สภาวุ่น! “ณัฐชา” โวย “อัครา” เมินตอบกระทู้ “ปลาหมอคางดำ”

รัฐสภา 10 เม.ย.-สภาวุ่น! ส่งท้ายก่อนปิดสมัย “ณัฐชา” โวย “อัครา” ตอบ 3 กระทู้ แต่เมินเรื่องปลาหมอคางดำ อ้างไม่รู้กลัวข้อมูลซ้ำซ้อนกับที่แถลงไปแล้ว ด้าน “พิเชษฐ์” เดือดไล่พ้นห้องประชุม หลังประท้วงวุ่น

การปรุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ (10 เม.ย.) ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่งทำหน้าที่ประธานในการประชุม ระหว่างพิจารณากระทู้ถามด้วยวาจาเสร็จสิ้น ซึ่งนายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้มาตอบกระทู้ จากนั้นกำลังเข้าสู่การพิจารณากระทู้ถามทั่วไป เรื่องความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาปลาหมอสีคางดำและการจัดสรรงบประมาณเพื่อนำมาแก้ไขปัญหาดังกล่าวซึ่งถามโดยนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส. กทม. พรรคประชาชนที่ถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และได้มอบหมายให้รัฐมนตรีช่วยฯมาตอบแทน แต่ก็มีการทำหนังสือขอเลื่อน


ทำให้นายณัฐชา ลุกขึ้นประท้วงว่าวันนี้มีการตั้งกระทู้ถามกระทรวงเกษตรฯ จำนวน 4 กระทู้ แต่ปรากฏว่ากระทู้จาสส. ฝั่งรัฐบาลได้รับการตอบไปทั้งหมด 3 กระทู้ แต่กระทู้ของตนที่เป็นฝ่ายค้านกลับถูกเลื่อน และตนได้ถามเรื่องนี้ตั้งแต่วันแรกของสมัยประชุมสภานี้ และวันนี้เป็นการประชุมวันสุดท้ายก่อนปิดสมัยประชุม กลับถูกเลื่อนอีก

“เลื่อนแล้วเลื่อนแบบเจ็บช้ำกว่าเพื่อนเพราะเลื่อนแบบรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯนั่งอยู่ตรงนี้แต่ไม่สามารถตอบผมได้ กระทรวงเกษตรมีรัฐมนตรีถึว 3 คนแต่ผมนับไปนับมามี 4 คน มีรัฐมนตรีสั่งการ 1 คน รัฐมนตรีว่าการ1 คนและรัฐมนตรีช่วย 2 คน สับเปลี่ยนกันยังไงก็ตอบของผมได้ เลื่อนมา 4 เดือนเต็มจนถึงวันสุดท้ายยังตอบผมไม่ได้ทั้งๆที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ จึงขอความชอบธรรมความเห็นใจจากประธานด้วย จะเอาอย่างไรดี” นายณัฐชา กล่าว


นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่เป็นไร เพราะนายณัฐชา ได้พูดแล้ว แต่นายณัฐชา ลุกขึ้นสวนทันทีว่าไม่เป็นไรไม่ได้ ได้พูดอย่างเดียวไม่ได้ต้องได้ถามด้วย เพราะวันนี้เป็นวันสุดท้าย

จากนั้นนายพิเชษฐ์ได้ปิดไมค์นายณัฐชา และหันไปถามนายอัคราว่ามีธุระต่อหรือไม่ก่อนจะกล่าวว่ารัฐมนตรีบางคนไม่ใช่พหูสูตร มีการแบ่งงานกันดูแลตามสายงาน และแม้ว่านายอัคราจะมาตอบกระทู้แล้ว แต่ไม่ได้รับมอบหมายให้ตอบกระทู้ของนายณัฐชาเรื่องปลาหมอคางดำเพราะไม่ได้ดูแลสายงานนี้ จึงตอบได้แค่เรื่องที่ถูกมอบหมาย และจะให้ไปตอบในราชกิจจานุเบกษา

ขณะที่นายณัฐชา กล่าวว่า หากยึดหลักการนี้สภาจะเสื่อมทันที และบอกว่ามีสายรายงานจากกระทรวงเกษตรฯ ว่าพอถึงวันนพฤหัสบดี ก็จองตั๋วเครื่องบินกันขวักไขว่ รันเวย์แทบทรุด พอเจอกระทู้ถามก็จองตั๋วเครื่องบิน แสดงว่าสภาฯ ไม่มีความหมาย และกว่าจะได้ตั้งกระทู้ถามผู้ช่วยตนต้องต่อแถวตั้งแต่ตี 1 เลื่อนจนนาทีสุดท้ายแล้วมานั่งตาปริบๆ บอกไม่ว่า เป็นรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯได้อย่างไร เรื่องนี้เรื่องใหญ่จะบอกไม่รู้ไม่เป็นไม่ทราบไม่ได้ถ้าไม่ตอบกระทู้กันแบบนี้เดี๋ยวก็โดน 157 กัน


