กรุงเทพฯ 25 เม.ย. – บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. แจ้งผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2562 มีกำไรสุทธิ (Net Income) 394 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา (ดอลลาร์ สรอ.) เทียบเท่า 12,479 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 61 ที่ร้อยละ 7
นายพงศธร ทวีสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.สผ. กล่าวว่า ไตรมาส 1 ปี 2562 ปตท.สผ. มีกำไรจากการดำเนินงานปกติ (Recurring Net Income) 374 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 11,847 ล้านบาท) ปรับสูงขึ้นร้อยละ 23 จากช่วงเดียวกันของปี 2561 ที่ 304 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 9,578 ล้านบาท) อย่างไรก็ตาม บริษัทมีกำไรจากรายการที่ไม่ใช่การดำเนินงานปกติ (Non-recurring Items) ประมาณ 20 ล้านดอลลาร์ สรอ. ลดลงเมื่อเทียบกับ 119 ล้านดอลลาร์ สรอ. ในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าน้อยลง ซึ่งส่วนใหญ่ไม่มีผลกระทบต่อกระแสเงินสด ส่งผลให้ ปตท.สผ. มีกำไรสุทธิไตรมาส 1 ที่ 394 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 12,479 ล้านบาท) ลดลงประมาณร้อยละ 7 จาก 423 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 13,381 ล้านบาท) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2561
ทั้งนี้ ไตรมาส 1 ปี 2562 ปตท.สผ.มีรายได้รวม 1,428 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 45,147 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับ 1,240 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 39,105 ล้านบาท) ในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยหลักมาจากปริมาณการขายเฉลี่ยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 319,230 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เมื่อเทียบกับ 293,099 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในไตรมาสเดียวกันของปี 2561 จากความสำเร็จในการซื้อสัดส่วนเพิ่มเติมในโครงการบงกช ประกอบกับ ราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่เพิ่มขึ้นเป็น 46.21 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ เมื่อเทียบกับ 44.01 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบไตรมาส 1 ปี 2561 ส่งผลให้มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน 943 ล้านดอลลาร์ สรอ. (เทียบเท่า 29,815 ล้านบาท) และมีระดับอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA Margin) ที่ร้อยละ 76
“ปตท.สผ.ได้เดินหน้าดำเนินธุรกิจภายใต้แผนกลยุทธ์ใหม่ “Expand & Execute” ซึ่งเป็นกลยุทธ์เชิงรุกตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา และประสบความสำเร็จตามแผนงานที่วางไว้หลายด้าน ทั้งการเข้าไปลงทุนในตะวันออกกลาง โดยการได้รับสัมปทานแหล่งก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่ง 2 แหล่ง ร่วมกับพันธมิตรที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพปิโตรเลียมสูงแห่งหนึ่งของโลก และการขยายการลงทุนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีความเคลื่อนไหวสำคัญคือการเข้าซื้อกิจการของเมอร์ฟี่ ออยล์ คอร์ปอเรชั่น ในประเทศมาเลเซีย ซึ่งจะสามารถเพิ่มปริมาณการขายและสร้างผลตอบแทนการลงทุนได้ทันที รวมถึงการได้รับสิทธิ์สำรวจและผลิตปิโตรเลียม 2 แปลงนอกชายฝั่งมาเลเซียเช่นกัน ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะช่วยสร้างการเติบโตให้ ปตท.สผ. ทั้งระยะสั้นและระยะยาว” นายพงศธร กล่าว. – สำนักข่าวไทย