กรุงเทพฯ 12 พ.ค.- สงครามการค้าจีน-สหรัฐรอบใหม่ เอกชนมองว่า ไทยจะได้รับผลบวกมากกว่าลบ แนะรัฐบาลดึงดูดการลงทุน พร้อมเจรจา FTA กับประเทศคู่ค้าเช่น อินเดีย พร้อมส่งสัญญาณถึงภาคการเมืองควรเร่งจัดตั้งรัฐบาล
นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึงผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ ว่า มองผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทยในทางบวก ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์มาก เนื่องจากนักธุรกิจจีนสหรัฐต่างประหนักในผลกระทบจากสงครามการค้าที่ยืดเยื้อ ล่าสุดนักลงทุนจากจีนเข้ามายื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการรส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มากขึ้น เนื่องจากประเทศไทยยังมีโอกาสในการเป็นฐานการผลิตสินค้าส่งออกได้ทั้งกลุ่มตลาดอาเซียนและตลาดสหรัฐได้ บริษัทจากสหรัฐซึ่งมีโรงงานทั้งในประเทศจีนและไทยกำลังพิจารณาโอกาสที่จะเพิ่มกำลังการผลิตในประเทศไทยเพื่อส่งออกไปยังจีนและสหรัฐได้ ด้านผู้ประกอบการไทยตื่นตัวไม่นิ่งนอนใจ และให้ความสนใจที่จะหาลู่ทางให้ประเทศไทยเป็นตัวกลางในการส่งออกสินค้าไปได้ทั้งภูมิภาคอาเซียน จีน และส่งออกไปสหรัฐด้วย อย่างไรก็ตาม ต้องระมัดระวังไม่ให้การย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนจากจีนและสหรัฐไปลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านของไทยแทน อีกส่วนคือ บริษัทญี่ปุ่นที่ลงทุนในจีนขณะนี้ทยอยออกมาลงทุนในอาเซี่ยนและประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น เพราะว่าไม่มั่นใจว่า การผลิตในจีนจะส่งออกไปสหรัฐได้หรือไม่
สินค้ากลุ่มที่จะได้รับผลดีส่งออกเพิ่มขึ้นได้ในอนาคตได้แก่ สินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ขณะนี้อยู่ในจุดที่สุ่มเสี่ยง แต่ถ้าหากย้ายเข้ามาผลิตในประเทศไทยได้จะได้ผลบวก ขณะเดียวกันยังมีสินค้าเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะมีการเข้ามาผลิตในประเทศไทยมากขึ้น ดังนั้นจึงต้องการให้รัฐบาลไทยช่วยอำนวยความสะดวกในการย้ายฐานการผลิตของนักลงทุนจีนและสหรัฐที่จะย้ายฐานการผลิตเข้ามาตั้งโรงงานในประเทศไทย และช่วยให้เกิดการจ้างแรงงานไทยเพิ่มขึ้นด้วย
“ผมมองในมุมบวกมากกว่า ประเทศไทยยังมีโอกาสอีกมาก ด้านท่องเที่ยวต่างชาติก็ต้องการเข้ามาทำธุรกิจด้วยเช่นกัน ดังนั้นการเมืองก็ขอให้เดินหน้าไปแต่ขอให้ข้าราชการนักธุรกิจทำงานอย่างเข้มแข็ง ทุกอย่างจะเดินหน้าไปได้ โดยมองเศรษฐกิจไทยปีนี้จะโตบวกลบที่ร้อยละ 4 ส่วนส่งออกปีนี้โตประมาณร้อยละ 4-6 ตามกรอบที่คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบันประเมินไว้” นายกลินท์ กล่าว
นายกลินท์ มองการตั้งรัฐบาลใหม่ว่า การตั้งรัฐบาลคงจะเสร็จประมาณ 1 เดือนข้างหน้า แต่ที่สำคัญขอให้ความสำคัญประเทศชาติประชาชนเป็นสำคัญ เพราะประเทศไทยไม่ใช่ของเล่นของใคร ผู้ที่เข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทยและเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยก็จะมีความสุข ผู้ประกอบธุรกิจได้เงิน นักท่องเที่ยวมีความสุข คนไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น ทุกอย่างขยับสู่ดิจิทัลมากขึ้น ด้านการศึกษาเริ่มปรับปรุงดีขึ้น ในอนาคตค่อยเป็นค่อยไป และเรื่องความสงบเรียบร้อยความปลอดภัยและช่วยกันเป็นเรื่องสำคัญ
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) สงครามการค้าจีน-สหรัฐกระทบกับเศรษฐกิจโลกด้วย สำหรับประเทศไทยผลิตภัณฑ์ส่งออกใดยังพึ่งพิงการส่งออกไป 2 ประเทศดังกล่าว ก็จะกระทบตามไปด้วย แต่ถ้าอุตสาหกรรมที่ไทยเป็นคู่แข่งกับจีน จะได้รับผลกระทบในทางบวกมากกว่า ส่วนภาพรวมผลกระทบทั้งหมดกับอุตสาหกรรมไทย ส.อ.ท.อยู่ระหว่างศึกษาว่าจะมีอุตสาหกรรมใดบ้างที่สหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าที่ส่งออกมาจากประเทศจีน
สำหรับสิ่งที่ต้องการให้รัฐบาลช่วยดูแลนั้น ได้แก่ ช่วยผลักดันการค้าประเทศอื่นๆ มากขึ้น โดยเดินหน้าเจรจาเดินหน้าข้อตกลงเขตเสรีการค้าหรือ FTA กับประเทศคู่ค้าต่างๆ มากขึ้น เช่น FTA ไทย-อินเดีย เป็นต้น และท่ามกลางเศรษฐกิจโลกเริ่มชะลอตัวลง และจีนกับสหรัฐยังทำสงครามการค้าสลับกับการเจรจากันไปอย่างนี้ ตราบใดที่สหรัฐยังคงขาดดุลการค้ากับสหรัฐแม้จะพยายามกีดกันการค้ากับจีนแล้วก็ตาม ดังนั้นจึงคาดว่าการส่งออกของไทยปีนี้จะโตได้ในกรอบร้อยละ 3-5
“วันนี้เป็นโอกาสที่จะส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทย อยากให้เร่งดำเนินการ ชักจูงการลงทุนจากประเทศอื่นๆ ที่ทำการค้ากับจีนและสหรัฐ ให้เข้ามาขยายฐานการผลิตเข้ามาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น เช่น นักลงทุนจากญี่ปุ่น ยุโรป อินเดียและจีน แต่ต้องวางมาตรการส่งเสริมการลงทุนที่ไม่ทำให้ไทยเสียเปรียบ”นายสุพันธุ์ กล่าว
ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องการให้ฝ่ายการเมืองมีการเจรจาตกลงกันอย่างรวดเร็ว และจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะจะช่วยให้ความเชื่อมั่นในการลงทุนและเศรษฐกิจดีขึ้น สำหรับภาพรวมการเติบโตเศรษฐกิจไทยปีนี้ กกร.คาดการณ์ไว้ 3.7-4 ซึ่งกกร.จะทบทวนตัวเลขอีกครั้งในเดือนก.ค.นี้ภายหลังได้รัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารประเทศ.-สำนักข่าวไทย