กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – ส.อ.ท.คัดค้านนโยบายค่าแรง 400 บาท เผยดัชนีความเชื่อมั่น มิ.ย.ลดลง เรียกร้องรัฐบาลเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ-ลดดอกเบี้ย สกัดบาทแข็งค่า ชี้คุมเข้มสินเชื่อกระทบยอดขายยานยนต์ติดลบครั้งแรกในรอบ 30 เดือน
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงไม่เห็นด้วยกับนโยบายปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ หากปรับขึ้นเอสเอ็มอีจะปิดตัวจำนวนมาก และจะมีการเลิกจ้างอีกมาก เพราะสู้ค่าแรงงานขั้นต่ำไม่ไหว เกษตรกรก็ได้รับผลกระทบ โดยแรงงานต่างด้าว 3.2 ล้านคนจะได้ประโยชน์เต็ม ๆ และแรงงานต่างด้าวจะขนเงินกลับประเทศ ทำให้ค่าแรงส่วนนี้ไม่กลับเข้าสู่เศรษฐกิจในประเทศ โดยค่าแรงปัจจุบันเหมาะสมแล้ว ควรผลักดันระบบการจ่ายค่าแรงตามทักษะ (Pay By Skill) สนับสนุนให้มีการค่าแรงงานตามทักษะฝีมือ เน้นปรับค่าแรงที่สัมพันธ์กับการเพิ่มผลิตภาพ สนับสนุนให้จ่ายค่าจ้างแรงงานตามทักษะฝีมือ โดยแต่ละอุตสาหกรรมและแต่ละจังหวัดสามารถจ่ายค่าแรงแตกต่างกันได้ตามกลไกตลาด
นายสุพันธุ์ ยังเสนอด้วยว่า เพื่อช่วยเหลือแรงงานและกระตุ้นเศรษฐกิจ ภาครัฐควรช่วยเหลือแรงงานด้วยการจ่ายเงินสมทบกองทุนประกันสังคมแทนลูกจ้างเป็นการชั่วคราวในช่วงเวลา 6-12 เดือน จากที่ปัจจุบันภาครัฐสมทบเพียงร้อยละ 2.75 ลูกจ้างจ่ายร้อยละ 5 และผู้ประกอบการจ่ายร้อยละ 5 หากลูกจ้างมีเงินในกระเป๋าเพิ่มขึ้นก็จะได้นำมาใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น
นายสุชาติ จันทรานาคราช รองประธาน ส.อ.ท. กล่าวว่า การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทันทีไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น เพราะจะกระทบต่อผู้ประกอบการโดยเฉพาะเอสเอ็มอี โดยการปรับค่าจ้างควรสัมพันธ์กับการเพิ่มผลิตภาพ ให้สอดคล้องกับข้อกำหนก พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานที่ดูหลายด้าน เช่น เงินเฟ้อ อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ ความสามารของนายจ้างความจำเป็นของลูกจ้าง และสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจของแต่ละพื้นที่ไม่ใช่อัตราเดียวกันทั่วประเทศ โดยให้พิจารณาผ่านอนุกรรมการค่าจ้างจังหวัดเป็นหลัก โดยที่ผ่านมามีการเสนอปรับขึ้น 2-10 บาทต่อวัน แต่คณะกรรมการค่าจ้างกลางยังไม่ได้พิจารณา และเพื่อให้การพิจารณาครบถ้วนทุกด้านคณะกรรมการค่าจ้างกลางควรปรับจากไตรภาคีเป็นลักษณะพหุภาคี โดยมีผู้แทนจากคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กกร.) ร่วมเป็นกรรมการ
ส.อ.ท.ยังเปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้ประกอบการเดือนมิถุนายน โดยสำรวจจาก 1,200 รายทั่วประเทศว่าความเชื่อมั่นลดลงจากเดือนพฤษภาคม จากระดับ 95.9 เหลือ 94.5 เนื่องจากกังวลความล่าช้าในการจัดตั้งรัฐบาล การใช้งบประมาณชะลอตัว เงินบาทแข็งค่า และกังวลเศรษฐกิจโลกจากสงครามการค้า ส่วนความเชื่อมั่น 3 เดือนข้างหน้าลดลงเช่นกันจากระดับ 102.9 เหลือ 101.3 โดยมีข้อเสนอรัฐบาลใหม่ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เร่งเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อขับเคลื่ิอนเศรษฐกิจครึ่งหลังของปี รวมถึงดูแลค่าเงิน เพื่อให้การส่งออกแข่งขันได้และควรลดดอกเบี้ยนโยบายเพื่อชะลอเงินทุนไหลเข้า
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท. เปิดเผยว่า ยอดผลิตรถยนต์เดือนมิถุนายนอยู่ที่กว่า 172,000 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 8.52 โดยยอดขายในประเทศเดือนมิถุนายน 86,048 คัน ลดลงครั้งแรกในรอบ 30 เดือน จากการคุมเข้มการอนุมัติสินเชื่อของสถาบันการเงินตามข้อกังวลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จากหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น โดยคุมเข้มรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่มีสัดส่วนยอดขายถึง 1 ใน 3 ของยอดขายรถยนต์นั่งโดยรวม ขณะที่การส่งออกรถยนต์เดือนมิถุนายนอยู่ที่ 97,575 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 4.49 อย่างไรก็ตาม ยังไม่ปรับเป้ายอดขายทั้งปีที่คาดว่าจะมีรวม 2.167 ล้านคัน แยกเป็นยอดขายในประเทศ 1.05 ล้านคัน และส่งออก 110,000 คัน
“ส.อ.ท.จะเข้าพบนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีในวันศุกร์นี้ และจะร่วมกับคณะกรรมการภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เสนอประเด็นความคิดเห็นข้อเสนอแนะเป็น White Paper ต่อนายกรัฐมนตรีหลังแถลงนโยบายรัฐบาลเสร็จสิ้น ขณะเดียวกันจะรอเข้าพบแบงก์ชาติเพื่อเสนอความเห็นด้านบาทแข็งค่าและการคุมเข้มสินเชื่อต่าง ๆ กระทบเอกชน” นายสุพันธุ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย