“อนุทิน” เปิดสัมมนาวิชาการความปลอดภัยทางถนน ย้ำความสำคัญ “Situation awareness”

กทม 20 พ.ย. – “อนุทิน” เปิดสัมมนาวิชาการระดับชาติ ความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 16 ย้ำความสำคัญ “Situation awareness” ตื่นตัว ตระหนัก รับผิดชอบ ชี้ต้องทำอุบัติเหตุให้เป็น 0 เพราะหนึ่งชีวิตก็เป็นเกรด F แล้ว


น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ได้เป็นประธานเปิดสัมมนาวิชาการระดับชาติ เรื่องความปลอดภัยทางถนน ครั้งที่ 16 (16th Thailand Road Safety Seminar) ภายใต้แนวคิด สานพลังเข้มข้น สร้างกลไกเข้มแข็ง เพื่อถนไทยปลอดภัย : Road Safety Stronger Together” ณ ศูนย์การประชุม อิมแพ็ค ฟอรั่ม อิมแพ็ค เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี

นายอนุทิน กล่าวในปาฐกถาเปิดการสัมมนาว่า ไม่ว่าจะได้ทำหน้าที่ในตำแหน่งใด ตั้งแต่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในรัฐบาลที่แล้ว และได้มีโอกาสมากำกับดูแลส่วนงานกระทรวงคมนาคมด้วย และในวันนี้ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาโดยตลอด โดยคำนึงถึง 4 ปัจจัยหลัก คือ 1.การสร้างจิตสำนึกในความปลอดภัยและความเข้าใจในกฎจราจร 2.การบังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด 3.การพัฒนาและบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานของถนน เส้นทางสัญจร และสัญญาณจราจร 4.การบำรุงรักษาสภาพของรถยนต์ให้มีความปลอดภัย อยู่ในสภาพดีเสมอ ซึ่งในประเทศไทยมีหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ที่เราร่วมมือกันดูแลเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว และมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง


ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นับตั้งแต่มีระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน พ.ศ. 2554 จนถึงปัจจุบัน รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีการขับเคลื่อนและดำเนินการผ่านคณะกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ และคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนทุกระดับร่วมกับภาคีเครือข่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยทางถนน และขณะเดียวกันเรายังร่วมกับรัฐบาลทั่วโลก ร่วมประกาศทศวรรษที่ 2 แห่งความปลอดภัยทางถนน (The second Decade of Action for Road Safety 2021-2030) มีห้วงระยะเวลา 10 ปี ซึ่งวันนี้เราผ่านไป 4 ปีแล้ว ตามมติสมัชชาใหญ่สหประชาชาติที่มีการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนเพื่อลดจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางถนน อย่างน้อยร้อยละ 50 โดยประเทศไทยได้กำหนดเป้าหมายในการลดอัตราผู้เสียชีวิตให้เหลือ 12 คนต่อประชากร 100,000 คน ภายในปี 2570 นี้ ซึ่งเป็นหมุดหมายสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยทางท้องถนนให้กับนานาประเทศ แต่ประเทศไทยก็กำลังเผชิญกับความท้าทายต่างๆ รวมถึงการสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด อันเป็นสาเหตุของการเกิดการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร แม้กระทั่งในกลุ่มเด็กและเยาวชน ซึ่งเรามีอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 59% และในวัยทำงาน 28% โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มรถจักรยานยนต์ ซึ่ง 1 ใน 5 จากค่ารักษาพยาบาลของผู้ประสบอุบัติเหตุทางถนนอยู่ในกลุ่มรถจักรยานยนต์ ส่งผลต่อตัวเลขความสูญเสียทางโอกาสและเศรษฐกิจและชีวิตของคนในชาติเป็นจำนวนมหาศาล ซึ่งหมายความว่าสิ่งที่เราทำมาโดยตลอดนี้ยังไม่เพียงพอและยังไม่บรรลุเป้าหมาย ยังมีภารกิจที่เราจะต้องร่วมมือทำกันอีกมาก เพื่อให้เกิดความปลอดภัยให้มากที่สุด เพื่อรักษาชีวิตของพี่น้องประชาชนของเรา

