โฆษกศาลฯแจงจำเลยตัดกำไลข้อเท้าEMชี้สัญญาณแจ้งความผิดปกติและพื้นท่ี่ไม่สามารถบอกพฤติกรรมได้

กรุงเทพฯ 29 ม.ค.- โฆษกศาลยุติธรรม แจง กรณีจำเลย 2 สามีภรรยาทำลายกำไลข้อเท้า EM หนีคดีฉ้อโกงแชร์ 120 ล้านบาท ยันกำไลข้อเท้าไม่สามารถบอกพฤติกรรมได้ แค่ส่งสัญญาณผิดปกติและตำแหน่งที่อยู่เท่านั้น ยันกรณีนี้ติดต่อจำเลยและประสานบุคคลอ้างอิงทันที


จากกรณีที่ นายทศพล หรือต้อม บุญมานุช อายุ 28 ปี และ น.ส.ปิยพร หรือฟิล์ม แส่สันเทียะ อายุ 28 ปี สองสามีภรรยา จำเลย ในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ, ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ในคดีหลอกให้ ผู้เสียหายกว่า 50 คนโอนเงินเข้าร่วมเล่นแชร์ออนไลน์ลงทุนทำธุรกิจร้านขายโทรศัพท์มือถือ สร้างความเสียหายประมาณ 120 ล้านบาท ได้ร่วมกันทำลายกำไล EM หรือกำไลข้อเท้าอิเล็กทรอนิกส์โดยใช้กรรไกรตัวใหญ่สภาพคมๆ ช่วยกันตัด ที่ศาลสั่งให้สวมไว้เพื่อหลบหนีในขั้นตอนการรอฟังคำพิพากษา

นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าว หลังผู้ต้องหา ทั้ง 2 มีการทำลายกำไล EM อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ใช้ในตรวจสอบหรือจำกัดการเดินทางของบุคคลที่ตกเป็นผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ได้รับการปล่อยชั่วคราว และเมื่อมีการกระทำผิดเงื่อนไขของศาล  ระบบจะมีการส่งสัญญาณแจ้งเตือนมาที่ศูนย์ควบคุม ที่สำนักงานศาลยุติธรรม  ว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้น  จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการติดต่อไปยังจำเลยทั้งสองคนและเบอร์บุคคล อ้างอิง  อีก 2 คนแต่ติดต่อ ได้เพียงคนเดียวและไม่สามารถให้รายละเอียดใดๆได้  เจ้าหน้าที่ จะรายงานพฤติการณ์ของผู้ต้องหา หรือ จำเลย ต่อศาลอาญาว่ามีพฤติกรรมหลบหนี ศาลออกหมายจับมาดำเนินคดี 


นายสุริยัณห์ กล่าวเพิ่มเติมว่า กำไล EM จะสามารถบอกได้เพียงตำแหน่งของผู้ที่รับการปล่อยตัวนั้นอยู่ที่ใด กระทำผิดเงื่อนไขของศาลหรือไม่ แต่ไม่สามารถบอกพฤติกรรมได้ หากมีการกระทำผิดซ้ำอีก และผู้ที่ฝ่าฝืนจะ จะถูกเพิกถอนการประกันตัว ออกหมายขังและถูกดำเนินคดีในข้อหาอื่นๆเพิ่มเติม อาทิ ข้อหา ทำให้เสียทรัพย์ และมีการเรียกค่าเสียหายทางแพ่งด้วย พร้อมเตือนผู้ต้องหาและจำเลยที่ได้รับโอกาสในการปล่อยชั่วคราว ไปแล้ว โดยมีการติดอุปกรณ์  กำไล EM ว่าอย่าทำลายโอกาส ที่ศาลยุติธรรมได้ให้สิทธิ์ผู้ถูกกล่าวหาออกไปใช้ชีวิตปกติในระหว่างการถูกดำเนินคดี เพราะหากทำลายโอกาสจะถูกจำกัดพื้นที่ คือต้องเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำในระหว่างรอการพิจารณาในชั้นศาล

สำหรับสถิติการใช้อุปกรณ์ดังกล่าวในการรายงานของศาล เมื่อวันที่ 27 มกราคม ที่ผ่านมาพบ มีการใช้ใน  164  ศาลทั่วประเทศ รวม7 พัน 39 เครื่อง.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ใบประกอบวิชาชีพครู

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู”

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู” แนะรีบต่ออายุใบอนุญาต หลังคุรุสภาออกมาตรการ 5 ต. คุมเข้มทุกโรงเรียนทั่วไทย

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล หรือ TDAC ล่วงหน้า อย่างน้อย 3 วันก่อนเดินทาง ตามกฎใหม่ ตม.

พีชเรียกอาต่าย

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” โอ้อวดเรียก “อาต่าย” ลั่นไม่ใช่ญาติ

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” คู่กรณีรถกระบะ โอ้อวดเรียก “อาต่าย” รู้จักคนในรัฐบาล หวังผลคดี ลั่นไม่ใช่ญาติ สอนลูกเสมออย่าทำตัวเป็นขยะสังคม บอกประชาชนใช้วิจารณญาณเลือกตั้ง

“นายกเบี้ยว” ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้-ดูแลลุงคู่กรณี

“นายกเบี้ยว” รับจบแทนลูก ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้ ดูแลลุงคู่กรณี ระบุสอนลูกไม่ดี ไม่มีเวลาให้ลูก ปฏิเสธไม่สนิทกับ ผบ.ตร. อย่าเอาท่านมาแปดเปื้อน ส่วนที่ลูกชายยังไม่ไปเยี่ยมลุงคู่กรณี เนื่องจากกลัวโดนถูกโวยวาย

ข่าวแนะนำ

ปล่องลิฟต์ตึกถล่ม

กทม.เดินหน้าเจาะปล่องลิฟต์ ค้นหาผู้สูญหายตึก สตง.

ผู้ว่าฯ กทม. เผยปฏิการค้นหาร่างผู้สูญหายจากเหตุตึก สตง.ถล่ม วันนี้เน้นเจาะปล่องลิฟต์-บันไดหนีไฟ หลังวานนี้ (18 เม.ย.) พบผู้เสียชีวิตในจุดดังกล่าวเพิ่มอีก 6 ราย ยืนยัน กทม. ให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานในการเข้า เก็บพยานหลักฐาน เพื่อหาตัวผู้รับผิดชอบกับเหตุการณ์ดังกล่าว