กกร.แนะรัฐบาลใหม่ออกมาตราการภาษีกระตุ้นเศรษฐกิจ

กรุงเทพฯ 5 พ.ค. – กกร.ต้องการให้รัฐบาลใหม่ออกมาตรการทางภาษี กระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศภายใต้เงื่อนไขหักลดหย่อนภาษี พร้อมขอเก็บข้อมูลเศรษฐกิจก่อนปรับประมาณการเศรษฐกิจใหม่ในการประชุมครั้งหน้า และเตรียมมอบสมุดปกขาวให้รัฐบาลใหม่ปลายเดือนนี้ เพื่อเสนอสิ่งที่เอกชนต้องการจะเห็น


นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ว่า เมื่อรัฐบาลใหม่ตั้งเสร็จและเข้ามาบริหารประเทศ ทาง กกร.ต้องการให้รัฐบาลออกมาตรการทางภาษีจูงใจให้ประชาชนใช้จ่ายเพิ่มขึ้นและให้ผลโดยรวมต่อเศรษฐกิจประเทศ รวมถึงต้องการความต่อเนื่องของหลายโครงการที่รัฐบาลปัจจุบันดำเนินการทั้งโครงสร้างพื้นฐาน โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) การช่วยเหลือสนับสนุนและพัฒนาเอสเอ็มอี เป็นต้น ขอให้โครงการที่ดีเดินหน้าต่อไป 

“อยากให้ทุกภาคส่วนเดินหน้าทำเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อเนื่อง เพราะหากเสียเวลาไปการลงทุนที่ทำกันมาระดับหนึ่งแล้วจะสูญเปล่า เปรียบได้กับการปลูกต้นไม้ หากล้มต้นไม้ไปดอกผลก็จะไม่ได้รับในที่สุด” นายปรีดี กล่าว


สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทย ทาง กกร.จะเก็บข้อมูลต่อไปจนถึงสิ้นเดือนนี้ จากนั้นจะทำการประเมินเป้าหมายทางเศรษฐกิจใหม่ในการประชุม กกร.เดือนกรกฎาคมตามรอบประเมินทุก ๆ ไตรมาส ซึ่งขณะนี้ เห็นสัญญาณการส่งออกหดตัว อย่างไรก็ตาม ด้านการท่องเที่ยวยังคงมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศอย่างต่อเนื่องก็จะเป็นส่วนที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจได้ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าภาคส่งออกทยอยส่งออกได้ลดลง ในส่วนของภาคเอกชนมีหน้าที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปข้างหน้า  

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-เม.ย.) มีมูลค่ารวม 80,543.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดลบร้อยละ 1.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมาจากหลายปัจจัย การเพิ่มตัวเลขประมาณการส่งออกปีนี้คงลำบาก มีโอกาสส่งออกลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมามากกว่า 

ด้านการเมืองเป็นที่ทราบกันดีว่ามีการจับขั้วกันตั้งรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว เมื่อได้รัฐบาลใหม่ก็อยากให้เดินหน้าโครงการหลักต่อเนื่อง อยากเห็นบทบาทรัฐบาลทำงานร่วมกับภาคเอกชนผ่านเวทีการประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ (กรอ.)  โดยจัดประชุมระดับนายกรัฐมนตรีเป็นประธานทุก ๆ  6 เดือน และการประชุมที่มีระดับรองนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง ทุก ๆ 3 เดือน โดย กกร.จะมีการส่งมอบสมุดปกขาวให้รัฐบาลใหม่ปลายเดือนนี้ เพื่อเสนอสิ่งที่เอกชนต้องการจะเห็นรัฐบาลดำเนินการ


ขณะนี้ประเทศไทยเผชิญปัญหาภายนอก โดยปัญหาที่คิดว่าสงครามการค้าจะจบลง แต่กลับมีแนวโน้มรุนแรงขึ้นก็ต้องปรับตัวภาคเอกชนร่วมมือกันอย่างดีแล้ว ในช่วงระยะกลางถึงระยะยาวมีหลายเรื่องต้องเดินหน้าทำต่อเนื่องโดยเน้นความต่อเนื่องเป็นสำคัญ ทั้งด้านการศึกษา การเตรียมคนรับงานใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอีอีซี เป็นต้น 