นายอนุทิน กล่าวว่า การป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนต้องอาศัยการบูรณาการรณรงค์ร่วมมือของทุกภาคส่วน ต้องมีการปรับตัวอยู่เสมอ เพราะมูลเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุนั้นก็เปลี่ยน มีสภาพการที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เช่น สังคมที่เปลี่ยนแปลงไปเป็นสังคมที่เร่งรีบ เกิดอาชีพใหม่ๆ ที่ต้องใช้ยวดยานพาหนะเป็นตัวขับเคลื่อน เหมือนตอนนี้ธุรกิจใหม่ๆ เช่น LINE Man Grab ส่งอาหาร ต้องส่งให้เร็ว ต้องส่งให้ด่วน ต้องหิ้วของไปให้มากที่สุดบนหลังรถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันเป็นเทรนด์ใหม่ ซึ่งหากย้อนไป 10-20 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้มีมากขนาดนี้ ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดความเสี่ยงต่อการสูญเสียเพิ่มมากขึ้น และในทุกวันนี้อุปกรณ์การช่วยอำนวยความสะดวกเพื่อลดภาระของผู้ขับขี่ยวดยานพาหนะก็เพิ่มมากขึ้น มีระบบ Automatic ต่างๆ จนบางที “เราใช้ Situation awareness หรือการใช้สัญชาตญาณเพื่อให้เกิดความปลอดภัยลดน้อยลง” เดี๋ยวนี้บางทีไปไหนเราใช้หูฟัง เลี้ยวซ้ายภายใน 300 เมตร เลี้ยวขวาภายใน 20 เมตร มันทำให้เราไม่ได้มีสมาธิในการดูสถานการณ์รอบตัว ซึ่งคำนี้ตนเรียนรู้มาจากการเป็นนักบินว่า ถึงแม้เราจะบังคับอากาศยานของตัวเองในอากาศก็ตามที ถึงแม้ว่าอากาศจะไม่มีเครื่องบินข้างๆ ไม่มีไฟแดง ไม่มีสี่แยก แต่คุณต้องมี Situation awareness คือ ต้องคิดตลอดว่าถ้าตอนนี้ วันนี้เครื่องมันดับ จะทำอย่างไร ต้องทำความคุ้นเคยกับสภาพภูมิประเทศที่บินผ่านไป ซึ่งที่จริงแล้ว Situational awareness มันไม่ได้ใช้แค่อยู่บนอากาศ แต่มันต้องอยู่ทุกที่ เดินเข้ามาในห้องประชุมนี้ก็ต้องระวังอย่าไปเตะปลั๊กกลางห้อง ดังนั้น Situation awareness หรือความระมัดระวังเพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับเรา ในสภาพรอบตัวเรา ควรจะต้องมีไว้ตลอดเวลา

นายอนุทิน กล่าวว่า สัมมนาวิชาการฯ วันนี้เรามีการมอบโล่ประกาศเกียรติคุณมากมายให้กับทุกๆ ท่าน ก็ต้องถือว่าสิ่งที่เราได้มา บางทีมันก็แลกกับชีวิตของผู้เคราะห์ร้ายที่เป็นกลุ่มเสี่ยง เราจึงต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อที่ทำให้โลกที่เราได้มาได้มาจากการทำงานหนัก การทุ่มเทของเรามากกว่าการที่ต้องมีต้นทุนที่หนักหนาสาหัสมาก ก็คือ ชีวิตของผู้สัญจรไปมาหรือชีวิตของประชาชนที่ต้องแลกกับมันมา


