กกร.เพิ่มจีดีพีปี 68 โต 1.8-2.2%

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – กกร.ปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจไทย ปี 2568 โต 1.8-2.2% ห่วงเศรษฐกิจครึ่งปีหลังมีแนวโน้มชะลอตัว ส่งออกแผ่วลง หลังหมดปัจจัยเร่งส่งออก มองนโยบายการค้าของสหรัฐฯ เป็น wake-up call แนะไทยปรับตัวเพื่อสร้างความสามารถการแข่งขันในระยะยาว โดยเฉพาะ SMEs ทั้งการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม ยกระดับกระบวนการผลิตตลอดห่วงโซ่อุปทานและอุตสาหกรรมต้นน้ำเพิ่ม local content


นายผยง ศรีวณิช ประธานกรรมการสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกมีทิศทางดีขึ้น หลังสหรัฐฯ ประกาศข้อตกลงด้านภาษีกับหลายประเทศ อัตราภาษีศุลกากรส่วนใหญ่ปรับลดลงกว่าที่สหรัฐฯ ประกาศเมื่อเดือนเมษายน โดยเฉพาะประเทศในเอเชียและอาเซียน ประมาณการเศรษฐกิจโลกปี 2568 โดย IMF ปรับเพิ่มเป็นเติบโต 3% จากเดิม 2.8% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่อยู่ประมาณ 3.5% สะท้อนภาวะชะลอตัวจากผลของกำแพงภาษีสูง และความไม่ชัดเจนในรายละเอียดของการดำเนินการ โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับภาษีสินค้า transshipment และการกำหนดสัดส่วน local content ของแต่ละประเทศ

เศรษฐกิจไทยปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวได้ที่ 1.8-2.2% ปรับเพิ่มขึ้นจากประมาณการเดิมที่ 1.5-2.0% ส่วนการส่งออกมีแนวโน้มขยายตัว 2-3% สูงกว่าประมาณการเดิมเช่นกัน โดยความสำเร็จจากการเจรจาการค้าส่งผลให้ไทยถูกเรียกเก็บภาษีที่ 19% แทน 36% ซึ่งยังต้องให้ความสำคัญกับรายละเอียดที่ต้องมีการเจรจากันต่อไป เบื้องต้นทำให้ไทยไม่เสียเปรียบประเทศเพื่อนบ้านซึ่งเป็น worst case scenario อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มชะลอตัว โดยการส่งออกแผ่วลงหลังหมดปัจจัยชั่วคราวจากการเร่งส่งออก การแข่งขันด้านราคาที่มากขึ้น ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นรวมถึงปัญหาเศรษฐกิจนอกระบบ และกำลังซื้อของผู้บริโภคสหรัฐฯที่ลดลงจากเงินเฟ้อ ส่วนรายได้จากการท่องเที่ยวชะลอตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะ short haul ที่ชะลอตัวรวมทั้งผลกระทบจากปัจจัยความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ทั้งนี้เศรษฐกิจไตรมาสสุดท้ายของปีและต้นปีหน้าอาจมีความผันผวนสูง โดยเฉพาะภาคส่งออกที่จะได้รับผลกระทบจากภาษีสหรัฐฯชัดเจน และการแข่งขันที่สูงขึ้นจากประเทศคู่แข่ง ซึ่งแตกต่างกันในแต่ละประเภทสินค้าและการจัดเก็บ Stock คงค้างที่ไม่เท่ากัน


ประเทศไทยต้องเร่งปรับตัวรับมือทั้งในระยะสั้น และการเปลี่ยนผ่านในระยะข้างหน้า ในระยะสั้นการแข่งขันด้านราคาจะเพิ่มขึ้นทั้งสินค้าที่ไทยส่งออกและสินค้าที่ขายในประเทศที่จะแข่งขันกับสินค้าที่ไทยเปิดตลาดนำเข้าเพิ่มขึ้น ซึ่งจะกระทบกลุ่มที่มี Margin ต่ำ และต้องเร่งสำรวจการใช้ Local Content เพื่อลดความเสี่ยงภาษี transshipment รวมถึงบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในส่วนพิธีการศุลกากร และการตรวจสอบมาตรฐานสินค้าที่ขายในประเทศ ขณะที่นโยบายการค้าของสหรัฐฯ เป็น wake-up call ให้ไทยใช้โอกาสนี้ในการปรับตัวเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวของภาคเอกชน โดยเฉพาะ SMEs ทั้งการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรม กำหนด Priority Sectors ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของประเทศ ยกระดับกระบวนการผลิตตลอดห่วงโซ่อุปทานและอุตสาหกรรมต้นน้ำเพื่อเพิ่ม local content เพิ่ม Productivity ลดต้นทุน ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม และยกระดับทักษะแรงงานการจ้างงานของแรงงานไทยในประเทศ แรงงานต่างด้าว และมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจที่แท้จริงของประเทศ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน