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สงครามการค้าที่เกิดขึ้นไทยเป็นจุดศูนย์กลางจะได้ประโยชน์ โดยสินค้ากลุ่มที่สหรัฐซื้อจากจีนไม่ได้ จีนซื้อจากสหรัฐไม่ได้ ก็สามารถซื้อจากไทย จึงยังมีโอกาสที่จะส่งออกสินค้าในส่วนนี้ เช่น สินค้ากลุ่มอาหารในงานแสดงสินค้าอาหาร หรือ THAIFEX – World of Food Asia สัปดาห์ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับอย่างดี เป็นต้น สำหรับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทขณะนี้อยู่ในระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ผู้ส่งออกพอรับได้ไม่เป็นประเด็นแต่อย่างใด  และการที่ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียนเจ้าภาพจัดการประชุมหลายครั้งก็จะส่งผลดีต่อไทยด้วย โดยเดือนมิถุนายนนี้จะมีการจัดการประชุมหลายครั้งทั้งระดับรัฐมนตรี การประชุมของนักธุรกิจ ไม่ต่ำกว่า 10 คณะ 

ทางด้านการประชุม กกร.วันนี้ (5 มิ.ย.) ที่ประชุม มองว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกปี 2562 เติบโตร้อยละ 2.8 นับเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 17 ไตรมาส ได้รับแรงฉุดจากการส่งออกที่หดตัว ขณะที่ภาพรวมการใช้จ่ายในประเทศทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนยังเป็นตัวหนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวเป็นบวกได้

สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจเดือนเมษายน 2562 ซึ่งเป็นเดือนแรกของไตรมาส 2/2562 การส่งออกยังคงหดตัวต่อเนื่อง และทำให้ภาพ 4 เดือนแรกของปีนี้ การส่งออกหดตัวเป็นวงกว้างทั้งในรายการสินค้าส่งออกหลักและตลาดส่งออกสำคัญของไทย สอดคล้องกับการส่งออกของประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งสะท้อนผลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ขณะที่ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติขยายตัวเกือบทุกภูมิภาค ยกเว้นตลาดนักท่องเที่ยวหลักอย่างจีนและรัสเซียในช่วงที่เหลือของปี 2562 สถานการณ์ต่าง ๆ บ่งชี้ว่า มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่สหรัฐอาจจะขึ้นภาษีสินค้าจีนล็อตที่เหลือ เมื่อประกอบกับภาพความซบเซาของการค้าโลก ทำให้การส่งออกของไทยมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบมากขึ้นจนกระทั่งอาจจะไม่สามารถขยายตัวเป็นบวกได้ในปีนี้ นอกจากนี้ ปัจจัยการเมืองภายในประเทศที่ยังต้องจับตาการจัดตั้งรัฐบาล และการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ที่ล่าช้าออกไป ซึ่งจะส่งผลต่อการเบิกจ่ายงบลงทุน ก็เพิ่มความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังอาจจะขยายตัวชะลอลงกว่าที่เคยประเมินไว้เช่นกัน

ที่ประชุม กกร.จึงมีความเป็นห่วงและหวังว่าสถานการณ์ต่าง ๆ จะทยอยมีความชัดเจนมากขึ้น หากเป็นเช่นนั้นภาวะการใช้จ่ายในประเทศและการกระตุ้นจากภาครัฐ ก็จะสามารถเป็นแรงส่งเศรษฐกิจในยามที่ภาคต่างประเทศประสบกับสถานการณ์ที่ยากลำบากได้ ทั้งนี้ กกร.จะมีการทบทวนและประเมินภาพเศรษฐกิจอีกครั้งก่อนที่จะประกาศตัวเลขประมาณการใหม่ครั้งถัดไป  ทั้งนี้ กกร.ได้จัดเตรียมข้อเสนอของภาคเอกชนต่อรัฐบาลชุดใหม่ เพื่อให้ทราบถึงประเด็นปัญหาและข้อเสนอต่าง ๆ ในการพัฒนาเศรษฐกิจของไทยก่อนที่รัฐบาลชุดใหม่จะเริ่มปฎิบัติหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน การสร้างความเข้มแข็งของภาคเอกชน การพัฒนาทรัพยากรบุคคล เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้ใหญ่บ้านมอบตัว คดียิงชายใหม่ของเมียเก่า ดับคากระบะ