หลายคนทราบดีว่าเมื่อมีอุบัติเหตุทางถนนไม่ว่าสาเหตุใดก็ตามมันนำมาซึ่งความเศร้าโศก สลด หดหู่ใจ เสียกำลังใจ ดังนั้น ตราบใดที่เรายังมีภารกิจหน้าที่ที่ต้องดูแลงานด้านนี้อยู่ ตนขอให้ทุกท่านอย่าได้เสียกำลังใจ และต้องสร้างกลไกต่างๆ เพื่อไม่ให้สิ่งเหล่านี้ได้อุบัติขึ้นซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ดังกรณีไฟไหม้รถบัสของน้องๆ นักเรียน ไม่มีใครสามารถทนเห็นสภาพจริงได้ ไม่ว่าเราจะเข้มแข็งขนาดไหน ถ้าไปเจอสภาพจริงในวันนั้น ต้องปาดน้ำตา เพราะมันไม่ไหวจริงๆ ทั้งสลดกับคนที่สูญเสียชีวิต ทั้งสลดกับผู้บาดเจ็บ สลดกับคนที่เหลือ ญาติ แล้วก็นึกถึงอนาคตของเขา แล้วที่น่าสลดที่สุดคือ มันป้องกันได้ ทำไมปล่อยให้เหตุมันเกิดขึ้น ดังนั้น เราต้องใส่ใจตลอดเวลาว่า มันไม่มีแม้กระทั่ง 1% ที่เราจะยอมให้เกิดความเสี่ยง ถ้าเราคิดแบบนี้ได้เราก็จะไม่ยอม ไม่มีการเพิ่มถังแก๊สแม้กระทั่งครึ่งถังหรือ 1 ถัง กฎหมายให้ใส่ 6 ถังก็ต้องใส่ 6 ถัง ถ้าใส่เกินกว่านั้นต้องดำเนินคดีด้วยความเฉียบขาด ซึ่งมันก็เป็นข้อเสนอของทุกครั้งที่มีการประชุม เราต้องอย่าให้มันเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกครั้ง แล้วจึงค่อยมาใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ มันสายเกินไป ขณะเดียวกันผู้ขับขี่ผู้ใช้ยวดยานบนถนน คนขับก็ต้องคิดว่า เราไม่ได้รับผิดชอบชีวิตเรา เรารับผิดชอบชีวิตทุกคนที่อยู่หลังพวงมาลัยเรา

ต้องมีความตื่นตัว ต้องมีสำนึกว่าเรากำลังมีคนอยู่ในภาระความรับผิดชอบของเรา ถ้าเราทุกคนช่วยกันร่วมมืออุบัติเหตุมันก็จะลดน้อยลง เขาให้ขับไม่เกิน 120 ก็อย่าเกิน 120 แขวนพระอะไรก็ช่วยไม่ได้ เพราะหลวงพ่อคูณยังเคยบอกว่ากระโดดลงตั้งแต่ขับเกิน 120 แล้ว ดังที่มีคนเคยไปโวยวายท่านว่าแขวนหลวงพ่อแล้วทำไมรถยังคว่ำ ยังบาดเจ็บสาหัส หลวงพ่อเลยถามว่าแล้วขับไปเท่าไร คนนั้นตอบขับแค่ 160 170 หลวงพ่อจึงบอกว่า กูกระโดดลงตั้งแต่ 120 แล้ว ซึ่งมันเป็นข้อสั่งสอนที่ง่ายมากที่เราเข้าใจ เพราะถ้าเราขับเกิน Limit เมื่อไร เข็มความเสี่ยงที่เกิดขึ้นมันก็จะเคลื่อน ถ้าเราอยู่ในวงการนี้อุบัติเหตุมันก็จะเกิดขึ้น เรียกว่า Chain of Event จะเริ่มจาก 1 2 3 4 เขาเรียกว่า ห่วงโซ่สถานการณ์ เราต้องอย่าให้มันนับ 1 เด็ดขาด ไม่งั้นมันก็จะไป 2 3 4 5 และไปถึงจุดที่รับไม่ได้และจะเกิดเหตุที่ไม่พึงประสงค์ขึ้น ต้องมีความตื่นตัว มีความตระหนัก ความรับผิดชอบ และความพร้อมตลอดเวลา แล้วมันก็จะไม่มีปัญหา “เราต้องทำให้เป็น 0 เพราะหนึ่งชีวิตก็เป็นเกรด F แล้ว เป็นเป้าหมายที่เราทำได้”

