“อนุทิน” เปิดสัมมนาวิชาการความปลอดภัยทางถนน ย้ำความสำคัญ “Situation awareness”

กทม 20 พ.ย. – “อนุทิน” เปิดสัมมนาวิชาการระดับชาติ ความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 16 ย้ำความสำคัญ “Situation awareness” ตื่นตัว ตระหนัก รับผิดชอบ ชี้ต้องทำอุบัติเหตุให้เป็น 0 เพราะหนึ่งชีวิตก็เป็นเกรด F แล้ว


น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ได้เป็นประธานเปิดสัมมนาวิชาการระดับชาติ เรื่องความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 16 (16th Thailand Road Safety Seminar) ภายใต้แนวคิด สานพลังเข้มข้น สร้างกลไกเข้มแข็ง เพื่อถนไทยปลอดภัย : Road Safety Stronger Together” ณ ศูนย์การประชุม อิมแพ็ค ฟอรั่ม อิมแพ็ค เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี

นายอนุทิน กล่าวในปาฐกถาเปิดการสัมมนาว่า ไม่ว่าจะได้ทำหน้าที่ในตำแหน่งใด ตั้งแต่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในรัฐบาลที่แล้ว และได้มีโอกาสมากำกับดูแลส่วนงานกระทรวงคมนาคมด้วย และในวันนี้ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาโดยตลอด โดยคำนึงถึง 4 ปัจจัยหลัก คือ 1.การสร้างจิตสำนึกในความปลอดภัยและความเข้าใจในกฎจราจร 2.การบังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด 3.การพัฒนาและบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานของถนน เส้นทางสัญจร และสัญญาณจราจร 4.การบำรุงรักษาสภาพของรถยนต์ให้มีความปลอดภัย อยู่ในสภาพดีเสมอ ซึ่งในประเทศไทยมีหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ที่เราร่วมมือกันดูแลเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว และมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง


ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นับตั้งแต่มีระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน พ.ศ. 2554 จนถึงปัจจุบัน รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการขับเคลื่อนและดำเนินการผ่านคณะกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ และคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนทุกระดับร่วมกับภาคีเครือข่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยทางถนน และขณะเดียวกันเรายังร่วมกับรัฐบาลทั่วโลก ร่วมประกาศทศวรรษที่ 2 แห่งความปลอดภัยทางถนน (The second Decade of Action for Road Safety 2021-2030) มีห้วงระยะเวลา 10 ปี ซึ่งวันนี้เราผ่านไป 4 ปีแล้ว ตามมติสมัชชาใหญ่สหประชาชาติที่มีการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนเพื่อลดจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนน อย่างน้อยร้อยละ 50 โดยประเทศไทยได้กำหนดเป้าหมายในการลดอัตราผู้เสียชีวิตให้เหลือ 12 คนต่อประชากร 100,000 คน ภายในปี 2570 นี้ ซึ่งเป็นหมุดหมายสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยทางท้องถนนให้กับนานาประเทศ แต่ประเทศไทยก็กำลังเผชิญกับความท้าทายต่างๆ รวมถึงการสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด อันเป็นสาเหตุของการเกิดการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร แม้กระทั่งในกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งเรามีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 59% และในวัยทำงาน 28% โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มรถจักรยานยนต์ ซึ่ง 1 ใน 5 จากค่ารักษาพยาบาลของผู้ประสบอุบัติเหตุทางถนนอยู่ในกลุ่มรถจักรยานยนต์ ส่งผลต่อตัวเลขความสูญเสียทางโอกาสและเศรษฐกิจและชีวิตของคนในชาติเป็นจำนวนมหาศาล ซึ่งหมายความว่าสิ่งที่เราทำมาโดยตลอดนี้ยังไม่เพียงพอและยังไม่บรรลุเป้าหมาย ยังมีภารกิจที่เราจะต้องร่วมมือทำกันอีกมาก เพื่อให้เกิดความปลอดภัยให้มากที่สุด เพื่อรักษาชีวิตของพี่น้องประชาชนของเรา

