กทม.16 พ.ค.-เปิดข้อมูล 5 ปีเด็กไทยตายบนถนนเกือบ 20,000 คน รถมอเตอร์ไซค์คร่าชีวิตมากสุด ช่วงปิดเทอม มี.ค.ยอดตายพุ่ง เทียบนักเรียนหาย 7โรงเรียน เตือนพ่อแม่คิดรอบคอบก่อนซื้อให้ แนะมาตรการรถรับส่งนักเรียนปลอดภัย ช่วยปกป้องชีวิตเด็กได้ เสนอผู้ประกอบการปรับตัว สร้างมาตรฐาน ลดความสูญเสีย
นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการ ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) สนับสนุนโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) เผยข้อมูลรายงานสถานการณ์การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนจาก 3 ฐานข้อมูล (กระทรวงสาธารณสุข, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด) ตั้งแต่ปี2556-2560 พบว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาเด็กและเยาวชนตั้งแต่แรกเกิด-19 ปี เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน รวม 17,634 ราย สาเหตุหลักมาจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงมาก เทียบได้กับจำนวนนักเรียนในโรงเรียนขนาดใหญ่ 7 โรงเรียน (คิดจาก เกณฑ์ สพฐ. 1 โรงเรียนขนาดใหญ่ = 2,500 คน)
นอกจากนี้ยังพบว่าจำนวนการเสียชีวิตในกลุ่มอายุ10-14 ปี และ 15-19 ปี และมีแนวโน้มสูงขึ้น หากพิจารณาข้อมูลรายเดือน เด็กและเยาวชนช่วงอายุ0-14 ปี มีจำนวนการเสียชีวิตที่สูงขึ้นในเดือนมี.ค.ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการปิดเทอม ส่วนเดือน ธ.ค.เป็นช่วงพักผ่อนสิ้นปี คาบเกี่ยวกับเทศกาลปีใหม่ เป็นไปได้ว่าอาจมีการเดินทางท่องเที่ยว เช่นเดียวกับเด็กและเยาวชนช่วงอายุ 15-19 ปี มีจำนวนเสียชีวิตที่สูงขึ้นในเดือน มี.ค.และเดือน ธ.ค.เช่นกัน
นพ.ธนะพงศ์ เผยอีกว่า ข้อมูลจากศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัย และป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก รพ.รามาธิบดี ระบุว่าเด็กอายุ 4-12 ปี เป็นกลุ่มที่เสียชีวิตสูงที่สุดในช่วงปิดเทอม โดยเฉพาะวันที่12-23 เม.ย.เป็นช่วงที่มีการเสียชีวิตสูงสุดและอุบัติเหตุทางถนนถือเป็นสาเหตุต้นๆ ของการเสียชีวิต สำหรับแบบแผนการเกิดเหตุคือการขับขี่ ซ้อนจักรยานยนต์ละแวกบ้าน ถูกรถชนบริเวณชุมชน แต่ในช่วงสงกรานต์อันตรายครึ่งหนึ่งเกิดจากรถยนต์ เป็นการเดินทางไกล
นายคงศักดิ์ ชื่นไกรลาศ ผู้ประสานงานโครงการรถโดยสารปลอดภัย มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า ผู้ปกครองไม่เพียงแต่ต้องตระหนักถึงความสูญเสียในช่วงปิดเทอมเพราะช่วงเปิดเทอมก็มีความเสี่ยงไม่แพ้กัน โดยเฉพาะอุบัติเหตุที่มาจากการเดินทางของนักเรียน จึงเป็นที่มาของโครงการรถนักเรียนปลอดภัย เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดอุบัติเหตุกับเด็กนักเรียน รณรงค์ให้ความรู้พ่อแม่หยุดซื้อรถจักรยานยนต์ให้บุตรหลาน และหันมาใช้บริการรถนักเรียนแทน
“แต่ละปีมีข่าวอุบัติเหตุรถรับส่งนักเรียนค่อนข้างมากทั้งรถชน ลืมเด็กไว้บนรถ รวมถึงคุณภาพมาตรฐานรถรับส่งนักเรียน โครงการรถรับส่งนักเรียนปลอดภัยจึงเกิดขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ โดยมีพื้นที่ทำงาน 32 จังหวัด ซึ่งเป็นจังหวัดที่ทำงานด้านความปลอดภัยรถโดยสารอยู่แล้ว จากการลงพื้นที่พบว่ารถรับส่งนักเรียนส่วนใหญ่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องกับสำนักงานขนส่งจังหวัด เหตุผลคือถ้าขึ้นทะเบียนจะต้องถูกปรับเพราะรถผิดกฎหมาย ใช้รถผิดประเภทถามว่าทำไมถึงผิดกฎหมาย เราพบว่าระเบียบกรมการขนส่งทางบกที่มีรองรับรถประเภทหนึ่ง แต่ในสภาพความเป็นจริงของพื้นที่มีความต้องการใช้รถที่ใช้สำหรับรับส่งนักเรียนที่หลากหลายและที่สำคัญผู้ปกครองหลายคนอาจไม่เคยรับรู้ถึงความเสี่ยงของลูก” นายคงศักดิ์ กล่าว .-สำนักข่าวไทย