กรุงปักกิ่ง 25 เม.ย.-“พล.ท.วีรชน” เผย นายกฯ เตรียมเข้าร่วมการประชุมสายแถบและเส้นทางที่จีน ย้ำแนวทางพัฒนาอย่างยั่งยืน พร้อมเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ หารือทวิภาคีผู้นำจีนกระชับสัมพันธ์ ขยายความร่วมมือด้านต่าง ๆ
พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 26-27 เมษายน 2562 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม จะเข้าร่วมการประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Forum for International Cooperation – BRF) ครั้งที่ 2 ที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งการประชุมดังกล่าวเป็นข้อริเริ่มของรัฐบาลจีนตั้งแต่เดือนตุลาคม 2556 ที่เน้นความร่วมมือใน 3 ทวีป คือ เอเชีย ยุโรป และแอฟริกา
“นายกรัฐมนตรีจะเน้นย้ำต่อผู้นำ 38 ประเทศที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ ถึงท่าทีของรัฐบาลไทยและในฐานะประธานอาเซียน ที่จะสนับนุนความร่วมมือที่เกิดประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน และความร่วมมือที่จะเกิดขึ้นต้องไม่ขัดแย้งกับความร่วมมืออื่น ๆ” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.ท.วีรชน กล่าวด้วยว่า สำหรับผลการประชุมในครั้งนี้ ที่ประชุมจะออกแถลงการณ์ร่วม ซึ่งเป็นกรอบความร่วมมือ 5 มิติ คือ 1.ความเชื่อมโยงด้านนโยบาย 2.ความเเชื่อมโยงด้านโครงสร้างพื้นฐานโดยใช้เทคโนโลยีที่เน้นรักษาสิ่งแวดล้อม 3.การส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งไทยมีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ 4.ส่งเสริมความร่วมมือที่เข้มแข็งอย่างยั่งยืนปฏิบัติได้จริง เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม และ 5.การพัฒนาการแลกเปลี่ยนระดับประชาชนที่นอกเหนือจากความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลและภาคเอกชน ซึ่งความร่วมมือระหว่างภาคประชาชนจะมีส่วนสำคัญให้ความสัมพันธ์มีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
“ในฐานะรัฐบาลไทยและประธานอาเซียน นายกรัฐมนตรี จะเชิญจีนเข้ามาร่วมพัฒนาทั้งในอาเซียนและอนุภูมิภาคมากขึ้น รวมทั้งชี้แจงให้จีนทราบถึงนโยบาย 4.0 และ EEC ว่าจะตอบสนองความร่วมมือในกรอบการประชุมนี้อย่างไรบ้าง โดยเฉพาะในปัจจุบันที่ไทยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ทั้งด้านโลจิสติกส์และการคมนาคมที่อยู่ในแนวทางการพัฒนาสายแถบและเส้นทางของจีนโดยตรง โดยไทยพร้อมเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์และคมนาคม” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.ท.วีรชน กล่าวอีกว่า ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการหารือทวิภาคีกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดี นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรี และนายหาน เจิ้ง รองนายกรัฐมนตรี ที่รับผิดชอบโครงการพัฒนาสายแถบและเส้นทางของจีนโดยตรง โดยประเด็นการหารือจะพัฒนาความร่วมมือในกรอบความร่วมมือต่าง ๆ ทั้งกรอบความร่วมมือการสร้างรถไฟไทย-จีน การแลกเปลี่ยนการค้าขายการซื้อสินค้าด้านเกษตรกรรม และความร่วมมืออื่น ๆ ปัจจุบันจีนมีการพัฒนากว้างไกลที่ไทยสามารถเรียนรู้ได้ โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีชั้นสูง ด้านนวัตกรรมต่าง ๆ ด้านเศรษฐกิจดิจิทัล การเงิน การคลัง.-สำนักข่าวไทย