ด้านนายพิเชษฐ์ปิดไมค์นายณัฐชาอีกครั้ง ก่อนจะบอกให้พอแล้ว และในหลักการ รัฐมนตรีจะมาตอบหรือไม่จะทำหนังสือแจ้งมา พูดไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร เสียเวลาในการถามกระทู้ต่อ และกล่าวต่อว่า รัฐมนตรีบางท่านวางไทม์ไลน์ไว้ ตอบ 3 กระทู้และต้องเดินทางไปตามนัดหมายสำคัญต่อ คิดว่านายณัฐชาน่าจะเข้าใจ มาตอบ 3 กระทู้ก็ถือว่าเยอะแล้วและขอให้นายณัฐชา พอแล้ว

นายณัฐชา จึงลุกขึ้นประท้วงอีกครั้ง ว่า ยิ่งประธานชี้แจงแทนรัฐมนตรี ท่านประธานยิ่งเจ็บ ที่บอกว่าจะเสียเวลาสภาฯ แต่ตอนนี้ยิ่งเสียชื่อประธานสภาฯ ถ้าอย่างนั้นร่างข้อบังคับใหม่เลย ให้เป็นกระทู้ถามในห้องประชุมพรรค จะได้ตอบให้เสร็จในที่ประชุมพรรค หากจะตอบแบบเฉพาะที่ชงกันหวานๆ แล้วกระทู้ของฝ่ายค้านไม่ ตอบเลย ทำให้นายพิเชษฐ์ต้องปิดไมค์ในนายณัฐชาและถามว่าประท้วงเสร็จหรือยัง พร้อมขอให้นั่งเพราะจะวินิจฉัยแต่นายณัฐชาไม่นั่ง นายพิเชษฐ์จึงถามย้ำว่าจะนั่งหรือไม่ ก่อนจะพยายามอธิบายระเบียบข้อบังคับ ว่าทำหนังสือเลื่อนมาถูกต้อง ตามหลักการ หากจะไปร้องเรียนที่ไหนก็ให้ไป ตนขอทำตามระเบียบ จะไม่อนุญาตให้พูด ซึ่งช่วงนี้นายณัฐชาได้ลุกขึ้นทำให้นายพิเชษฐ์ต้องตะคอกเสียงดังว่าไม่อนุญาตให้พูดอีกแล้ว จะไปอ้างอิงที่ไหนก็ไป ทำให้นายณัฐชาพูดสวนโดยไม่ได้เปิดไมค์ ทำให้นายพิเชษฐ์ต้อง เชิญออกนอกห้องประชุม แต่นายณัฐชาไม่ออกทำให้นายพิเชษฐ์เรียกตำรวจสภาเข้ามาในห้องประชุม ขณะที่นายณัฐชายังคงตะโกนโดยไม่เปิดไมค์ ทำให้นายพิเชษฐ์หยิบหนังสือขึ้นมาตะคอกกลับไปอีกว่าเขามีหนังสือมา ไม่ใช่เป็นดาวสภาแล้วจะทำอะไรก็ได้ ตนทำตามหลักการ และให้ตำรวจ เจ้าหน้าที่เชิญเอาตัวออกไปเลย

“เขามีหนังสือมาคุณไม่รู้เรื่องหรือ เอาไปดูสิ หลักการเรามีสภาเราต้องยึดถือข้อบังคับ มันมีหลักการอยู่คุณจะเอาสีข้างมาถูได้ยังไง เขาทำหนังสือมาแล้ว จะไปร้องที่ไหนก็ไป” นายพิเชษฐ์ระบุ

จากนั้นสส.พรรคประชาชนอาทิ นายรังสิมันต์ โรม ช่วยกันประท้วงว่าทำไมไม่ตอบกระทู้ ขณะที่นางสาวรักชนก ศรีนอก สส. กทม. พรรคประชาชน ประท้วงว่าไม่อยากให้ประธานตอบแทนรัฐมนตรี อยากให้รัฐมนตรีชี้แจงเองที่มานั่งอยู่ตรงนี้ พร้อมชี้ไปที่นายอัครา ทำไมไม่ลุกขึ้นตอบ จะสละเวลา 30 นาทีเพื่อตอบเพิ่ม ให้ประชาชนที่เดือดร้อนเรื่องปลาหมอคางดำ ได้ฟังได้หรือไม่ หรือไม่ได้เตรียมข้อมูลมีเหตุติดขัดอันใด ขอให้ชี้แจงว่าเป็นอะไร ที่นั่งอยู่ตั้งแต่เช้าแล้วทำไมตอบไม่ได้ ตนคิดว่ามันตลก

