ตร.ทลายขบวนการ “โจรกรรม-ฟอกขาวรถ” ตระเวนเช่ารถแล้วเชิดหนี

บช.ก. 20 มี.ค. – ตำรวจสอบสวนกลางทลายขบวนการ “โจรกรรม-ฟอกขาวรถ” ตระเวนเช่ารถแล้วเชิดหนี ก่อนปลอมเอกสารเจ้าของรถ ยื่นแจ้งเปลี่ยนทะเบียน เพื่อฟอกขาวรถที่ถูกขโมยให้กลายเป็นรถถูกกฎหมาย พบเงินหมุนเวียนกว่า 40 ล้านบาท


พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล. พร้อมด้วย พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น รอง ผบก.ป. ปฏิบัติราชการแทน บก.ทล., พ.ต.อ.ภคพล สุชล ผกก.2 บก.ทล, พ.ต.ท.กฤตย์ ธีรเวศย์สุวรรณ สวญ.ส.ทล.2 กก.2 บก.ทล., พ.ต.ท.ทศพล กิตติลาภ สวญ.ส.ทล.3 กก.2 บก.ทล., พ.ต.ต.โจ เสาร์ประโคน สว.ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล. และ ร.ต.อ.ณัฐพล เทียนแก้ว รองสว.ส.ทล.1 กก.2 บก.ทล. ร่วมกันแถลงผลทลายขบวนการโจรกรรมฟอกขาวรถยนต์ ตระเวนเช่ารถยนต์แล้วเชิดหนี ก่อนปลอมเอกสารเจ้าของรถยื่นแจ้งเปลี่ยนทะเบียนเพื่อฟอกขาวรถที่ถูกขโมยให้กลายเป็นรถถูกกฎหมาย สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 8 ราย ส่วนอีก 1 ราย อยู่ระหว่างหลบหนี พบมีเงินหมุนเวียนกว่า 40 ล้านบาท

สำหรับผู้ต้องหาในคดีนี้มี น.ส.ภัทราดา อายุ 32 ปี และนายธราเทพ อายุ 32 ปี เป็นกลุ่มตัวการ (Master Mind) ทำหน้าที่สั่งการและเป็นนายทุน ส่วนกลุ่มที่ทำหน้าที่โจรกรรมรถ มีนายโชคชนะ อายุ 66 ปี น.ส.รำไพ อายุ 30 ปี นายวรุฒ อายุ 26 ปี ยังไม่ถูกจับกุม, กลุ่มที่ทำหน้าที่ปลอมและใช้เอกสารราชการฯ ในการฟอกขาวรถที่ได้มาจากการโจรกรรมให้กลายเป็นรถที่ถูกต้องตามกฎหมาย มี น.ส.รัตนาภรณ์ อายุ 35 ปี และนายสิปปวินห์ อายุ 32 ปี, ส่วนที่ทำหน้าที่โพสต์ประกาศขายรถที่ฟอกขาวแล้วลงในโซเชียลมิเดีย มี น.ส.รัมภ์วิริน อายุ 30 ปี และส่วนทำหน้าที่รับ-ส่งรถที่ได้มาจากการโจรกรรม หรือ นักบินคือนายไชยวัฒน์ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย ถูกดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันยักยอกหรือรับของโจร, ร่วมกันปลอมเอกสาร ราชการและใช้เอกสารราชการปลอม, แจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานฯ, แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำ การตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ” ตามหมายจับของศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ลงวันที่ 17 มีนาคม 2568


พล.ต.ต.คงกฤช กล่าวว่า คดีนี้คนร้ายทำกันเป็นขบวนการโดยแบ่งหน้าที่กันทำมีผู้ต้องหาจำนวนมาก ตำรวจได้ออกหมายจับไว้ 9 หมาย เจ้าหน้าที่ได้ใช้เวลาสืบสวนเป็นระยะเวลา 2 เดือน จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 8 คน อีก 1 คน ยังหลบหนี

พ.ต.ท.ทศพล กล่าวว่า คดีนี้ตำรวจทางหลวงมีการจับกุมป้ายทะเบียนปลอมอย่างเข้มงวด ทำให้คนร้ายต้องมีการฟอกขาวในการเปลี่ยนแปลงป้ายทะเบียนจากรถที่ผิดกฎหมายให้กลายเป็นรถถูกกฎหมาย โดยเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 ได้มีนายโชคชนะ น.ส.รำไพ และ นายวรุฒ ซึ่งเป็นกลุ่มคนร้ายที่ทำหน้าที่ขโมยรถเช่า ทำทีติดต่อขอเช่ารถจากบริษัทของ น.ส.เอ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย ตั้งอยู่ใน จ.ฉะเชิงเทรา แต่เมื่อถึงกำหนดคืนรถ ผู้เสียหายไม่สามารถติดต่อกลุ่มคนร้ายได้ และพบว่าสัญญาณจีพีเอสถูกตัดไป จึงเชื่อว่ารถถูกขโมยอย่างแน่นอน จากนั้นได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.แสนภูดาษ เพื่อให้ดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุขโมยรถ

ต่อมา น.ส.เอ ผู้เสียหาย ได้ตรวจสอบข้อมูลรถยนต์ผ่านแอปพลิเคชั่นพบว่า รถคันดังกล่าวได้มีการแจ้งเปลี่ยนทะเบียนรถ จากหมายเลขทะเบียน กบ 2812 ฉะเชิงเทรา ไปเป็น หมายเลขทะเบียน กอ 5657 นครปฐม ผู้เสียหายจึงได้โทรประสานขอความช่วยเหลือมายังตำรวจทางหลวงผ่านสายด่วน 1193 เพื่อขอให้ช่วยติดตามรถคันดังกล่าว จากการประสานความร่วมมือจากกรมการขนส่งทางบกทำให้ทราบว่าเอกสารทั้งหมดที่กลุ่มคนร้ายใช้ยื่นเพื่อขอเปลี่ยนเลขทะเบียนรถเป็นเอกสารปลอมทั้งสิ้น


จากนั้นวันที่ 8 มกราคม 2568 ตำรวจทางหลวงได้ตรวจพบว่ารถยนต์คันดังกล่าว ภายหลังจากเปลี่ยนป้ายทะเบียนได้ออกจาก จ.นครปฐม มุ่งหน้าขึ้นเหนือ จึงได้ประสานสกัดรถยนต์คันดังกล่าวได้ที่ จ.ตาก จากการตรวจสอบ พบนายบี เป็นผู้ขับขี่ รับว่ารถคันดังกล่าวนายบีได้เห็นการประกาศขายผ่านโซเชียลมีเดีย โดยเป็นการขายพร้อมเล่มคู่มือจดทะเบียน จึงเชื่อว่าเป็นรถที่ถูกต้องตามกฎหมาย จึงได้ติดต่อขอซื้อมาในราคา 300,000 บาท และได้เดินทางไปรับรถยนต์คันดังกล่าวมาจากปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งจาก จ.สุพรรณบุรี ก่อนที่จะถูกสกัดโดยตำรวจทางหลวง จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้นำรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมและเชิญตัวนายบี เดินทางกลับมาที่สถานีตำรวจทางหลวงนครปฐม เพื่อสืบสวนข้อเท็จจริงขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง

จากการสืบสวนทำให้ทราบว่าขบวนการฟอกขาวรถยนต์ที่ได้มาจากการขโมยรถเช่ากลุ่มนี้มีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน ได้แก่ กลุ่ม Master Mind ทำหน้าที่สั่งการและเป็นนายทุน, กลุ่มที่ทำหน้าที่ขโมยรถเช่า, กลุ่มที่ทำหน้าที่ปลอมแปลงเอกสารเพื่อใช้ยื่นขอทะเบียนใหม่พร้อมกับเล่มคู่มือจดทะเบียน การฟอกขาวรถยนต์ที่ถูกขโมยมา, ส่วนที่ทำหน้าโพสต์ขายรถยนต์ที่ฟอกขาวเรียบร้อยแล้วในโซเชียลมีเดีย และส่วนที่ทำหน้าที่เป็นนักบิน รับส่ง-รถที่ได้มาจากการโจรกรรม

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง กก.2 บก.ทล. ร่วมกับพนักงานสอบสวน สภ.แสนภูดาษ ได้สืบสวนและรวมรวบพยานหลักฐาน ยื่นคำร้องขอหมายจับผู้ต้องหาทั้ง 9 ราย ต่อศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา และในวันที่ 18 มีนาคม 2568 กำลังตำรวจทางหลวง กก.2 บก.ทล. กว่า 30 นาย เข้าตรวจค้นจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด ผู้ต้องหาส่วนใหญ่ให้การรับสารภาพ โดยให้การว่าในรอบหนึ่งปีที่ผ่านมากลุ่มคนร้ายได้ทำการฟอกขาวรถยนต์ที่ ได้มาจากการขโมยโดยเฉลี่ยเดือนละประมาณ 4 คัน พบเงินหมุนเวียนกว่า 40 ล้านบาท จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหา ทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.แสนภูดาษ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

