตามมาว่า การที่ตนทำแบบนี้ จะเป็นการอำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งตนก็ไม่ได้อะไร เพราะตัดสินใจไปแล้ว ในฐานะประธานต้องทำให้กระบวนการมันชอบธรรมก่อน

ส่วนกระแสข่าวการเด้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินายภูมิธรรม ระบุว่า เป็นเรื่องที่เกินเลย ตนยังบอกว่าสื่อมวลชนต้องรู้ว่าข่าวมาจากไหน ตนไม่เคยพูดแบบนี้ และความสัมพันธ์กับ ผบ.ตร. ก็ยังดีอยู่ ซึ่งตนก็เห็นใจผบ.ตร. และเห็นใจตัวเองด้วย เพราะก็โดนหนังสือร้องเรียนอย่างเป็นทางการ และอยู่ๆ ไม่ได้หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมา ซึ่งตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวบุคคลเลย ที่เขาร้องมาคือให้มีกระบวนการกลับไปทบทวน ซึ่งยังมีเวลาและหากตัดสินใจแล้วจะเลือกหรือไม่เลือกอย่างไรที่ประชุม ก.ตร. เป็นคนตัดสิน

“ผมไม่ได้มีเรื่องไม่สบายใจอะไรกับ ผบ.ตร. ผมเรียนว่า ผมไม่สามารถใช้อำนาจผมไปเที่ยวเด้งใครได้ การจะเด้งทุกอย่าง ต้องมีเหตุมีผลและท่านก็มีไมตรีจิต ผมก็บอกว่าถ้าผมตัดสินใจแบบนี้ผมรับผิดชอบ ผมเป็นคนไม่ทิ้งเรื่อง และว่าไปตามกระบวนการ” นายภูมิธรรม กล่าว

ทั้งนี้ ตนยังมีการพูดคุยกับ ผบ.ตร. ว่าต้องขอโทษสำหรับการประชุมในวันนี้แต่ก็อยู่ในระหว่างการที่มีเรื่องร้องเรียนมาจึงจะทำให้โปร่งใส ไม่อยากให้มีเรื่องคาราคาซัง ไม่อยากเห็นแบบนั้น

ส่วนได้พูดคุยกับผบ.ตร. ก่อนเห็นข่าวหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม ระบุว่า มีคนบอกตน ซึ่งก็มองว่าไร้สาระ ตนมีสิทธิ์อะไรจะไปเด้ง ผบ.ตร. และไม่อยู่ในความคิดตนเองเลย และความสัมพันธ์ของตนเองกับ ผบ.ตร. ก็ดี มีแต่คนจะปั่นให้ทะเลาะกัน และมองว่าเวลานี้ทุกอย่างต้องทำอยู่ภายใต้กฎหมาย กรอบของวันที่ 31 สิงหาคม และเป็นอำนาจของตนที่จะปิดการประชุม เมื่อเห็นว่ามีปัญหาเกิดขึ้น และกลับไปพิจารณา สำหรับเรื่องนี้ตนเคลียร์ชัดเจนแล้วไม่ต้องถามอีก เพราะไม่อยากกลายเป็นผู้ที่เอามาปลุกให้เป็นความขัดแย้ง ทุกอย่างที่ทำชัดเจนมีเอกสารหลักฐาน และเรื่องนี้ชัดเจนแล้วไม่ต้องถามอีกแล้ว.-315 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