ด้าน สส. พรรคเพื่อไทยที่ถูกเลื่อนตอบกระทู้ได้ลุกขึ้นพูดว่าขอให้เข้าใจการทำงานของรัฐมนตรีเพราะถูกเลื่อนเหมือนกัน

สุดท้ายนายอัคราได้ลุกขึ้นชี้แจงว่า กรณีปลาหมอคางดำได้แถลงข่าวและตอบกระทู้ไปแล้ว และนายกรัฐมนตรีได้อนุมัติงบประมาณ 98 ล้านบาทในการแก้ไขปัญหา ซึ่งกระทรวงมีแผนการทำงานบูรณาการร่วมกับท้องถิ่นในการกำหนดจุดรับซื้อ ส่วนตัวเข้าใจการทำงานสส.ที่ดูแลผลประโยชน์ประชาชน และที่ไม่ตอบเรื่องนี้เพราะไม่ทราบว่ามีเรื่องปลาหมอคางดำอยู่ด้วย เพราะคณะทำงานเตรียมข้อมูลมาชี้แจง 3 กระทู้ และเรื่องปลาหมอมีการแถลงข่าวชัดเจนไปแล้ว จึงกลัวข้อมูลซ้ำซ้อนกันและขออภัยด้วย

อย่างไรก็ตามหลังจากมีการเจรจากันนายณัฐชาได้ตั้งกระทู้ถามเรื่องดังกล่าว โดยมีนายอัครา เป็นผู้ตอบ ซึ่งในช่วงนี้ได้สลับให้นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ขึ้นมาทำหน้าที่แทน.-319.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.เรือนจำทักษิณป่วย ไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน  

13 มิ.ย. – ศาลฎีกาฯ ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนกรณีกรมราชทัณฑ์อนุญาตให้ “ทักษิณ” เข้ารักษาตัวชั้น 14 รพ.ตำรวจ นัดไต่สวนเพิ่มอีก 6 นัด เดือน ก.ค.68 ด้าน ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ยอมรับไม่ได้ส่งตรวจ รพ.ราชทัณฑ์ก่อน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้เวลา 1 ชั่วโมง ไต่สวนคดีชั้น 14 ในเรื่องการบังคับคดีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดการไต่สวนนัดแรกเสร็จสิ้นแล้ว โดยศาลได้สอบถาม นายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพคนปัจจุบัน เกี่ยวกับกระบวนการในการส่งตัวนายทักษิณจากเรือนจำไปโรงพยาบาลตำรวจ ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งนายทักษิณ มีอาการแน่นหน้าอก นอนไม่หลับ พยาบาลเวรตรวจอาการแล้ว ถึงโทรไปหาแพทย์ และมีความเห็นให้ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน และอาการก็ตรงกลับใบส่งตัวที่แพทย์เขียนไว้ล่วงหน้า เพราะเป็นผู้ป่วยกรณีฉุกเฉิน แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ก่อน จากนั้นศาลได้นัดไต่สวน 6 นัด ในเดือนกรกฎาคม 2568 และใน […]

เครื่องบินแอร์อินเดีย ตกใส่อาคารที่พักแพทย์ ตาย 241 รอดคนเดียว

นิวเดลี 13 มิ.ย. – เครื่องบินโดยสารของสายการบินแอร์อินเดีย พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประสบอุบัติเหตุตกใส่อาคารในย่านชุมชนทางตะวันตกของประเทศ มีผู้เสียชีวิต 241 ราย รอดชีวิตปาฏิหาริย์เพียงคนเดียว ยังไม่มีการยืนยันว่ามีคนในอาคารบ้านเรือนเสียชีวิตเท่าไร เครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุเป็นเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลน์เนอร์ ของสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบิน เอไอ171 (AI171) พร้อมคนบนเครื่อง 242 คน ประกอบด้วยผู้โดยสาร 230 คน และลูกเรือ 12 คน เพิ่งจะออกเดินทางจากท่าอากาศยานระหว่างประเทศเมืองอาห์เมดาบัด รัฐคุชราต ทางตะวันตกของอินเดียเมื่อเวลา 13.34 น. วานนี้ มุ่งหน้าไปยังท่าอากาศยานแกตวิค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คนบนเครื่องบินเป็นชาวอินเดีย 169 คน และมีพลเมืองอังกฤษ 53 คน โปรตุเกส 7 คน และแคนาดา 1 คน คลิปที่ผู้ใช้งานสื่อออนไลน์ในอินเดียส่งต่อกันแพร่หลาย เผยให้เห็นช่วงเวลาขณะที่เครื่องบินโดยสารลำนี้เครื่องบินค่อยๆ […]

แพทยสภายืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย

กทม. 12 มิ.ย.- แพทยสภามีมติ 2 ใน 3 ยืนยันมติเดิม เอาผิดแพทย์ 3 ราย ปมส่งตัว “ทักษิณ” รักษาชั้น 14 รพ.ตร. ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา เปิดเผยหลังการประชุมการลงมติแพทยสภากว่า 5 ชม. ว่า กรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ เกี่ยวกับการประพฤติผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม การประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 6/2568 ประจำเดือนมิถุนายน คือวันนี้ มีวาระสำคัญคือการพิจารณาหนังสือยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภาจากสภานายกพิเศษ วาระนี้มีคณะกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุมจำนวน 68 คน จากจำนวนแพทยสภาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน ได้พิจารณาการยับยั้งมติแพทยสภาของสภานายกพิเศษ มีมติด้วยคะแนนเสียงเกินกว่า 2 ใน 3 ของคณะกรรมการฯ ที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งคณะ ซึ่งมีคะแนนโหวตมากกว่า 60 เสียง ยืนยันตามมติเดิมของคณะกรรมการแพทยสภาเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 กระบวนการต่อไปแพทยสภาจะออกคำสั่งบังคับตามมติและแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบ คาดว่าคำสั่งจะออกได้ในวันพรุ่งนี้ และจะมีผลการลงโทษหลังจากคำสั่งไปยังผู้ถูกร้องเรียน ทั้งนี้ […]

“ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน

ฉะเชิงเทรา 12 มิ.ย. – “ทีมสุดซอย” ลุยตรวจโรงงานรีไซเคิลทุนจีน จ.ฉะเชิงเทรา พบกองขยะอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนเครื่องยนต์นำเข้ากองเต็มพื้นที่ ฝ่าฝืนคำสั่งกรมโรงงานฯ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าทีมสุดซอย พร้อมเจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัด และตำรวจสอบสวนกลาง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นการขยายผลจากข้อมูลที่ผู้ใหญ่บ้าน ต.เขาหินซ้อน อ้างว่ามีบริษัทคัดแยกขยะอุตสาหกรรมในพื้นที่ให้นำดินไปแจกฟรี แต่กลับพบว่าเป็นขยะอุตสาหกรรม จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทแห่งนี้จะรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เศษสายไฟ วัสดุแบตเตอรี่ มอเตอร์ และชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านบริษัทแห่งหนึ่งที่ฮ่องกง โดยบริษัทดังกล่าวรับซื้อเศษขยะมาจากญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ก่อนส่งมาที่โรงงานรีไซเคิลในไทยให้คัดแยก แต่สำแดงเป็นโลหะผสม (Mixed metal) และมีการเสียภาษีต่อเที่ยวตามน้ำหนัก รวมแล้วประมาณ 33,000 บาท การคัดแยกขยะจะใช้แรงงานต่างด้าวคัดแยกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดงออก โดยในส่วนของเหล็ก จะส่งโรงเหล็กในประเทศ สำหรับอะลูมิเนียมกับทองแดง จะส่งกลับไปฮ่องกง เพื่อขายต่อ โดยไม่ต้องเสียภาษี เนื่องจากเป็นเศษโลหะ อีกทั้งยังมีกองขยะที่ไม่สามารถนำไปแปรรูปใช้งานต่อได้จำนวนมากถูกทิ้งไว้ในประเทศ โรงงานดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการตั้งแต่ปี 2558 แต่ก่อนหน้านี้พบว่ามีการขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดเก็บวัสดุไม่ถูกต้องตามมาตรฐาน คือกองอยู่ลานโล่งด้านนอกอาคาร ปัญหาเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยในการประกอบกิจการ และการปล่อยน้ำเสีย […]