นนทบุรี 20 พ.ค. – ผู้ใหญ่บ้านหึงโหด บุกยิงกิ๊กของอดีตภรรยา 6 นัด เสียชีวิตคารถกระบะ มอบตัวแล้ว เบื้องต้นถูกแจ้งหลายข้อหาหนัก ขณะที่เจ้าตัวฝากขอโทษครอบครัวผู้เสียชีวิต นายอานนท์ อายุ 40 ปี ผู้ใหญ่บ้านแห่งหนึ่งใน อ.องครักษ์ จ.นครนายก หึงโหด บุกยิงนายพลาธิป อายุ 34 ปี อาชีพขับรถส่งหมู ซึ่งเป็นกิ๊กของอดีตภรรยา เสียชีวิตภายในรถกระบะที่จอดอยู่ในซอยลาดปลาดุก ถนนบางไผ่-หนองเพรางาย ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เหตุเกิดเมื่อเวลา 21.30 น.ที่ผ่านมา (19 พ.ค.) จากภาพจะเห็นว่าเมื่อเวลา 21.02 น. เห็นผู้ตายขับรถกระบะมาจอดริมทาง ก่อนมีรถกระบะสีดำอีกคันตามมาจอดปิดท้าย จากนั้นผู้ก่อเหตุอยู่ในชุดสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขาสั้น เดินลงจากรถ ใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้ตายที่ยังนั่งอยู่ในรถ แล้วหลบหนีไป ช่วงสายที่ผ่านมา (20 พ.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง เบิกตัวนายอานนท์ ผู้ก่อเหตุ มาสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง หลังเมื่อราวตี […]

ขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย

กทม. 19 พ.ค.-ทีมค้นหาฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เพื่อขุดค้นหาผู้ประสบเหตุ ซึ่งขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ทีมค้นหา ทั้ง กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) Usar Thailand เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และบริษัทรับเหมาเจาะเสาเข็ม ได้ใช้แบคโฮ เริ่มฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ ความยาวประมาณ 16 เมตร รอบหลุมเสาเข็ม 4 ด้าน เพื่อป้องกันดินสไลด์ปิดทับปากหลุมที่รถแบ็คโฮจะทำการขุด เพื่อค้นหาผู้ประสบเหตุ โดยการฝั่งแผ่นชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เนื่องจากการประเมินของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรม พบว่าดินที่สไลด์ลงมาส่งผลกระทบรุนแรงต่อโครงสร้างอาคาร และเสาไฟฟ้า ในบริเวณที่เกิดเหตุ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาอาคารทรุดตัว เอน และ พังถล่ม จึงจำเป็นต้องนำแผ่นชีทไพล์มากั้น ก่อนทำการขุดดิน และเริ่มค้นหาผู้ประสบเหตุ และหลังจากฝังชีทไพล์ เสร็จสิ้นในเวลา 18.30 น. โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องโซน่า ลงไปในหลุม เพื่อค้นหาร่างผู้ประสบเหตุ ซึ่งจากการใช้ โซน่าสแกน ร่างของผู้ประสบเหตุ ฝังอยู่ในหลุมลึก […]

พบศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลังทิ้งกลางไร่อ้อย

กาญจนบุรี 18 พ.ค. – พบแล้วศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลัง นำศพทิ้งกลางไร่อ้อย เมืองกาญจน์ หลังครอบครัวแจ้งช่วยตามหาตัวตั้งแต่คืนวันที่ 14 พ.ค. ตั้งปมสังหารเรื่องชู้สาว ความคืบหน้ากรณี “ดีเจเตเต้” ถูกขับรถตามประกบ ก่อนอุ้มขึ้นรถหายตัวไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.53 น. ของวันที่ 14 พ.ค. ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมถนนแสงชูโต ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุพ่อของดีเจเตเต้ ได้ออกมาอัดคลิปลงเฟซ บุ๊กเพื่อขอความช่วยเหลือในการตามหาตัวลูกชายที่หายตัวไป ก่อนที่ล่าสุดจะพบว่า กลายเป็นศพอยู่กลางไร่อ้อยเชิงเขาบ้านทุ่งนานางหรอก โดยวันนี้เวลาประมาณ 10.30 น. นายธนพล เสือส่าน กำนันบ้านทุ่งนานางหรอก ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพอยู่บริเวณไร่อ้อย หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี คนที่ไปเจอ เป็นน้าชายของนายกอล์ฟคนในหมู่บ้าน ที่ออกไปหาของป่าแล้วไปเจอศพ ในสภาพนอนตะแคง ถูกมือถูกมัดไขว้หลัง แล้วมาบอกหลานชายคือนายกอล์ฟไปดูด้วยกัน แล้วนายกอล์ฟจึงแจ้งให้กำนันทราบ ทางกำนันก็แจ้งเรื่องต่อไปยังตำรวจ สภ.ลาดหญ้า ซึ่งเบื้องต้นศพสวมเสื้อผ้าตรงกับที่เป็นข่าว […]