เปิดภาพสายลับเขมรปลอมเป็นพระ ร่วมป่วนชายแดนสระแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – เปิดภาพสายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระสงฆ์ ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม ร่วมก่อความวุ่นวายชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว จนท.ฝ่ายไทยเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยตรวจพบความเคลื่อนไหวสำคัญ โดยมีกลุ่มทหารกัมพูชา พร้อมด้วยกำนันลี บุคคลสำคัญในพื้นที่ฝั่งกัมพูชา ได้เกณฑ์ชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านใกล้ชายแดนเข้ามาในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว คาดหมายว่า การรวมกลุ่มครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมเข้ารื้อถอนรั้วลวดหนาม ที่ฝ่ายไทยเพิ่งติดตั้งเสริมความมั่นคงตลอดแนวชายแดน ขณะเดียวกันฝ่ายความมั่นคงไทยได้ส่งโดรนบินตรวจการณ์เหนือพื้นที่ พบว่าฝั่งกัมพูชามีการเคลื่อนไหวผิดปกติ ชาวบ้านเริ่มรวมตัวกันหนาแน่นมากขึ้น และมีสัญญาณว่ามีการจัดตั้งอย่างเป็นระบบ โดยไม่ใช่การรวมตัวตามธรรมชาติของชาวบ้านทั่วไป สายลับกัมพูชาปลอมเป็นพระ ร่วมชุมนุมที่น่ากังวลไปกว่านั้นเจ้าหน้าที่ไทยสามารถยืนยันได้ว่ามีทหารสายลับของกัมพูชาปลอมตัวเป็นพระสงฆ์ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม โดยใช้ผ้าเหลืองบังหน้าเพื่อไม่ให้ถูกสงสัย ถือเป็นยุทธวิธีในการแทรกซึมและสอดแนมการทำงานของฝ่ายไทย ทั้งยังเสี่ยงต่อการสร้างสถานการณ์ บิดเบือนหากเกิดการเผชิญหน้า ด้านกองกำลังบูรพาและหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มข้น เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และชุดควบคุมฝูงชน ยังคงตรึงกำลังตลอดแนวชายแดน เพื่อป้องกันการรุกล้ำพื้นที่ โดยพฤติกรรมของฝั่งกัมพูชาในระยะนี้สะท้อนให้เห็นถึงการจัดตั้งที่มี “ผู้ชี้นำเบื้องหลัง” คอยปลุกระดมและผลักดันชาวบ้านให้เข้ามาเคลื่อนไหว อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเข้ารื้อรั้วลวดหนาม หรือการปะทะกับเจ้าหน้าที่ไทย ขณะที่ฝ่ายไทยยังคงยืนยันการปฏิบัติในกรอบสากล ไม่ตอบโต้ด้วยความรุนแรง ยกเว้นในกรณีที่ถูกบุกรุกหรือคุกคามความมั่นคงโดยตรง ด้านเพจ army military force ได้โพสภาพพร้อมข้อความวัยรุ่นเขมรโพสต์รูปพร้อมแคปชั่นท้าทาย “ไม่กลัวแก๊สนํ้าตาของพวกเสียม ถ้าแน่จริงก็ใช้มันเลย วันนี้ผมใส่หน้ากากครอบทั้งหน้า ไม่หวั่นกลัวสิ่งใดๆ ขอเพียงใช้แค่แก๊สนํ้าตาพอ กระสุนยางไม่ต้อง […]

รอง ผบ.ตร. ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที

สระแก้ว 18 ก.ย. – รอง ผบ.ตร. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว ปรับแผนเตรียมรับมือ ป้องกันเหตุบานปลาย จ่อใช้กฎหมายดำเนินคดี ลั่นรุกล้ำเขตแดนไทย จับกุมทันที หลังจากเมื่อวานนี้ (17 ก.ย.) ตำรวจได้รับบาดเจ็บ 4 นาย ช่วงบ่ายวันนี้ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ พร้อมกับติดตามสถานการณ์ร่วมกับนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศ ผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว และกรมป่าไม้ ณ ที่ว่าการอำเภอโคกสูง เพื่อปรับแผนเตรียมรับมือหากเกิดความไม่สงบขึ้น หลังจากการประชุม เวลา 16.30 น. พล.ต.อ.ไกรบุญ เปิดเผยว่า การเดินทางลงพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพื่อหาวิธีไม่ให้เหตุการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ แนวทางการปฏิบัติคือจะใช้กฎหมายจับกุมดำเนินคดีตามมาตรการจากเบาไปหาหนัก ขอให้มั่นใจว่าจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยจะใช้พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง เป็นกฎหมายนำในการดำเนินคดี เมื่อมีการรุกล้ำเข้ามาในราชอาณาจักรไทยจะจับกุมทันที และยังคงเน้นย้ำให้กำลังพลอดทนอดกลั้น รวมถึงอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อระบุตัวตนและดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อความวุ่นวาย ด้านชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า ตั้งแต่อยู่ที่นี่มาตลอดชีวิตหนนี้เป็นหนที่ 3 ที่เกิดความวุ่นวายขึ้น ก่อนหน้านี้มีชาวกัมพูชาอพยพมาอาศัยอยู่หมู่บ้านจำนวนมาก […]