อย่างไรก็ดี กกร.เห็นว่าไทยยังขาดข้อมูลสำคัญด้านโครงสร้างการผลิตรายอุตสาหกรรม เช่น การใช้วัตถุดิบขั้นต้นและขั้นกลางในประเทศ รวมถึง Regional Value Content ซึ่งภาคเอกชนได้เริ่มสำรวจและเก็บข้อมูลพื้นฐาน เพื่อให้สามารถปฏิบัติได้ตามเงื่อนไขการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้มีฐานข้อมูลที่ครบถ้วนและเชื่อถือได้ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากภาครัฐ และหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง เพื่อการตัดสินใจและเจรจาภายใต้การค้าโลกรูปแบบใหม่ (New trade paradigm) บทบาทของไทยในอาเซียน สร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการไทยในเวทีการค้าโลก. -517-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 แถลงผลประชุม RBC 11 ข้อ ย้ำปฏิบัติตามเงื่อนไขหยุดยิงเคร่งครัด

ศรีสะเกษ 27 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 แถลงผลประชุม RBC 11 ข้อ ที่ด่านศุลกากรช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ ย้ำให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขการหยุดยิงอย่างเคร่งครัด ไม่ขยายขอบเขตความขัดแย้ง ไม่เผยแพร่ข่าวปลอม รวมถึงเห็นชอบให้ความร่วมมือปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ-แก๊งคอลเซ็นเตอร์ คำแถลงข่าวร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee : RBC) สมัยวิสามัญ ระหว่างกองทัพภาคที่ 2 ราชอาณาจักรไทย และภูมิภาคทหารที่ 4 ราชอาณาจักรกัมพูชา วันที่ 27 สิงหาคม 2568 จังหวัดศรีสะเกษ ราชอาณาจักรไทย การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee : RBC) สมัยวิสามัญ จัดขึ้นวันที่ 27 สิงหาคม 2568 ในจังหวัดศรีสะเกษ ราชอาณาจักรไทย โดยมี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และพลโท […]

คุมฝากขัง “อดีตพระอลงกต-หมอบี” ค้านประกัน

27 ส.ค. – ตร.คุมตัว “อดีตพระอลงกต-หมอบี” ส่งฝากขังศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พร้อมคัดค้านการประกันตัว เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ได้ควบคุมตัวอดีตพระอลงกต หรือ ทิดจอร์จ และนายเสกสันน์ หรือ หมอบี ออกจากห้องคุมขัง ที่อาคารศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อไปฝากขังที่ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เจ้าหน้าที่ได้แยกควบคุมตัวอดีตพระอลงกต หรือ ทิดจอร์จ สวมเสื้อยืดสีน้ำตาลและกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลเข้ม ก่อนนำผ้าเช็ดตัวสีส้มมาห่มคลุมร่างกาย ขึ้นรถยนต์ตำรวจ ทันทีที่ออกมาทางอดีตพระอลงกตได้ยกมือซ้ายขึ้นมา ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามแต่ไม่ได้ตอบคำถามใดๆ ก่อนขึ้นนั่งบนรถ โดยมีศิษยานุศิษย์ประคองด้านข้าง ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่ารู้สึกกังวลใจหรือมีอะไรอยากจะชี้แจงหรือไม่ พร้อมกับถามถึงความรู้สึกหลังจากที่ลาสิกขาแล้ว แต่อดีตพระอลงกต ได้แต่ยิ้มแย้มและยกมือปฏิเสธ ไม่ตอบคำถามใดๆ จากนั้นผู้สื่อข่าวถามต่อว่า “ไปศาลใช่หรือไม่” อดีตพระอลงกต ตอบสั้นๆ ว่า “ไปศาล” ส่วนนายเสกสันน์ หรือ หมอบี ได้แยกควบคุมตัวขึ้นรถกระบะของกองบังคับการปราบปราม โดยหมอบี ยังสวมใส่ชุดเดิม คือเสื้อแขนสั้นสีครีม และกางเกงขายาวสีน้ำตาล เจ้าตัวไม่ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนเพียงแค่ยิ้มให้เท่านั้น.-419-สำนักข่าวไทย