นายอนุทิน กล่าวว่า การป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนต้องอาศัยการบูรณาการรณรงค์ร่วมมือของทุกภาคส่วน ต้องมีการปรับตัวอยู่เสมอ เพราะมูลเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุนั้นก็เปลี่ยน มีสภาพการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เช่น สังคมที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นสังคมที่เร่งรีบ เกิดอาชีพใหม่ๆ ที่ต้องใช้ยวดยานพาหนะเป็นตัวขับเคลื่อน เหมือนตอนนี้ธุรกิจใหม่ๆ เช่น LINE Man Grab ส่งอาหาร ต้องส่งให้เร็ว ต้องส่งให้ด่วน ต้องหิ้วของไปให้มากที่สุดบนหลังรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันเป็นเทรนด์ใหม่ ซึ่งหากย้อนไป 10-20 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้มีมากขนาดนี้ ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดความเสี่ยงต่อการสูญเสียเพิ่มมากขึ้น และในทุกวันนี้อุปกรณ์การช่วยอำนวยความสะดวกเพื่อลดภาระของผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะก็เพิ่มมากขึ้น มีระบบ Automatic ต่างๆ จนบางที “เราใช้ Situation awareness หรือการใช้สัญชาตญาณเพื่อให้เกิดความปลอดภัยลดน้อยลง” เดี๋ยวนี้บางทีไปไหนเราใช้หูฟัง เลี้ยวซ้ายภายใน 300 เมตร เลี้ยวขวาภายใน 20 เมตร มันทำให้เราไม่ได้มีสมาธิในการดูสถานการณ์รอบตัว ซึ่งคำนี้ตนเรียนรู้มาจากการเป็นนักบินว่า ถึงแม้เราจะบังคับอากาศยานของตัวเองในอากาศก็ตามที ถึงแม้ว่าอากาศจะไม่มีเครื่องบินข้างๆ ไม่มีไฟแดง ไม่มีสี่แยก แต่คุณต้องมี Situation awareness คือ ต้องคิดตลอดว่าถ้าตอนนี้ วันนี้เครื่องมันดับ จะทำอย่างไร ต้องทำความคุ้นเคยกับสภาพภูมิประเทศที่บินผ่านไป ซึ่งที่จริงแล้ว Situational awareness มันไม่ได้ใช้แค่อยู่บนอากาศ แต่มันต้องอยู่ทุกที่ เดินเข้ามาในห้องประชุมนี้ก็ต้องระวังอย่าไปเตะปลั๊กกลางห้อง ดังนั้น Situation awareness หรือความระมัดระวังเพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับเรา ในสภาพรอบตัวเรา ควรจะต้องมีไว้ตลอดเวลา

นายอนุทิน กล่าวว่า สัมมนาวิชาการฯ วันนี้เรามีการมอบโล่ประกาศเกียรติคุณมากมายให้กับทุกๆ ท่าน ก็ต้องถือว่าสิ่งที่เราได้มา บางทีมันก็แลกกับชีวิตของผู้เคราะห์ร้ายที่เป็นกลุ่มเสี่ยง เราจึงต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อที่ทำให้โลกที่เราได้มาได้มาจากการทำงานหนัก การทุ่มเทของเรามากกว่าการที่ต้องมีต้นทุนที่หนักหนาสาหัสมาก ก็คือ ชีวิตของผู้สัญจรไปมาหรือชีวิตของประชาชนที่ต้องแลกกับมันมา