หาความจริง “แก๊งแม่ชีพันล้าน” ยันไม่ใช่เรื่องจริง

สมุทรสาคร 18 พ.ค. – วงการสงฆ์ยังไม่แผ่ว กระแสแก๊งแม่ชีพันล้านโผล่อีก สำนักพุทธลงตรวจสอบแล้ว แม่ชีที่ถูกกล่าวหา ตอบได้ทุกคำถาม ยืนยันไม่ใช่เรื่องจริง จากกระแสเมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) มีเพจหนึ่งนำภาพกลุ่มแม่ชีหลายภาพพร้อมกองธนบัตร และภาพแม่ชีที่แอดมินระบุอ้างว่าเป็นการใส่วิกผม มาโพสต์ลงโซเชียล พร้อข้อความเขียนแจงอย่างละเอียดว่า กรณีมีเพจดังโพสต์ภาพแม่ชีพร้อมข้อความระบุข้อความเด็ดว่า ทำนองว่า “แก๊งแม่ชีพันล้านคุมวัดเบ็ดเสร็จไร้เงาพระ! 1. แม่ชี 2 พี่น้องบริหารวัดลำพังไม่มีไวยาวัจกร ไม่มีกรรมการ ไม่มีมัคทายก ครอบครองที่ดินนับพันไร่แต่ชื่อเจ้าของไม่ใช่วัด บางแปลงเป็นชื่อแม่ชี อาจเข้าข่าย “ถือครองแทน” หรือใช้วัดบังหน้า? ยอดกฐินปีละเกือบ 100 ล้าน! รายชื่อผู้บริจาคซ้ำๆ เดิมๆ ส่วนใหญ่เป็นแม่ชี-คนในวัด ไม่มีอาชีพ ไม่มีธุรกิจ แต่ “บริจาคเป็นล้านทุกปี” ระบบโบนัสแม่ชีสาวช่วยหาทุนได้มาก พาเที่ยวรีสอร์ตหรูปีละครั้ง ใส่วิกเต็มยศ นั้น วันนี้ผู้สื่อข่าวพร้อม นส.สวาท แซ่ตัน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สมุทรสาคร นายอิทธิธร สีเหลือง นักวิชาการศาสนาปฏิบัติการ เดินทางไปที่วัดที่แม่ชีในภาพบวชอยู่ ต.บางโทรัด […]

ข่าวแนะนำ

ศาลปกครองสูงสุด สั่ง “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้หมื่นล้านบาท

22 พ.ค. – ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาให้ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ความเสียหาย 10,028 ล้านบาท จากคดีโครงการรับจำนำข้าว ที่ ก.คลัง ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ศาลปกครองสูงสุดนัดออกบัลลังก์ อ่านคำพิพากษาคดีที่กระทรวงการคลัง ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางที่สั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1351 /2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ที่ให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717 ล้านบาท ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น ให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังเฉพาะส่วน ให้ชดใช้จำนวน 10,028 ล้านบาท และเพิกถอนคำสั่งยึดอาญัติทรัพย์สิน เพื่อขายทอดตลาด และคำสั่งอื่น โดยเห็นว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำอุทธรณ์ฟังขึ้นบางส่วน ศาลพิจารณาว่าไม่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในการจำนำข้าวเปลือกนาปี แต่ต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายการระบายข้าวโดยวิธีการขายแบบรัฐต่อรัฐหรือ จีทูจี จากความเสียหาย 20,057 ล้านบาท เพราะประมาทเลินเล่อ ก่อให้เกิดความเสียหาย และต้องกำหนดสัดส่วนรับผิด ร้อยละ 50 […]