พ.ต.อ.บุญลือ กล่าวว่า ผู้ต้องหาให้การว่าทำมาแล้วประมาณ 1 ปี โดยใช้วิธีการเดียวกัน ตำรวจเชื่อว่ามีรถที่ถูกฟอกมาแล้วไม่ต่ำกว่า 50 คัน ทั้งนี้ตำรวจจะประสานกับกรมการขนส่งทางบกให้คัดกรองรถที่มีความเสี่ยงออกมา จากนั้นจะดำเนินการตรวจสอบทางทะเบียนและผู้ครอบครองเพื่อดำเนินการต่อไป ฝากไปถึงผู้ซื้อรถจะสังเกตได้อย่างไรว่าจะถูกหลอกขายรถยนต์หรือไม่ให้สังเกตได้จากเล่มทะเบียนรถที่มีการระบุว่า ออกแทนเล่มสูญหาย ซึ่งรถที่ได้มาจากวิธีการไม่ถูกต้องจะไม่มีเล่มทะเบียนจริง ฉะนั้น ควรตรวจสอบให้ลึกลงไปว่าทำไมถึงไม่มีเล่มทะเบียนจริง และให้ตรวจเช็คที่หน้า 18 โดยรถยนต์ที่ถูกขโมยมาส่วนใหญ่จะมีการขอเปลี่ยนย้ายจังหวัด

พ.ต.อ.บุญลือ กล่าวว่า มิจฉาชีพมีลักษณะการทำงานและรูปแบบที่ซับซ้อนขึ้น ผู้ประกอบการให้เช่า รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ ตลอดจนประชาชนผู้ครอบครองรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ต้องใช้ความระมัดระวัง ในการทำสัญญาเช่าหรือขาย ต้องทำการตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชนและความถูกต้องของคู่สัญญาให้ถี่ถ้วน ประกอบกับการสอบถามลักษณะและเงื่อนไขการใช้งานรถยนต์หรือรถจักรยายนต์ว่าใช้ในเขตพื้นที่ใดบ้างตาม ระยะเวลาและเงื่อนไขที่เหมาะสม ทั้งผู้ให้เช่าและผู้เช่า และขอย้ำเตือนบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มีลักษณะเป็นการ เอาเปรียบและกระทำความผิดในการเช่า ซื้อ หรือจำนำรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ผิดกฎหมาย การโอนย้ายหรือ ขอทะเบียนรถยนต์และรถจักรยานยนต์โดยใช้เอกสารปลอม หรือแก้ไขหมายเลขเครื่องยนต์ ซึ่งมีโทษสูงสุดถึง 10 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท. -419- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

น้ำท่วมแม่แจ่มยังวิกฤติ

เชียงใหม่ 24 ก.ย.- “อำเภอแม่แจ่ม” น้ำท่วมยังวิกฤติ หลังฝนตกหนักบนดอย เช้านี้ลำน้ำแม่แจ่มเพิ่มระดับสูงขึ้นอีกครั้ง เตือนหมู่บ้านท้ายน้ำเตรียมรับมวลน้ำจากน้ำแม่หยอด-น้ำแม่แจ่ม ที่จะไหลมาสมทบกัน ขอให้อพยพกลุ่มเปราะบางและขนย้ายสิ่งของไว้บนที่สูง ภาพจากกล้องวงจรปิดเวลาตลาดสดเทศบาลแม่แจ่ม เช้านี้ (24 กันยายน 2568) ยังคงมีมวลน้ำจากลำน้ำแม่แจ่มไหลเอ่อเข้าท่วมถนนและในตลาดสดเพิ่มระดับขึ้นเรื่อยๆ หลังน้ำที่ท่วมเมื่อวานนี้เริ่มลดลง แต่เมื่อช่วงเช้ามืดวันนี้น้ำเพิ่มสูงขึ้น ทำให้น้ำที่ท่วมถนนหน้าที่ว่าการอำเภอแม่แจ่ม และบ้านเรือนของชาวบ้านในตำบลช่างเคิ่ง และตำบลท่าผา บางจุดท่วมสูง 70- 80 เซนติเมตร นายเกรียงศักดิ์ บุญตาปวน นายอำเภอแม่แจ่มให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่าขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมยังหนักอยู่ เนื่องจากมีน้ำจากบนดอยเติมมาตั้งแต่ช่วงตี 5 ของวันนี้ หลังน้ำที่ท่วมเมื่อวานนี้ลดลงในช่วงค่ำ แต่มีมวลน้ำมาเติมอีกระลอก น้ำที่ไหลมาท่วมวันนี้ถือว่าหนักกว่าเมื่อวานเพราะไหลมาจากอำเภอกัลยานิวัฒนา ซึ่งขณะนี้ทางอำเภอยังไม่สามารถประเมินสถานการณ์ได้ว่าน้ำจะเริ่มลดระดับลงเมื่อไหร่ถ้าหากฝนบนดอยยังตกมาเรื่อยๆ โดยน้ำท่วมครั้งนี้มีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนกว่า 700 หลังคาเรือน กระทบกว่า 3,000 คน โดยมีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักและต้องการความช่วยเหลือด่วน คือตำบลแม่นาจร สะพานไม้ขาด ถนนพัง ขณะนี้ทางผู้นำท้องถิ่นช่วยกันดูแลอยู่ อย่างไรก็ตามในส่วนของอำเภอแม่แจ่มและหน่วยงานส่วนราชการนั้น ระดมกำลังช่วยเหลือชาวบ้านกลุ่มเปราะบางและผู้สูงอายุ รวมทั้งได้ตั้งโรงครัวนำอาหารและน้ำดื่มแจกจ่ายให้ผู้ประสบภัย จัดตั้งศูนย์อพยพไว้ที่อำเภอและเทศบาลต่างๆ แต่ขณะนี้ชาวบ้านยังไม่มีการอพยพแต่อย่างใด เนื่องจากยังมีไฟฟ้าใช้ตามปกติและยังมีอาหารเพียงพอ มีเพียงบางส่วนที่ไปอาศัยบ้านญาติอยู่ชั่วคราว ข้อมูลจากสำนักงานป้องกันสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่รายงานเมื่อวันที่ 23 […]