หลายคนทราบดีว่าเมื่อมีอุบัติเหตุทางถนนไม่ว่าสาเหตุใดก็ตามมันนำมาซึ่งความเศร้าโศก สลด หดหู่ใจ เสียกำลังใจ ดังนั้น ตราบใดที่เรายังมีภารกิจหน้าที่ที่ต้องดูแลงานด้านนี้อยู่ ตนขอให้ทุกท่านอย่าได้เสียกำลังใจ และต้องสร้างกลไกต่างๆ เพื่อไม่ให้สิ่งเหล่านี้ได้อุบัติขึ้นซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ดังกรณีไฟไหม้รถบัสของน้องๆ นักเรียน ไม่มีใครสามารถทนเห็นสภาพจริงได้ ไม่ว่าเราจะเข้มแข็งขนาดไหน ถ้าไปเจอสภาพจริงในวันนั้น ต้องปาดน้ำตา เพราะมันไม่ไหวจริงๆ ทั้งสลดกับคนที่สูญเสียชีวิต ทั้งสลดกับผู้บาดเจ็บ สลดกับคนที่เหลือ ญาติ แล้วก็นึกถึงอนาคตของเขา แล้วที่น่าสลดที่สุดคือ มันป้องกันได้ ทำไมปล่อยให้เหตุมันเกิดขึ้น ดังนั้น เราต้องใส่ใจตลอดเวลาว่า มันไม่มีแม้กระทั่ง 1% ที่เราจะยอมให้เกิดความเสี่ยง ถ้าเราคิดแบบนี้ได้เราก็จะไม่ยอม ไม่มีการเพิ่มถังแก๊สแม้กระทั่งครึ่งถังหรือ 1 ถัง กฎหมายให้ใส่ 6 ถังก็ต้องใส่ 6 ถัง ถ้าใส่เกินกว่านั้นต้องดำเนินคดีด้วยความเฉียบขาด ซึ่งมันก็เป็นข้อเสนอของทุกครั้งที่มีการประชุม เราต้องอย่าให้มันเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกครั้ง แล้วจึงค่อยมาใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ มันสายเกินไป ขณะเดียวกันผู้ขับขี่ผู้ใช้ยวดยานบนถนน คนขับก็ต้องคิดว่า เราไม่ได้รับผิดชอบชีวิตเรา เรารับผิดชอบชีวิตทุกคนที่อยู่หลังพวงมาลัยเรา

ต้องมีความตื่นตัว ต้องมีสำนึกว่าเรากำลังมีคนอยู่ในภาระความรับผิดชอบของเรา ถ้าเราทุกคนช่วยกันร่วมมืออุบัติเหตุมันก็จะลดน้อยลง เขาให้ขับไม่เกิน 120 ก็อย่าเกิน 120 แขวนพระอะไรก็ช่วยไม่ได้ เพราะหลวงพ่อคูณยังเคยบอกว่ากระโดดลงตั้งแต่ขับเกิน 120 แล้ว ดังที่มีคนเคยไปโวยวายท่านว่าแขวนหลวงพ่อแล้วทำไมรถยังคว่ำ ยังบาดเจ็บสาหัส หลวงพ่อเลยถามว่าแล้วขับไปเท่าไร คนนั้นตอบขับแค่ 160 170 หลวงพ่อจึงบอกว่า กูกระโดดลงตั้งแต่ 120 แล้ว ซึ่งมันเป็นข้อสั่งสอนที่ง่ายมากที่เราเข้าใจ เพราะถ้าเราขับเกิน Limit เมื่อไร เข็มความเสี่ยงที่เกิดขึ้นมันก็จะเคลื่อน ถ้าเราอยู่ในวงการนี้อุบัติเหตุมันก็จะเกิดขึ้น เรียกว่า Chain of Event จะเริ่มจาก 1 2 3 4 เขาเรียกว่า ห่วงโซ่สถานการณ์ เราต้องอย่าให้มันนับ 1 เด็ดขาด ไม่งั้นมันก็จะไป 2 3 4 5 และไปถึงจุดที่รับไม่ได้และจะเกิดเหตุที่ไม่พึงประสงค์ขึ้น ต้องมีความตื่นตัว มีความตระหนัก ความรับผิดชอบ และความพร้อมตลอดเวลา แล้วมันก็จะไม่มีปัญหา “เราต้องทำให้เป็น 0 เพราะหนึ่งชีวิตก็เป็นเกรด F แล้ว เป็นเป้าหมายที่เราทำได้”

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นายอนุทินได้ขอบคุณและชื่นชมคณะกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ และคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลร่วมกับศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน มูลนิธินโยบายถนนปลอดภัย หน่วยงานภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม องค์กร มูลนิธิ และเครือข่ายด้านความปลอดภัยทางถนน ที่ได้ร่วมกันจัดงานครั้งนี้ โดยการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน และแสดงความยินดีกับองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และบุคคลที่ได้รับการพิจารณาให้ได้รับรางวัล Prime Minister Road Safety Award