พายุคาจิกิกระทบหลายจังหวัดเหนือ-อีสาน

27 ส.ค. – ผลกระทบจากพายุ “คาจิกิ” ส่งผลหลายจังหวัดภาคเหนือและภาคอีสาน ฝนตกหนัก อย่าง จ.แม่ฮ่องสอน น้ำป่าไหลหลากอย่างรุนแรงในพื้นที่บ้านแม่โกปี๋ ต.แม่ยวมน้อย อ.ขุนยวม ส่วน จ.เลย แม่น้ำเหืองเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน ต.นาแก้ว อ.นาแห้ว ชาวบ้านต้องเร่งยกสิ่งของขึ้นที่สูง พายุคาจิกิเคลื่อนตัวสู่ จ.น่าน ทำให้ 6 อำเภอทางตอนเหนือของเมืองน่าน มีฝนตกหนักและเริ่มมีน้ำป่าหลากดินสไลด์ใน ต.ปิงหลวง อ.นาหมื่น ชาวบ้านตามชุมชนและร้านค้าต่างๆ เร่งเก็บข้าวของไว้บนที่สูง อย่างชุมชนสวนตาลล่าง ซึ่งยังไม่ทันฟื้นฟูความเสียหายจากพายุวิภาเมื่อเดือนที่แล้ว ต้องเตรียมพร้อมกันอีกรอบ อย่างร้านจำหน่ายแอร์และกล้องวงจรปิดร้านนี้ ซึ่งครั้งที่แล้วเสียหายไปกว่า 6 ล้านบาท ต้องขนสินค้าออกจากร้านและยกขึ้นชั้น 2 หวั่นเจอน้ำท่วมซ้ำอีก ขณะเดียวกันเริ่มอพยพผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียงที่อยู่ในจุดเสี่ยงน้ำท่วมออกมาอยู่ที่ศูนย์พักพิงแล้วกว่า 20 ราย รวมทั้งเร่งเสริมคันดินและกระสอบทรายตามจุดเสี่ยงรอบเมือง โดยเฉพาะโรงพยาบาลน่าน ที่เคยถูกน้ำท่วมเสียหายเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งขนอุปกรณ์การแพทย์ขนาดใหญ่ไปไว้ในที่ปลอดภัย และเสริมแนวกระสอบทรายป้องกันไว้แล้ว พร้อมยกระดับยกระดับการป้องกันและรับมือกับพายุคาจิกิขั้นสูงสุด ขณะที่ จ.แม่ฮ่องสอน มีผู้ใช้โซเชียลโพสต์คลิปสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากอย่างรุนแรงช่วงบ่ายวานนี้ (26 ส.ค.) ในพื้นที่บ้านแม่โกปี๋ ต.แม่ยวมน้อย อ.ขุนยวม […]

ทบ.ย้ำชัดกัมพูชาบิดเบือน-ให้ร้าย ตั้งชุมชนรุกล้ำผิด MOU 2000

27 ส.ค.- โฆษก ทบ.โต้กัมพูชา กล่าวหาบิดเบือนพยายามให้ร้ายฝ่ายไทย ย้ำชัดวางลวดหนาม “บ้านหนองจาน” อยู่ในเขตอธิปไตยไทย ชี้เขมรตั้งชุมชนรุกล้ำผิด MOU 2000 จากกรณีที่สำนักข่าว Fresh News รายงานว่า นายชุม ซอนรี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา แถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกัมพูชา–ไทย เมื่อช่วงเย็นวันที่ 26 สิงหาคม 2568 เวลา 16.00 น. โดยระบุว่า ฝ่ายไทยได้ละเมิดอธิปไตยของกัมพูชา และละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ด้วยการวางลวดหนามรุกล้ำพื้นที่บ้านเรือนและที่ดินของประชาชนในหมู่บ้านโจกเจย ตำบลโอเบยเจือน อำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย ซึ่งสะท้อนถึงฝ่ายไทยได้ขยายพื้นที่ความขัดแย้งเข้ามาสู่เขตชุมชนพลเรือน และจากการประชุม GBC เมื่อ 7 สิงหาคม 2568 มีบันทึกความเข้าใจ 13 ข้อ ระบุว่าจะไม่มีการดำเนินการใด ๆ ที่เป็นการยั่วยุ และจะหลีกเลี่ยงการกระทำใด ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มขึ้น รวมถึงตามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2000 ห้ามการดำเนินการใด ๆ […]