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า นายอนุทินได้ขอบคุณและชื่นชมคณะกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ และคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลร่วมกับศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน มูลนิธินโยบายถนนปลอดภัย หน่วยงานภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม องค์กร มูลนิธิ และเครือข่ายด้านความปลอดภัยทางถนน ที่ได้ร่วมกันจัดงานครั้งนี้ โดยการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และกองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน และแสดงความยินดีกับองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน และบุคคลที่ได้รับการพิจารณาให้ได้รับรางวัล Prime Minister Road Safety Award

นอกจากนี้ นายอนุทิน ได้รับมอบข้อเสนอความปลอดภัยในการเดินทางของเด็กและเยาวชนจากกลุ่มเครือข่ายสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทยและเครือข่ายเยาวชน Road Safety Idol เขตสุขภาพที่ 7 และมอบรางวัล Prime Minister Road Safety Award จำนวน 6 ประเภท คือ 1) หน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ 1.กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 2.กองป้องกันการบาดเจ็บ กรมควบคุมโรค 3.สำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร 4.ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัดศรีสะเกษ 5.ศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนนอำเภอกมลาไสย 6.องค์การบริหารส่วนจังหวัดอุตรดิตถ์

2) หน่วยงานสถานศึกษา ได้แก่ 1.มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จ.นครศรีธรรมราช 2.สถาบันจัดการปัญญาภิวัฒน์ จ.นนทบุรี 3.โรงเรียนโนนไทยคุรุอุปถัมภ์ จ.นครราชสีมา 4.โรงเรียนเทศบาล 2 (คลองจิหลาด) จ.กระบี่

3) หน่วยงานท้องถิ่น ได้แก่ 1.เทศบาลตำบลโพนสูง จ.ร้อยเอ็ด 2.เทศบาลตำบลบางจะเกร็ง จ.สมุทรสงคราม 3.ศูนย์ปฏิบัติการทางถนน อบต.นาเคียน จ.นครศรีธรรมราช 4.ศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนน อบต.กุแหระ จ.นครศรีธรรมราช 5.ศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนน อบต.กุดเสลา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ 6.อบต.ดอนคา จ.สุพรรณบุรี

4) ประเภทหน่วยงานภาคเอกชน 1.บจก.อีสเทิร์นซีบอร์ดอินดัสตรี้เอสเตทระยอง 2.บจก.อินเตอร์เนชั่นแนลเอ็นแอนด์เอช (ประเทศไทย) 3.บจก.ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ 4.บมจ.ธนชาตประกันภัย 5.บจก.อาร์อาร์ที ออร์โตโมทีฟ (ประเทศไทย) 6.บจก.โตโยต้ามอเตอร์ (ประเทศไทย) 7.บจก.ไทยฮอนด้า 8.บจก.บอส ออร์โตโมทีฟ (ประเทศไทย)

5) ประเภทบุคคล 25 ราย อาทิ นายไกรสร กองฉลาด นายวันชัย คงเกษมจ นายสุวัฒน์ เข็มเพชร นายวิทยา จันทน์เสนะ นายบรรจง โพธิวงศ์ นางธัญวรรณ ศรีรัตนโชติ นพ.อำนวย กาจีนา นพ.ปรีชา เปรมปรี รศ.ดร.วีรพล ทองมา

ทั้งนี้ งานสัมมนาวิชาการฯ มีผู้มีเกียรติและคณะผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ร่วมงาน อาทิ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทย นายสมเจตน์ ลิมปะพันธุ์ ที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี.-319-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ บอกเวลา 4 เดือน เศรษฐกิจต้องไปข้างหน้า “มีรูมีหนู”