นอกจากนี้ นายอนุทิน ได้รับมอบข้อเสนอความปลอดภัยในการเดินทางของเด็กและเยาวชนจากกลุ่มเครือข่ายสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทยและเครือข่ายเยาวชน Road Safety Idol เขตสุขภาพที่ 7 และมอบรางวัล Prime Minister Road Safety Award จำนวน 6 ประเภท คือ 1) หน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ 1.กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 2.กองป้องกันการบาดเจ็บ กรมควบคุมโรค 3.สำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร 4.ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัดศรีสะเกษ 5.ศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนนอำเภอกมลาไสย 6.องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุตรดิตถ์

2) หน่วยงานสถานศึกษา ได้แก่ 1.มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จ.นครศรีธรรมราช 2.สถาบันจัดการปัญญาภิวัฒน์ จ.นนทบุรี 3.โรงเรียนโนนไทยคุรุอุปถัมภ์ จ.นครราชสีมา 4.โรงเรียนเทศบาล 2 (คลองจิหลาด) จ.กระบี่

3) หน่วยงานท้องถิ่น ได้แก่ 1.เทศบาลตำบลโพนสูง จ.ร้อยเอ็ด 2.เทศบาลตำบลบางจะเกร็ง จ.สมุทรสงคราม 3.ศูนย์ปฏิบัติการทางถนน อบต.นาเคียน จ.นครศรีธรรมราช 4.ศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนน อบต.กุแหระ จ.นครศรีธรรมราช 5.ศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนน อบต.กุดเสลา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ 6.อบต.ดอนคา จ.สุพรรณบุรี

4) ประเภทหน่วยงานภาคเอกชน 1.บจก.อีสเทิร์นซีบอร์ดอินดัสตรี้เอสเตทระยอง 2.บจก.อินเตอร์เนชั่นแนลเอ็นแอนด์เอช (ประเทศไทย) 3.บจก.ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ 4.บมจ.ธนชาตประกันภัย 5.บจก.อาร์อาร์ที ออร์โตโมทีฟ (ประเทศไทย) 6.บจก.โตโยต้ามอเตอร์ (ประเทศไทย) 7.บจก.ไทยฮอนด้า 8.บจก.บอส ออร์โตโมทีฟ (ประเทศไทย)

5) ประเภทบุคคล 25 ราย อาทิ นายไกรสร กองฉลาด นายวันชัย คงเกษมจ นายสุวัฒน์ เข็มเพชร นายวิทยา จันทน์เสนะ นายบรรจง โพธิวงศ์ นางธัญวรรณ ศรีรัตนโชติ นพ.อำนวย กาจีนา นพ.ปรีชา เปรมปรี รศ.ดร.วีรพล ทองมา

ทั้งนี้ งานสัมมนาวิชาการฯ มีผู้มีเกียรติและคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ร่วมงาน อาทิ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทย นายสมเจตน์ ลิมปะพันธุ์ ที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี.-319-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ ถึงอุบลฯ แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้ชาวบ้าน

อุบลราชธานี 20 มิ.ย.-นายกฯ ถึงอุบลราชธานี แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้จากประชาชน ก่อนขึ้น ฮ.ไปฐานมรกต ให้กำลังใจทหารแนวหน้า ขำสื่อรุมถาม “ไมค์เขกหัวนายกฯ” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงกองบิน 21 จ.อุบลราชธานี โดยมี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 รอรับ และเดินทางต่อไปที่สนามกีฬานานาชาติ อบต.โดมประดิษฐ์ มีว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี นายเกรียง กัลป์ตินันท์ อดีต รมว.มหาดไทย และ สส.พรรคเพื่อไทย มารอต้อนรับ น.ส.แพทองธาร ได้มอบสิ่งของให้แก่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง โดยชาวบ้านหลายคนนำดอกกุหลาบ และผ้าขาวม้า มามอบให้เป็นกำลังใจแก่นายกฯ ในระหว่างที่ประชาชนมอบดอกไม้ให้ นายกฯ ชวนแม่ทัพภาคที่ 2 มารับดอกไม้และถ่ายภาพร่วมกัน ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการพูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เคลียร์ใจแล้วหรือไม่ […]

พรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน

รัฐสภา 20 มิ.ย.-เลขาธิการสภาฯ แจงพรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน แม้จะมีชื่อในบัญชี ก็ไม่เป็นผล ว่าที่ร้องตรีอาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หากต้องมีการเลือกนายกฯ ใหม่ ว่า บุคคลที่สามารถได้รับการเสนอชื่อจะต้องเป็นบุคคลที่มีรายชื่อในบัญชีที่เสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง โดยพรรคที่สามารถเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกฯได้ จะต้องมี สส.จำนวน 5% ของสส. 500 คน คือมี สส. 25 คน ตามมาตรา 159 วรรค 1 ซึ่งในขณะนี้มี สส.ในสภาฯ จำนวน 495 คน 5% คือ 24.75 ซึ่งพรรคพลังประชารัฐขณะนี้มี สส.เหลือไม่ถึง 20 คน จึงไม่สามารถเสนอบุคคลในบัญชีรายชื่อคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกฯ ได้ ตามมาตรา 159 […]

ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ยิงข้างห้องดับ 1 เจ็บ 1

ชุมพร 20 มิ.ย. – ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ฉุนข้างห้องติดเครื่องรถกระบะจอดแช่นาน เกิดมีปากเสียง คว้าปืนยิงสามีเข้าที่คอบาดเจ็บ ส่วนภรรยาโดนยิงเข้าเบ้าตาเสียชีวิต ตำรวจ สภ.เมืองชุมพร เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุยิงกัน บริเวณห้องเช่า ริมถนนซอยสุขาภิบาล 17 – วัดเขาปุก ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร ที่เกิดเหตุเป็นห้องแถวเช่าติดกัน 4 ห้อง บริเวณหน้าห้องซ้ายสุด มีรถกระบะสีดำจอดอยู่ พร้อมกองเลือด ส่วนผู้บาดเจ็บ ทราบชื่อ น.ส.จิราวรรณ อายุ 54 ปี ถูกยิงเข้าที่ตาข้างขวา อาการสาหัส หน่วยกู้ชีพนำส่งโรงพยาบาล ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนั้นยังมีผู้บาดเจ็บอีก 1 คน คือ นายสุรพจน์ อายุ 53 ปี ถูกยิงเข้าที่ไหปลาร้า ใกล้ลำคอด้านขวา แต่กระสุนถากไป ได้รับบาดเจ็บไม่มาก นายสุรพจน์ ให้ข้อมูลว่า คนก่อเหตุยิงเป็นเพื่อนบ้านห้องเช่าใกล้กัน ชอบตะโกนต่อว่าตนว่าติดเครื่องยนต์จอดแช่ไว้นาน ทำให้รำคาญ ซึ่งตนก็บอกไปว่า รถยนต์ตนต้องติดเครื่องวอร์มแช่ไว้ก่อนทุกครั้ง […]

นายกฯ รับคลิปเสียงจริง ซัด “ฮุนเซน” ปล่อยหวังรัฐบาล-กองทัพแตกแยก

ทำเนียบ 18 มิ.ย.- นายกฯ รับคลิปเสียงคุย “ฮุนเซน” เป็นของจริง แจงปมบอกแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นเทคนิคการเจรจาต่อรองสร้างสันติภาพ หลัง “ฮุนเซน” โกรธ ชี้จุดประสงค์หวังสร้างคะแนนนิยมรัฐบาลกัมพูชาที่ไม่สนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รับไม่ไว้ใจ จากนี้ไม่ขอคุยส่วนตัว ปัดตอบสัมพันธ์ 2 ตระกูล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงด่วนกรณีมีคลิปเสียงสนทนาระหว่างที่พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เผยแพร่ออกมาผ่านโซเชียลมีเดีย โดยยอมรับว่าเป็นคลิปจริง เป็นการคุยกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ทราบข้อมูลจากล่ามที่แปลว่า ทางสมเด็จฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีการพูดกันก่อนหน้านั้น เมื่อได้คุยกัน ตนจึงบอกว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พูดกันแบบนี้ ในเมื่อเราทั้งไทยและกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว ในตอนนั้นก็ต้องพูดแบบนี้ อย่าไปคิดเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามจะทำความเข้าใจ เพราะทางฝั่งสมเด็จฮุน เซน โกรธเรื่องนี้ และเป็นเทคนิคในการพูดหลังไมค์หลังบ้านแบบส่วนตัว ซึ่งการคุยโทรศัพท์ก็ไม่ควรเอามาเปิดเผย เพราะเป็นเทคนิคในการเจรจาพูดคุยต่อรอง ส่วนตัวคิดว่า ตนทำเพราะมีจุดมุ่งหมายและมีประเด็นที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของบ้านเมืองและรักษาอธิปไตยของไทยไว้ ให้ผลประโยชน์อยู่กับประเทศชาติและประชาชน ตนก็คุยด้วยความซอฟต์และความนุ่มนวล เพราะบางทีเวลาคุยกันส่วนตัวก็เรียกกันลุงหลาน […]

ข่าวแนะนำ

“แพทองธาร” โพสต์พรรคร่วมฯ มีมติหนุนรัฐบาล ร่วมสร้างเสถียรภาพการเมือง

โรงแรมโรสวูด 22 มิ.ย.- นายกฯ โพสต์พรรคร่วมรัฐบาลมีมติหนุนรัฐบาล ร่วมกันสร้างเสถียรภาพทางการเมือง ชี้ ความเป็นหนึ่งเดียว ช่วยก้าวผ่านสถานการณ์อ่อนไหว เดินหน้ารับมือภัยคุกคามและความมั่นคง ภายหลัง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เชิญพรรคร่วมรัฐบาล หารือ ปรับคณะรัฐมนตรี แทนตำแหน่งที่ว่าง 8 ตำแหน่ง หลังภูมิใจไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล โดยใช้เวลาในการหารือประมาณ 1 ชั่วโมง ล่าสุด เมื่อเวลา 15.30 น. รถบรรดาหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลและเลขาธิการพรรคได้เดินทางออกจากโรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ ขณะที่ นายกรัฐมนตรีได้ ยังอยู่ภายในโรงแรม ก่อนที่ นายกรัฐมนตรี จะโพสต์ภาพถ่ายผ่านโซเชียลร่วมกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมระบุข้อความว่า “ประเทศชาติต้องเดินไปข้างหน้า สามัคคีประเทศไทย รวมพลังผลักดันนโยบาย แก้ไขปัญหาเพื่อประชาชน ขอขอบคุณคณะกรรมการบริหารและสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลทุกท่าน ที่มีมติและประกาศแนวทางสนับสนุนรัฐบาล ร่วมกันสร้างเสถียรภาพทางการเมือง เพื่อรับมือต่อภัยคุกคามความมั่นคงของชาติจากภายนอก และขับเคลื่อนนโยบายแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน ในช่วงเวลาที่รัฐบาลกับกองทัพมีจุดยืนร่วมกัน ยืนยันหลักการประชาธิปไตย ปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและรวมพลังสามัคคี ความเป็นหนึ่งเดียวของพรรคร่วมรัฐบาล จะเป็นหมุดหมายสำคัญในการผนึกกำลังกันของคนไทย ก้าวผ่านสถานการณ์อ่อนไหวนี้ด้วยความมั่นคง และประสบผลสำเร็จในการปกป้องอธิปไตย ธำรงไว้ซึ่งเกียรติยศศักดิ์ศรีของประเทศชาติและประชาชน ดิฉันเชื่อมั่นว่าไม่มีภัยคุกคามใดจะเหนือกว่าพลังสามัคคีของคนไทย […]