เร่งล่าโจรบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน

สระบุรี 18 ก.ย. – ตำรวจเร่งล่าตัวคนร้ายบุกเดี่ยวชิงทอง ใช้มีดจี้ลูกค้าเป็นตัวประกัน บังคับเจ้าของร้านหยิบทองใส่ถุงผ้า มูลค่ากว่า 2 แสนบาท ก่อนออกจากร้านซิ่งรถจักรยานยนต์หลบหนีไป วงจรปิดร้านทองภายในตลาดใหม่ท่าลาน ริมถนนสายท่าลาน-ห้วยบง ต.บ้านครัว อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี จับภาพคนร้ายเป็นชายสวมหมวกกันน็อกสีแดง สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีครีม กางเกงยีน รองเท้าเตะ ใช้อาวุธมีดปลายแหลมจี้ลูกค้าในร้านเป็นตัวประกัน เพื่อบังคับให้เจ้าของร้านซึ่งเป็นหญิงสูงอายุ ส่งเงินและทองให้ ตอนแรกเจ้าของร้านพยายามเจรจาต่อรอง แต่คนร้ายต้องการเงินและข่มขู่จะฆ่าตัวประกันหากไม่ส่งทองให้ สุดท้ายเจ้าของร้านต้องหยิบทองให้คนร้ายไป เป็นสร้อยข้อมือทองคำเส้นละ 1 สลึง จำนวน 11 เส้น เป็นเงิน 220,000 บาท จากนั้นคนร้ายปล่อยตัวประกัน ก่อนจะออกจากร้านขี่รถจักรยานยนต์ยามาฮ่า รุ่นเอ็นแม็กซ์ สีเทาดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หลบหนีไป ตำรวจ สภ.บ้านหมอ ส่งชุดสืบสวนลงพื้นที่ สืบสวนหาข้อมูลและกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนี เชื่อว่าไม่นานจะจับคนร้ายได้.-สำนักข่าวไทย

ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพงเครียด ปฏิเสธโกงเงินวัด ยันไม่มีสัมพันธ์สีกา

กรุงเทพฯ 18 ก.ย. – พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง เปิดใจเป็นครั้งแรก หลังถูกเพจดังกล่าวหาทุจริตเงินวัดและมีสัมพันธ์สีกา 3 คน ความเคลื่อนไหวภายในวัดหัวลำโพง พระอารามหลวง กลางกรุงเทพฯ ยังคงถูกจับตามอง หลังเกิดกระแสข่าวลือในสังคมออนไลน์ กล่าวหาผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดว่าอาจมีส่วนพัวพันทั้งเรื่องการบริหารจัดการเงินวัดไม่โปร่งใส และถูกเชื่อมโยงกับความสัมพันธ์สีกาถึง 3 ราย จนกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ล่าสุด พระธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาคที่หนึ่ง ได้โทรศัพท์สอบถามให้พระครูปริยัติวัฒนกิจ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหัวลำโพง ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงกับผู้สื่อข่าว ซึ่งสุดท้ายพระครูยอมเปิดใจผ่านโทรศัพท์เป็นครั้งแรก โดยระบุว่า หลังได้เห็นข่าวในโซเชียล ยอมรับว่ารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ในประเด็นแรก เรื่องการทุจริตเงินวัด พระครูฯ ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง โดยปกติหน้าที่เกี่ยวข้องกับเงินของตนเองมีเพียงรับเงินทำบุญจากญาติโยม จากนั้นก็จะส่งต่อให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่วนงานฌาปนกิจศพที่ตนดูแล เมื่อได้รับเงินจากเจ้าภาพก็จะทำการหักค่าแรงของคนงานออก ก่อนออกใบเสร็จยืนยัน ทุกขั้นตอนมีหลักฐานตรวจสอบได้ ส่วนข่าวลือเรื่องมีสัมพันธ์ชู้สาวกับสีกา 3 คน พระครูฯ ปฏิเสธหนักแน่นว่าไม่เป็นความจริงทั้งหมด โดย “นางกระแต” ที่ถูกอ้างว่าเป็นภรรยาคนแรกนั้น แท้จริงเป็นเพียงญาติโยมที่รู้จักกันมานานและจะมาทำบุญถวายสังฆทานเป็นครั้งคราวเท่านั้น ขณะที่ “นางแมว” เป็นอดีตคนงานวัด และ “นางดา” […]