“ยิ่งลักษณ์” ส่งทนายฟังคำพิพากษา ลุ้นชดใช้คดีจำนำข้าว

ศาลปกครอง 22 พ.ค.- “ยิ่งลักษณ์” ส่งทนายรอฟังคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ชดใช้ 3.5 หมื่นล้านบาท คดีจำนำข้าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 13.30 น. ศาลปกครองสูงสุดเตรียมออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา ในคดีที่กระทรวงการคลังยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ที่สั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 135/2559 ลงวันที่ 13 ต.ค. 2559 ที่ให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717,273,028 บาท ในคดีที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามี ร่วมกันยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการคลัง สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงคลัง กรมบังคับคดี อธิบดีกรมบังคับคดี และเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีแพ่ง กรุงเทพมหานคร กรณีที่ร่วมกันมีคำสั่งดังกล่าวโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย บรรยากาศที่ศาลปกครอง ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน. ทุ่งสองห้องราว 20 นาย มารักษาความสงบเรียบร้อย […]

ปรับแผนช่วยคนงานตกหลุมลึก 19 เมตร – 4 วันยังไม่ถึงครึ่งทาง

กรุงเทพฯ 22 พ.ค. – เจ้าหน้าที่เตรียมปรับแผนการค้นหานำร่างคนงานขึ้นจากหลุมลึก 19 เมตร หลัง 4 วัน ยังขุดลงไปไม่ถึงครึ่งทาง ผ่านไปแล้ว 4 วัน สำหรับการค้นหานำร่างคนงานที่ตกลงไปในหลุมโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย บริเวณปากซอยหลานหลวง 8 ซึ่งในช่วงเช้าวันนี้ เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครยังคงทำงานกันอย่างต่อเนื่องแบบ 24 ชั่วโมง มีรายงานว่า ขณะนี้ขุดลงไปได้ประมาณ 7 เมตร จากความลึกของหลุม 19 เมตร ยังไม่พบร่างของผู้สูญหายแต่อย่างใด อุปสรรคสำคัญคือเสาเข็มปูนขนาดใหญ่ที่ขวางอยู่ในหลุม ซึ่งเจ้าหน้าที่จะมีการประชุมหารือปรับแผนการช่วยเหลือกันอีกครั้ง หลังจากวางแผ่นชีสไพล์แล้ว แต่ยังไม่มั่นใจ 100% ว่าแผนนี้จะป้องกันไม่ให้ดินสไลด์ลงไปทับคนงานที่กำลังลงไปช่วยหรือไม่ โดยการทำงานจะเน้นความปลอดภัยของทุกคนเป็นหลัก ส่วนตัวเลขการขุดเจาะ เมื่อวานนี้ (21 พ.ค.) ทางรองผู้ว่าฯ กทม. แจ้งว่าขุดลึกไปได้แล้ว 9 เมตรนั้น ทางหน้างานขอชี้แจงว่าให้ยึดตัวเลขล่าสุดเป็นหลัก เพราะวัดจากขอบถนนและพื้นด้านล่างไม่เสมอกัน บางชุดอาจขุดลงไปได้มากกว่า แต่เป็นจุดที่ลงไปไม่ได้ ยอมรับการปฏิบัติงานครั้งนี้ยากกว่าที่คิด แต่ไม่เกินขีดความสามารถอย่างแน่นอน.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” นำทีมแถลงคืบหน้าคดี “ทิดแย้ม” เปิดคลิปเสียงหลักฐานเด็ด

22 พ.ค. – “บิ๊กเต่า” นำแถลงความคืบหน้าคดี “ทิดแย้ม” ยักยอกเงินวัดไร่ขิง พร้อมเปิดคลิปเสียงหลักฐานเด็ด สนทนากับสีกาคนสนิท ส่วนเงินบัญชีวัดไร่ขิง และภายในมูลนิธิฯ พบว่ามีการทำธุรกรรมผิดปกติหลายรายการ และยังพบเงินกฐินถูกถอนออกไป ไม่มีการนำเข้าบัญชีวัด.-สำนักข่าวไทย