กทม. 12 พ.ค.-ลุ้นพรุ่งนี้(13 พ.ค.) ชง ก.ต.พิจารณาคลิปคล้ายอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาทุจริตฯภาค 8 ไม่เเสดงใบขับขี่ หลัง เลขาฯศาลยุติธรรมเซ็นหนังสือให้ชี้เเจง
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบจากกรณีเมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ได้เซ็นหนังสือถึงนายไกรรัตน์ วีรพัฒนาสุวรรณ อธิบดีผู้ พิพากษาศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 ให้ชี้เเจงข้อเท็จจริง ถึงกรณีปรากฏคลิปภาพโดนตำรวจเรียกตรวจใบขับขี่ จนมีการกระทบกระทั่งกับตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณด่านตรวจในพื้นที่ สภ.อ.ทุ่งใหญ่ จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมากนั้น
แหล่งข่าวระดับสูงของศาลยุติธรรมได้อธิบายขั้นตอนว่า หากมีการชี้เเจง เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมในฐานะเลขานุการคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม หรือ ก.ต. จะเป็นผู้รวบรวมข้อเท็จจริงก่อนนำเสนอที่ประชุม ก.ต. ซึ่งต้องรอดูว่าการชี้เเจงจากอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาทุจริตฯภาค 8 จะนำเสนอทันในการประชุม ก.ต.วันพรุ่งนี้(13 พ.ค.)หรือไม่ เเต่ยังมีอีกกรณี คือ ก.ต.ได้เห็นภาพหรือทราบเหตุการณ์เอง แล้วหยิบยกเรื่องดังกล่าวในที่ประชุม ก.ต.ก็จะนำเข้าพิจารณาในที่ประชุม ซึ่งประเด็นนี้ มีความเป็นไปได้เช่นกัน ส่วนเมื่อประชุมเเล้วทาง ก.ต.จะมีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงหรือไม่นั้น ตามขั้นตอนหาก ก.ต.หยิบยกขึ้นมาพิจารณาในที่ประชุม ก.ต. ก็เป็นอำนาจของประธานศาลฎีกาที่จะพิจารณานำเรื่องที่รับฟังมาจาก ก.ต.เเล้วมีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นเลยหรือไม่ ซึ่งการสอบข้อเท็จจริงนั้นจะมีการสอบว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายมีมูลหรือไม่ หากผลออกมาว่ามีมูล เป็นเรื่องผิดวินัยไม่ร้ายเเรงก็จะส่งคณะอนุกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (อ.ก.ต.)พิจารณากลั่นกรองทำความเห็นส่ง ก.ต.พิจารณาโทษได้เลย เเต่หากสอบเเล้วว่ามีมูลที่จะเป็นวินัยร้ายเเรง จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายเเรงขึ้นมาอีกชุดก่อนส่ง อ.ก.ต.กลั่นกรองทำความเห็นส่ง ก.ต.พิจารณาต่อไป ส่วนกระเเสการเรียกร้องให้ย้ายนายไกรรัตน์ ออกจากพื้นที่จะต้องพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนตามขั้นตอนที่บัญญัติไว้ ไม่ใช่รับฟังจากสื่อมวลชน หรือกระเเสสังคมด้านเดียว ต้องเปิดโอกาสให้มีการชี้เเจงเเละตรวจสอบอย่างรอบคอบ ซึ่งระบบของศาลยุติธรรมนั้นถูกออกเเบบมาเพื่อป้องกันการถูกเเทรกเเซงการพิจารณาพิพากษาจากบุคคลภายนอกเพื่อประกันความเป็นอิสระในการพิจารณาพิพากษาคดี การจะมีคำสั่งใดๆ ที่เกี่ยวกับการโยกย้ายเเต่งตั้งจะต้องมีการพิจารณาตรวจสอบอีกทั้งการกระทำดังกล่าวยังไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ในงานคดี ที่จะต้องมีคำสั่งย้ายด่วน ส่วนประเด็นที่นายไกรรัตน์ ดำรงตำเเหน่งถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาทุจริตฯภาค 8 ซึ่งเป็นศาลที่มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาคดีทุจริตฯของข้าราชการซึ่งรวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่นั้นเเล้วจะใช้อำนาจกลั่นเเกล้งใครนั้น เรื่องนี้ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่ว่านายไกรรัตน์ จะสามารถใช้อำนาจกลั่นเเกล้งใคร เนื่องจากการพิจารณาคดีในศาลจะใช้ผู้พิพากษาที่เป็นองค์คณะเป็นผู้พิจารณาสำนวนเเละมีความเป็นอิสระในการพิจารณาพิพากษา ต่อให้ผู้บริหารระดับสูงเเค่ไหน ก็ไม่สามารถเเทรกเเซงคดีที่ความเป็นอิสระของผู้พิพากษาไปสั่งการให้มีใครกลั่นเเกล้งบุคคลใดได้ ไม่มีผู้พิพากษาคนใดกล้าเสี่ยงในเรื่องเเบบนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับระดับการลงโทษวินัยผู้พิพากษาในโทษวินัยไม่ร้ายเเรง จะประกอบด้วยการตักเตือน ภาคทัณฑ์ ตัดเงินเดือน หรือลดเงินเดือน ส่วนโทษวินัยร้ายเเรง คือ ปลดออก ไล่ออก.-สำนักข่าวไทย