ทำเนียบฯ 22 เม.ย.-นายกฯ หารือผู้แทนพิเศษเลขาธิการสหประชาชาติ ด้านความปลอดภัยทางถนน เดินหน้าสานต่อความร่วมมือด้านความปลอดภัย มั่นใจ ปีนี้ไทยลดสถิติอุบัติเหตุได้ดีในรอบหลายปีที่ผ่านมา
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พบหารือกับนายฌอง ท็อด (Mr. Jean Todt) ผู้แทนพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติด้านความปลอดภัยทางถนน (UN Secretary General’s Special Envoy for Road Safety) และคณะ
โดยนายกรัฐมนตรีและผู้แทนพิเศษสหประชาชาติฯ ได้ร่วมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเชิงนโยบายเกี่ยวกับแนวทางการยกระดับมาตรการด้านความปลอดภัยทางถนนของไทย ซึ่งยังคงเผชิญกับอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนในระดับสูง โดยเฉพาะผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ คิดเป็นกว่า 80% ของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น โดยปัญหาดังกล่าวส่งผลต่อทั้งสุขภาพของประชาชนและศักยภาพทางเศรษฐกิจไทยในระยะยาว โดยนายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่า รัฐบาลไทยตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวมาโดยตลอด โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญ เช่น สงกรานต์ ซึ่งมีอัตราอุบัติเหตุสูงกว่าปกติ และในปีนี้รัฐบาลสามารถลดจำนวนอุบัติเหตุลงได้
ด้านผู้แทนพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติฯ ชื่นชมบทบาทของรัฐบาลไทยที่ให้ความสำคัญต่อการยกระดับความปลอดภัยบนท้องถนน ผ่านโครงการรณรงค์ของรัฐบาล และกรุงเทพมหานคร ที่มีการส่งเสริมการใช้หมวกนิรภัยให้แก่เด็กและเยาวชน และเน้นย้ำถึงการส่งเสริมการใช้หมวกนิรภัยมาตรฐาน ซึ่งได้รับการยืนยันจากองค์การอนามัยโลกว่าสามารถลดความเสี่ยงการเสียชีวิตและบาดเจ็บได้ พร้อมเสนอแนะแนวทางต่อยอดให้โครงการดังกล่าวเป็นต้นแบบระดับชาติให้ครอบคลุมทุก ๆ จังหวัดในไทย
ทั้งนี้ ผู้แทนพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติฯ ได้เสนอแนวทางกำหนดให้ผู้จำหน่ายจักรยานยนต์ต้องแถมหมวกนิรภัยมาตรฐานเพื่อป้องกันการสูญเสีย โดยเสนอให้ไทยพิจารณาการนำหมวกนิรภัยที่มีมาตรฐานสากลมาใช้ และอาจพิจารณายกเว้นหรือลดภาษีนำเข้าอุปกรณ์ดังกล่าว เพื่อจูงใจประชาชน ซึ่งนายกรัฐมนตรี รับทราบและเห็นว่าเป็นประโยชน์และส่งผลต่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนโดยตรง ซึ่งจะนำไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้แสดงเจตจำนงร่วมกันในการสานต่อความร่วมมือเพื่อส่งเสริมความปลอดภัยทางถนน พร้อมทั้งยินดีแสวงหาโอกาสความร่วมมือกับภาคประชาสังคมและภาคเอกชน เช่น การเชิญศิลปินระดับโลกของไทยเข้าร่วมเป็นทูตส่งเสริมความปลอดภัยบนท้องถนน ร่วมกับบุคคลที่มีบทบาทสำคัญระดับนานาชาติ และพร้อมร่วมมือกันเดินหน้าขับเคลื่อนความร่วมมือเพื่อส่งเสริมความปลอดภัยทางถนนอย่างยั่งยืนต่อไป.-316.-สำนักข่าวไทย