สภาหอการค้าฯ 18 ก.ย.-นายกฯ บอกเวลา 4 เดือน เศรษฐกิจต้องไปข้างหน้า “มีรูมีหนู” ต้องผลักดันเต็มที่ พร้อมแก้ไขปัญหาภาคเอกชนสู่นโยบายรัฐบาล ยันทำทุกทางให้ไทยเป็นคู่ค้าที่ได้เปรียบ ไม่ปิดกั้นนโยบายคนอื่น ขอให้วินวินทุกฝ่าย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุมหารือกับสภาหอการค้าไทยว่า ตนและทีมงานได้มาพบกับทางคณะกรรมการสภาหอการค้าไทย เหมือนกับวันที่เราไปเยี่ยมที่สภาอุตสาหกรรม เราพยายามที่จะไปพบกับภาคเอกชนก่อนที่จะเข้าไปบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อที่จะได้รับฟังข้อเสนอแนะและปัญหาที่ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลได้สนับสนุนหรือแก้ไข จะรวบรวมข้อมูลให้มากที่สุด เพื่อเวลาเข้าไปทำงานจะได้ดำเนินการให้ทุกอย่าง ขับเคลื่อนไปด้วยความรวดเร็ว มาพบกับคณะผู้บริหารสภาหอการค้าไทย ถือว่าเป็นตัวแทนของผู้ประกอบการ เรารับฟังข้อเสนอแนะข้อกังวล สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการให้รัฐบาลได้ดำเนินการ เพื่อทำให้เกิดความคล่องตัว ทั้งด้านการเงิน ภาระหนี้สิน ดอกเบี้ย พลังงาน การส่งออก แรงงาน และโอกาสต่างๆ สำหรับประเทศไทยในอนาคต ได้มีการหารือลงในรายละเอียดมากพอสมควร และจะต้องมีการพบกันเป็นประเด็นไปหากมีความจำเป็น แต่ในภาพรวมจะหาโอกาสมาหารือให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อถามว่า หารือแล้วได้จัดเตรียมมาตรการความเชื่อมั่นด้านเศรษฐกิจอย่างไรบ้าง นายอนุทิน เผยว่า รับฟังปัญหาต่างๆ เรื่องของการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้กับผู้ประกอบการ แรงงาน ภาษี ขนส่งต่างๆ เราพยายามที่จะทะลายข้อจำกัดที่มีอยู่ ไม่จำเป็นไม่ปิดกั้นโอกาส ส่วนรายละเอียด ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จะนำสิ่งเหล่านี้ไปหาทางทำให้คล่องตัวขึ้น […]

ตำรวจเสริมกำลังบ้านหนองหญ้าแก้ว

สระแก้ว 18 ก.ย. – ตำรวจเสริมกำลังที่บ้านหนองหญ้าแก้ว หลังวานนี้ชาวกัมพูชาพยายามเข้ามาทำลายทรัพย์สิน รื้อลวดหนามในพื้นที่อธิปไตยไทย จนเจ้าหน้าที่ต้องผลักดันออกไป ที่วัดหนองหญ้าแก้ว ยังเป็นจุดพักของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเฝ้าติดตามสถานการณ์ว่าจะเกิดเหตุการณ์ชาวกัมพูชาพยามเข้ามารื้อลวดหนาม ซึ่งถือเป็นทรัพย์สินราชการในพื้นที่บริเวณอธิปไตยของไทยอีกหรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็ต้องบังคับใช้กฎหมายมีการดำเนินการอย่างที่ปฏิบัติมาเมื่อวานนี้ตามหลักสากล เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม เพราะจากข้อมูลตามเพจ พบชาวกัมพูชาระดมมวลชนเพิ่ม ดังนั้น วันนี้นอกจากตำรวจในจังหวัดสระแก้วแล้ว ยังมีการเสริมกำลังตำรวจในพื้นที่ใกล้เคียงเข้ามาอีก 2 กองร้อย 340 คน ได้แก่ ตำรวจจากปราจีนบุรีและฉะเชิงเทรา อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุเมื่อวานนี้ ทางกองทัพบกย้ำว่าจุดปะทะพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตไทย การที่ชาวกัมพูชาบุกรุกเข้ามาทำลายสิ่งของทางราชการ และก่อการจลาจลบนแผ่นดินไทย เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงต้องถูกดำเนินการตามกระบวนการ และยืนยันการดำเนินการของฝ่ายไทยเป็นไปตามขั้นตอนตั้งแต่การเจรจา แจ้งเตือน และควบคุมการจลาจลตามหลักสากล โดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับฝ่ายปกครอง ที่สำคัญพบว่าทหารของกัมพูชาที่ร่วมในเหตุการณ์กลับไม่ห้ามปราม และมีท่าทีสนับสนุนการจลาจล ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุการณ์ฝ่ายกัมพูชายังออกแถลงการณ์บิดเบือนข้อมูลทั้งหมดนี้แสดงถึงเจตนาของฝ่ายกัมพูชาในการใช้ประชาชนออกหน้ารุกล้ำดินแดนไทยและความไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ชายแดนตามข้อตกลงหยุดยิงย้อนแย้งกับภาพลักษณ์ที่รัฐบาลกัมพูชาพยายามสร้างต่อสังคมโลกว่าเป็นผู้แสวงหาสันติภาพ. -สำนักข่าวไทย

นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกสภาหอการค้าไทย

สภาหอการค้าไทย 18 ก.ย.-นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกสภาหอการค้าไทย ย้ำนำชื่อ ครม. ทูลเกล้าฯ แล้ว ลั่นลุยงานทันที หลังโปรดเกล้าฯ เผย “เอกนิติ” คัด รมช.คลัง มาเองกับมือ โวเร่งเศรษฐกิจไทยให้กลับมาเข้มแข็ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ระหว่างคณะรัฐบาล และคณะกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยนายอนุทินกล่าวว่า มาวันนี้เพื่อพบกับทุกคน และมีว่าที่รัฐมนตรีที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ ซึ่งทุกคนในที่นี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับตน เจอกันมานาน มีความสนิทสนมคุ้นเคย เคารพนับถือกันเป็นอย่างดี นายอนุทิน กล่าวว่า สิ่งที่มาวันนี้ เพื่อมาพบทุกท่านและนำว่าที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจมาแนะนำให้รู้จัก เชื่อว่าหลายคนก็รู้จักกันดีอยู่แล้ว วันนี้ตั้งใจมารับฟังรายละเอียด และรับฟังข้อเสนอแนะจากสภาหอการค้าไทย รัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้เป็นรัฐบาลที่จะเน้นในการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย ให้มีความกระชับและเข้มแข็งขึ้นเร็วที่สุด ภายใต้ระยะเวลาที่มีอยู่ นายอนุทินยังแนะนำผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีของตนซึ่งได้ทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อไปแล้ว เมื่อมีการโปรดเกล้าฯ ก็จะเร่งแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา และสามารถบริหารราชการแผ่นดินได้ จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้แนะนำว่าที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจให้ผู้ร่วมประชุมได้รู้จัก โดยในขณะที่แนะนำว่าที่รัฐมนตรี นายอนุทิน ได้กล่าวถึงนายวรภัค ธันยาวงษ์ ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ว่า เป็นคนฝีมือดี ซึ่งนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส […]

พายุในทะเลจีนใต้ ส่อแรงขึ้นเป็นโซนร้อน ทำฝนเพิ่มระยะนี้

กรุงเทพฯ 18 ก.ย.-กรมอุตุฯ เตือนพายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีแนวโน้มทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน แม้จะไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่ส่งผลให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นพาดผ่านตอนกลางประเทศ ทำให้ไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และบางพื้นที่อาจมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ย้ำจะมีฝนตกต่อเนื่องถึงต้นเดือนตุลาคม นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศเปิดเผยว่า พายุลูกดังกล่าวมีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 19.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 120.0 องศาตะวันออก บริเวณประเทศฟิลิปปินส์ เคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนแล้วในช่วงเช้าวันนี้ (18 ก.ย.) โดยมีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และกำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือค่อนตะวันตกเล็กน้อย ด้วยความเร็ว 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่า จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 19–20 กันยายน 2568 ทั้งนี้แม้พายุไม่ได้เข้าไทยโดยตรง แต่จากอิทธิพลทางอ้อมของพายุ จะดันให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบมีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมากในช่วงวันที่ 18–25 กันยายนนี้ พื้นที่ที่มีแนวโน้มฝนตกสะสมในระดับเสี่ยง ได้แก่ จังหวัดอำนาจเจริญ อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน […]