กรุงเทพฯ 7 ก.ย.-“ณัฐชา” ฝากรัฐบาลใหม่ อย่าลืมสวัสดิการประชาชน แม้เวลาสั้น แต่สามารถทำได้ทันที
นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน กล่าวถึงสถานการณ์การจัดตั้งคณะรัฐมนตรี ภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกุล ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของประเทศไทย ว่า ในห้วงเวลาที่สังคมกำลังจับตาไปที่ “หน้าตาคณะรัฐมนตรีใหม่” ซึ่งจะเข้ามาทำหน้าที่สำคัญ นั่นคือ การเปิดทางสู่ประชามติ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนนั้น ตนอยากฝากอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ไม่ควรถูกละเลย คือการให้โอกาสประชาชนไทยได้อ้าปากลืมตาผ่านการสร้างรัฐสวัสดิการถ้วนหน้า
แม้รัฐบาลใหม่นี้จะมีเวลาจำกัด แต่ยังมีหลายเรื่องที่รัฐบาลชุดก่อนเคยรับปากกับประชาชน แต่ขาดความจริงใจและความจริงจังในการผลักดัน ทั้งที่ข้อเสนอสวัสดิการหลายอย่างได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการร่วมและผ่านมติคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการไปแล้วตั้งแต่ปลายปี 2567 แต่กลับถูกปล่อยให้ค้างเติ่ง ประชาชนที่เฝ้ารอความหวังจึงยังไม่ได้รับสิทธิตามที่ควรได้รับ
ข้อเสนอสำคัญเหล่านี้ ได้แก่ การปรับเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดให้เป็นแบบถ้วนหน้า การเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันได และการปรับเบี้ยผู้พิการเป็นแบบถ้วนหน้า ทั้งหมดเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องแก้กฎหมายใหม่ หากรัฐบาลใหม่มีเจตนารมณ์ชัดเจน เพียงนำกลับมาเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีและออก “มติ ครม.” รองรับ ก็สามารถเดินหน้าต่อได้ทันที
การทำให้ข้อเสนอสวัสดิการทั้ง 3 เรื่องนี้เกิดขึ้นจริง จำเป็นต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติมเพียง 38,548 ล้านบาท แบ่งเป็น เงินอุดหนุนเด็กถ้วนหน้าขาดอยู่ 7,401 ล้านบาท เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุขาดอยู่ 28,013 ล้านบาท และเบี้ยผู้พิการขาดอยู่ 3,134 ล้านบาท ตัวเลขเหล่านี้ไม่ถึง 4 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับงบประมาณประเทศกว่า 3.78 ล้านล้านบาท ถือเป็นเม็ดเงินที่รัฐบาลสามารถจัดหาได้ทันที หากเพียงแต่กล้าที่จะตัดสินใจและจัดลำดับความสำคัญใหม่หรือไม่
เงินจำนวนนี้สามารถจัดหาได้จากงบกลาง รายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน ซึ่งเป็นเครื่องมือที่รัฐบาลทุกยุคใช้แก้ไขปัญหาเร่งด่วน ไม่ว่าจะเป็นภัยพิบัติหรือการบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า และในครั้งนี้ “สวัสดิการประชาชน” ก็ถือเป็นภารกิจเร่งด่วนไม่ต่างกัน เพราะเป็นการลงทุนกับชีวิตมนุษย์อย่างแท้จริง
“นี่จึงเป็นโอกาสสำคัญของรัฐบาลใหม่ ที่จะไม่เพียงทำหน้าที่รักษาการจนกว่าจะคืนอำนาจให้ประชาชน แต่ยังสามารถทิ้งผลงานที่จับต้องได้ให้กับสังคม เป็นผลงานที่ประชาชนจดจำได้จริงว่า แม้มีเวลาจำกัด แต่รัฐบาลนี้เลือกที่จะทำในสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นคือการยกระดับคุณภาพชีวิตขั้นพื้นฐานของคนไทยทุกคน”.-สำนักข่าวไทย