ชายถูกตีหัวทิ้งศพริมถนน พบก่อนตายโพสต์ภาพหลักฐานสำคัญ

สมุทรสาคร 22 มิ.ย.- พบศพชายถูกตีศีรษะเสียชีวิตริมถนน สืบหาเบาะแสจากโซเชียลเจอหลักฐานสำคัญ ตำรวจเร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุ ผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือนายอ้วน อายุ 33 ปี สภาพถูกของแข็งตีที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ ถูกทิ้งร่างไว้ริมถนนแคราย หมู่ 5 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ข้างศพมีขวดเบียร์ตกอยู่ และฝั่งตรงข้ามมีรถจักรยานยนต์ จอดอยู่หน้าร้านโชห่วยใกล้จุดพบศพ คาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้มีพลเมืองดีขับรถส่งน้ำแข็งผ่านมาพบร่าง จึงโทรแจ้งตำรวจ สภ.กระทุ่มแบนให้มาตรวจสอบ ช่วงตีสี่วันนี้   ตำรวจสังเกตเสื้อที่ผู้เสียชีวิตสวมใส่มีคำสกรีนเป็นชื่อเฟซบุ๊ก จึงเข้าไปตรวจสอบ พบว่าประมาณตีหนึ่ง ผู้เสียชีวิตสวมเสื้อตัวเดียวกัน และโพสต์ภาพคู่กอดคอกับชายคนหนึ่ง ระบุข้อความว่า “จบสะทีนะปัญหาหมู่บ้าน” และที่น่าสังเกตคือวิวในรูปเป็นริมถนนและมีขวดเบียร์ที่พบข้างศพตั้งอยู่ด้านหน้าด้วย และในโพสต์ มีคนมาแสดงความคิดเห็น ข้อความสำคัญว่า “ใครเป็นญาติครับติดต่อผมหน่อย เค้าโดนตี” เรื่องนี้ตำรวจจะเร่งตรวจสอบวงจรปิด คาดว่าจะติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้เร็ววันนี้ .-สำนักข่าวไทย

จับตานายกฯ นัดคุยหัวหน้าพรรคร่วม ปรับ ครม.

กรุงเทพฯ 22 มิ.ย. – จับตานายกฯ เชิญแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่เหลืออยู่หารือเป็นการภายใน คาดจะมีการพูดคุยเกลี่ยโควตาเพิ่มให้กับพรรคร่วมรัฐบาลตามความเหมาะสม ความเคลื่อนไหวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังมีรายงานว่า วันนี้ (22 มิ.ย.68) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเชิญแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่เหลืออยู่หารือเป็นการภายใน ภายหลังพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่างลง 8 ตำแหน่ง คาดว่าจะมีการพูดคุยเกลี่ยโควตาเพิ่มให้กับพรรคร่วมรัฐบาลตามความเหมาะสม โดยเมื่อเวลา 12.26 น. รถยนต์ของนายกรัฐมนตรีได้เลี้ยวเข้าโรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ.-316-สำนักข่าวไทย

“ฮุน มาเนต” สั่งปิดด่าน 2 แห่ง ตอบโต้ไทยปิดด่านช่องสายตะกู

22 มิ.ย.- “ฮุน มาเนต” นายกฯ กัมพูชา ออกคำสั่งปิดด่าน 2 แห่ง ตอบโต้ทางการไทยปิดด่าน “ช่องสายตะกู” เมื่อเวลา 07.00 น. “ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โพสต์หนังสือคำสั่ง โดยระบุว่า ให้ปิดด่านบ้านจุ๊บโกกี อ.บันเตียอำปึล จ.อุดรมีชัย จนกว่าไทยจะเปิดด่านช่องสายตะกู พร้อมระบุว่า เมื่อคืนวานนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย ของกัมพูชา ได้รับแจ้งจากกองทัพภาคที่ 2 ของไทย ว่า จะมีการปิดด่านชายแดนช่องสายตะกูอย่างไม่มีกำหนด นอกจากนี้ ผู้นำกัมพูชา ยังได้อนุมัติให้ปิดด่านช่องจวม อ.อัลลองเวง จ.อุดรมีชัย และจะแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ของไทย รับทราบ สำหรับคำสั่งปิด 2 ด่านดังกล่าว เป็นจุดที่อยู่ฝั่งตรงข้ามด่านช่องสายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ และด่านช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ -สำนักข่าวไทย