ถนนทรุดตัวเป็นหลุมกว้างหน้าวชิรพยาบาล แนะเลี่ยงเส้นทาง

24 ก.ย.- ถนนทรุดตัวเป็นหลุมกว้างบริเวณหน้าวชิรพยาบาล จนท.เร่งเคลื่อนย้ายผู้ป่วย-ประชาชนใกล้เคียง ออกนอกพื้นที่เสี่ยง แจ้งเตือนหลีกเลี่ยงเส้นทางอาจเป็นอันตรายต่อผู้สัญจร ช่วงประมาณ 07.13 น. ศูนย์วิทยุพระราม199 รางานเหตุถนนทรุดตัวเป็นบริเวณกว้างใกล้เคียงอาคารของโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เจ้าหน้าที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยสามเสน ถึงที่เกิดเหตุ ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นถนนทรุดตัวขนาดใหญ่ เป็นหลุมกว้าง 30 x 30 เมตร ลึก 50 เมตร ทรุดตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งบริเวณหน้าโรงพยาบาลและหน้าสถานีตำรวจสามเสน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลื่อนย้ายผู้ป่วยและประชาชนใกล้เคียง ออกจากจุดที่เกิดเหตุ ล่าสุดสำนักงานเขตดุสิต แจ้งปิดการจราจรแยกวชิรพยาบาล – แยกซังฮี้ และบริเวณใกล้เคียงโดยรอบ เนื่องจากเหตุผิวจราจรทรุดตัวส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณูปโภคโดยรอบ และอาจเป็นอันตรายต่อผู้สัญจรใกล้เคียงได้ -สำนักข่าวไทย

อุตุฯ เตือนทั่วไทยฝนตกหนักบางพื้นที่-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 24 ก.ย. – กรมอุตุฯ เตือนภาคอีสาน ภาคตะวันออก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง มีฝนตกหนักบางพื้นที่ โดยเฉพาะ จ.นครพนม จันทบุรี และตราด ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนภาคเหนือ และภาคกลาง มีฝนตกหนักบางพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดนครพนม จันทบุรี และตราด ส่วนภาคใต้มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันตอนบน มีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 […]

ชนกัน 10 คันรวด ทางลอดอุโมงค์แยกดาราสมุทร จ.ภูเก็ต

ภูเก็ต 23 ก.ย.-รถพ่วง 18 ล้อ บรรทุกเสาเข็ม เบรกแตก พุ่งชนระเนระนาดในอุโมงค์ดาราสมุทร จ.ภูเก็ต รถเสียหาย 10 คัน บาดเจ็บ 4 คน เป็นคนไทย 3 คน และชาวมาเลเซีย 1 คน เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 23 กันยายน 2568 ศูนย์วิทยุพิทักษ์วิชิตได้รับแจ้งเหตุรถชนกันหลายคันภายในอุโมงค์ทางลอดแยกดาราสมุทร ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต มีรถได้รับความเสียหายจำนวนมากและมีผู้บาดเจ็บ พ.ต.อ.สมศักดิ์ ทองเกลี้ยง ผกก.สภ.วิชิต พร้อมด้วย พ.ต.ท.วุฒิวัฒน์ เลี้ยงบุญจินดา รอง ผกก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร รีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบการจราจรติดขัดอย่างหนัก รถไม่สามารถผ่านอุโมงค์ได้ทั้ง 2 เลน เบื้องต้นตรวจสอบพบรถชนกันเสียหายรวม 10 คัน มีผู้บาดเจ็บ 4 ราย อาการแน่นหน้าอก […]