มณฑลยูนนาน 29 เม.ย. – รมว.พาณิชย์ ชักชวนนักธุรกิจสิบสองปันนาลงทุน อสังหาฯ-สินค้าเกษตร-โลจิสติกส์-ท่องเที่ยว พร้อมดันส่งโคมีชีวิต-แช่แข็งไปจีน หนุนบินตรง กรุงเทพฯ-สิบสองปันนา ให้เป็นฮับการท่องเที่ยววัฒนธรรม เพิ่มมูลค่าการค้าสองประเทศ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังนำคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์หารือกับคณะนักธุรกิจสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ในระหว่างเดินทางมาปฏิบัติราชการที่สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อแก้อุปสรรคทางการค้า เพิ่มมูลค่าการค้าไทย-จีน ที่โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สิบสองปันนา โดยขอบคุณท่านผู้บริหารสิบสองปันนาที่จัดให้มีการพูดคุยวันนี้ มีวัตถุประสงค์ตรงกันในการสร้างความสัมพันธ์สองประเทศ เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนมากขึ้นและได้หารือกับนักธุรกิจจากสิบสองปันนาที่มาจากภาคธุรกิจสำคัญ อาทิ อสังหาริมทรัพย์ เครื่องดื่ม ท่องเที่ยว เทคโนโลยี ค้าส่ง-ค้าปลีกสินค้าเกษตร และโลจิสติกส์ ถึงความร่วมมือในด้านต่างๆ ระหว่างกันในอนาคต อาทิ เรื่องอสังหาริมทรัพย์ ที่ไทยให้การสนับสนุนต่างชาติร่วมลงทุน และทางนักธุรกิจได้หารือถึงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษห้วยทราย ที่จะต้องมีการพูดคุย 3 ฝ่าย ทั้งไทย สปป.ลาว และจีน ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการค้า การท่องเที่ยว โรงแรม อสังหาริมทรัพย์ ของ 3 ประเทศ ซึ่งขณะนี้ไทยและจีน ฟรีวีซ่าระหว่างกันแล้วอนาคตจะส่งผลให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังได้หารือกันถึงการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ ทั้งทางบก ทางเรือ และทางอากาศ ที่สำคัญคือ เส้นทางทางน้ำระหว่างท่าเรือเชียงแสนมาที่ด่านท่าเรือกวนเหล่ย ซึ่งปัจจุบันมีการค้าขายอยู่บ้าง และทางกวนเหล่ยมีห้องเย็นแต่ยังขาดวัตถุดิบที่ยังนำเข้าได้ไม่เต็มที่ ปัจจุบันมีการนำเข้าไก่และขาไก่ ซึ่งเป็นที่นิยมในจีน ขณะนี้ผู้ประกอบการจีนมีความต้องการนำเข้าสินค้าปศุสัตว์ผ่านด่านท่าเรือกวนเหล่ยเพิ่มขึ้น ซึ่งไทยมีการเลี้ยงวัวมากและตลาดจีนมีต้องการสูง ตนจึงอยากผลักดันการนำเข้าโคมีชีวิต-แช่แข็ง และเนื้อสัตว์อื่นเพิ่มขึ้น รวมไปถึงส่งเสริมการนำเข้าผลไม้ไทย เพราะนอกจากทุเรียน มังคุด และลำไย ไทยยังมีผลไม้ตามฤดูกาลอื่นอีกหลายชนิดให้ชาวจีนได้ลิ้มรสผลไม้ไทยมากขึ้น และตนตั้งใจผลักดันให้มีการติดต่อกันทางอากาศ เชื่อมต่อกันเป็นฮับการท่องเที่ยว สนับสนุนไฟล์ทบินตรงระหว่าง กรุงเทพฯ-สิบสองปันนา สิบสองปันนา-เชียงใหม่ ซึ่งจะเป็นประโยชน์มาก เพราะไทยมีวัฒนธรรมที่หลากหลาย ถ้านักท่องเที่ยวเดินทางมาที่ไทยแล้วต่อไปที่สิบสองปันนา แล้วไปหลวงพระบาง สปป.ลาว จะส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกันได้ นอกจากนี้สิบสองปันนายังเป็นแหล่งแปรรูปยางพาราที่สำคัญของจีน จึงอยากส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันเพิ่มมูลค่าการค้าด้วย
“ได้คุยกับนักธุรกิจหลายหลายส่วนทั้งอสังหาริมทรัพย์ โลจิสติกส์ การท่องเที่ยว นำเข้าสินค้าจากไทยมากระจายในตลาดจีน ซึ่งมีโอกาสมาก ผู้แทนของเราที่มาทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรฯ ศุลกากร และกระทรวงการต่างประเทศ จะรับเรื่องต่อและตนก็จะหารือกับรัฐมนตรีเจ้าของกระทรวงถ้าเปิดตลาดตรงนี้ได้ จะทำให้การค้าที่นี่เจริญงอกงามมากขึ้นนำรายได้เข้าประเทศ ซึ่งที่นี่ยังมีความต้องการอีกหลายเรื่อง มาครั้งนี้แม้เวลาใช้เพียงสามวันแต่คุ้มค่า เราเปิดประตูเปิดเส้นทางพูดคุยกันและจะไปดำเนินการต่อ” นายภูมิธรรม กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ภายในงานมี นายสวี เค่อ ฮุย (MR. XU KEHUI )รองผู้ว่าการเขตปกครองตนเองชนชาติไตสิบสองปันนา นายตาว ไห่ชิง(Mr.Dao Haiqing) นายกเทศมนตรีเขตปกครองคนเองสิบสองปันนา และคณะนักธุรกิจสิบสองปันนา มณฑลยูนนาน 9 ราย จากภาคธุรกิจสำคัญ อาทิ อสังหาริมทรัพย์ เครื่องดื่ม ท่องเที่ยว เทคโนโลยี ค้าส่ง-ค้าปลีกสินค้าเกษตร และโลจิสติกส์ เป็นต้น ประกอบด้วย 1.บริษัทยูนนานไห่เชิง อินดัสเทรียล กรุ๊ป 2.Guangzhou Wanglaoji Pharmaceutical State Farms Jicha Co., Ltd. (เป็นความร่วมมือระหว่างบริษัทกว่างโจวหวังเหล่าจี๋ Pharmaceutical กับรัฐบาลเมืองจิ่งหง เพื่อแปรรูปใบชา) 3.บริษัทสิบสองปันนา หลานวานหยง จำกัด 4.บริษัทติ่งลี่ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด 5.บริษัทหลงเล่อฟู้ด จำกัด 6.บริษัท สิบสองปันนาซุ่นหยวนค้าชายแดน จำกัด 7.Xishuangbanna Dynamic Lancang River Tourism Shipping Co., Ltd. 8.บริษัท สิบสองปันนา ตุ้ยหยวน บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ จำกัด (Xishuangbanna Duiyuan International Freight Forwarding Co., Ltd.) เป็นต้น. -514-สำนักข่าวไทย