ข่าวแนะนำ

ประชุม JBC “ไทย-กัมพูชา” ยึด MOU43 แก้ปมชายแดน-ลดตึงเครียด

14 มิ.ย.- “ไทย-กัมพูชา” แถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม JBC เจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกัน และการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบ MOU43 นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ประธานกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ฝ่ายไทย เป็นประธานการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 6 (JBC) ร่วมกับนายฬำ เจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบกิจการชายแดนและหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา ประธานร่วมฝ่ายกัมพูชา ทั้งสองฝ่ายกล่าวถ้อยแถลงย้ำความสำคัญของการใช้กลไกคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ในการเจรจาประเด็นด้านเขตแดนระหว่างกันและการทำงานร่วมกันด้วยสันติวิธี ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ. 2543 (MOU 43) เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาชายแดนและลดความตึงเครียดที่มีอยู่ ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการของทั้งสองฝ่าย ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานเชิงเทคนิคที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม กรมแผนที่ทหาร กองทัพบก กองทัพเรือ สำนักงานเลขาธิการกิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา (เทียบเท่ากระทรวง) กระทรวงกลาโหมกัมพูชา กองทัพภาคต่าง ๆ ของกัมพูชา รวมถึงผู้ว่าราชการจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาของกัมพูชาทุกจังหวัด -สำนักข่าวไทย

ลุ้นผลประชุม JBC ไทย-กัมพูชา

14 มิ.ย.- ประชาชน 2 ประเทศลุ้นผลการประชุม JBC ด้านกัมพูชายันหากไทยไม่ไปศาลโลก จะยื่นเอกสารไปฝ่ายเดียว นายเปง สุเพีย ผู้สื่อข่าวกัมพูชา รายงานว่าก่อนการประชุม JBC ไทย-กัมพูชา ขณะนี้เป็นการประชุมกลุ่มเล็ก ผ่านไปกว่า 2 ชม. ยังไม่ออกมา ประชาชนสองประเทศลุ้นผลการประชุม ด้านกัมพูชายันหากไทยไม่ไปศาลโลก จะยื่นเอกสารไปฝ่ายเดียว .-สำนักข่าวไทย

Cambodia and Thailand hold a closed-door meeting ahead of the official meeting of JBC in Phnom Penh

ไทย-กัมพูชา หารือกลุ่มเล็กก่อนประชุม JBC

พนมเปญ 14 มิ.ย. – สื่อกัมพูชารายงานว่า กัมพูชาและไทย ได้เปิดการหารือกลุ่มเล็กฝ่ายละ 5 คน ก่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือเจบีซี (JBC) ที่กรุงพนมเปญ ในวันนี้ เว็บไซต์แขมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานว่า ในการหารือกลุ่มเล็กที่มีผู้ร่วมเข้าเพียง 10 คน ฝ่ายกัมพูชานำโดยนายเจีย ฬำ  รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบกิจการชายแดน ส่วนฝ่ายไทยนำโดยนายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงต่างประเทศด้านกิจการชายแดน ซึ่งเป็นนักการทูตผู้เชี่ยวชาญช่วงข้อพิพาทปราสาทพระวิหาร พร้อมกับเผยแพร่ภาพชุดการหารือดังกล่าว.-814.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! โจรชิงทองที่ลำพูน หนีกบดานพัทยา

พัทยา 14 มิ.ย.- หนีไม่รอด! รวบโจรบุกเดี่ยวชิงทอง จ.ลำพูน หนีกบดานพัทยา สารภาพติดการพนันออนไลน์ จากกรณีเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2568 เกิดเหตุคนร้ายรูปร่างสูงประมาณ 160-165 ซม. ทราบชื่อต่อมาคือ นายประกร อายุ 47 ปี ขี่รถจักรยานยนต์สีดำ บุกเดี่ยวเข้าไปชิงทองคำรูปพรรณ จากห้างทองฯ อ.ป่าซาง จ.ลำพูน ได้สร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 5 บาท ไปจำนวน 2 เส้น มูลค่ากว่า 500,000 บาท แล้วหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ล่าสุดตำรวจ สภ.จว.ชลบุรี ได้เบาะแสว่า นายประกร ที่มีหมายจับศาลจังหวัดลำพูน ในข้อหากระทำความผิดฐาน “วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือเพื่อให้พ้นการจับกุม” หลังก่อเหตุได้หนีมากบดานในพื้นที่จังหวัดชลบุรี จึงนำกำลังออกติดตาม กระทั่งพบตัวนายประกร อยู่ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านพัทยากลาง เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าจับกุม เจ้าตัวให้การยอมรับ เป็นผู้ก่อเหตุวิ่งราวทองจากห้างทองในพื้นที่จังหวัดลำพูนจริง หลังก่อเหตุได้หนีมายังพื้นที่เมืองพัทยาและนำทองไปขายในห้างทองแห่งหนึ่ง ตอนแรก คิดว่าจะเดินทางเข้ามาตัว แต่ก็สายไปเนื่องจากมาโดนเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวได้เสียก่อน ส่วนสาเหตุที่ก่อเหตุลงไปนั้นเนื่องจากตนเองติดการพนันออนไลน์ จนเงินหมด […]