หวั่นติดกำไลอีเอ็มหวังสอดแนม  

พรรคก้าวไกล 22 มี.ค.-“ก้าวไกล” หวั่น เงื่อนไขประกันตัว-ติดกำไลอีเอ็ม สร้างบรรทัดฐาน ปราบปราม สอดแนม  ผู้ต้องหาคดี 112  หลัง “ชลธิชา” ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 ปทุมธานี โดนเรียกไต่สวนประกันตัว


นายชัยธวัช ตุลาธน เลชาธิการพรรคก้าวไกล แถลงข่าวพร้อมน.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือลูกเกด ว่าที่ผู้สมัครส.ส. เขต 3 ปทุมธานี ว่า ได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ศาลให้ไปไต่สวนเรื่องการประกันตัว หลังจากอยู่ระหว่างการปล่อยตัวชั่วคราวจากการตกเป็นผู้ต้องหาในคดี 112 แต่ถูกศาลอาญา รัชดาเรียกไต่สวนการประกันตัวด่วนวันพรุ่งนี้ ( 23 มี.ค.) เวลา 13.30 น. โดยมีข้อสังเกตว่าการเรียกดังกล่าว มีความผิดปกติหลายประการ    เริ่มจากวันที่ 18 มีนาคม เจ้าหน้าที่ศาลโทรศัพท์แจ้งมายังนายประกันว่าจะขอไต่สวนการประกันตัว จากการที่ตนโพสต์การเข้าร่วมประชุมกับเมลิสซา เอ. บราวน์ รองผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา โดยในโพสต์แจ้งว่าได้ให้ข้อมูลกับทางการสหรัฐฯ เรื่องคดีของตนและการถูกติดกำไลติดตามตัว หรือ อีเอ็ม  หลังจากนั้นเพียงไม่ถึงหนึ่งวันก็ถูกศาลนัดไต่สวนเร่งด่วน 

น.ส.ชลธิชา กล่าวว่า ประการต่อมา ถึงตอนนี้ยังไม่มีการแจ้งอย่างเป็นทางการใด ๆ ว่าเรียกไต่สวนด้วยจุดประสงค์ใด เพื่อถอนประกันหรือเพื่อปรับเงื่อนไขการประกัน ทั้งที่จะต้องไปขึ้นศาลเพื่อรับการไต่สวนในวันพรุ่งนี้แล้ว แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่มีหมายศาล ไม่มีหนังสือส่งมาจากศาลแม้แต่ฉบับเดียว มีเพียงการโทรศัพท์มาแจ้ง ซึ่งทำให้ตนและทนายแทบไม่มีเวลาเตรียมตัว


น.ส. ชลธิชา กล่าวว่า คดีที่ถูกตั้งข้อหา เกิดจากการที่นายนพดล พรหมภาษิต  ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จากการโพสต์เฟซบุ๊กราษฎรสาส์นและเมื่อประกาศตัวว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส. ในนามพรรคก้าวไกลเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จากนั้นไม่นานอัยการจึงมีคำสั่งฟ้องคดีตามมาตรา 112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์  และในวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมาได้รับการประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ 90,000 บาท พร้อมเงื่อนไขประกันตัว ห้ามทำผิดซ้ำ ห้ามร่วมกิจกรรมที่กระทบสถาบัน ห้ามออกนอกเคหะสถานช่วงเวลา 20.00 น. ถึง 05.00 น. ต้องรายงานตัวต่อศาลทุก 15 วัน รวมถึงติดกำไลอีเอ็มตลอดเวลาระหว่างยื่นขอประกันตัววันเดียวกัน

“ดิฉันยื่นคัดค้านเงื่อนไขติดกำไลอีเอ็ม พร้อมวางหลักทรัพย์เพิ่ม เนื่องจากกระทบต่อการทำหน้าที่ในการเป็นผู้สมัครส.ส.ที่ต้องทำงานในพื้นที่ และกระทบต่ออาชีพที่ต้องเดินทางไปต่างจังหวัดและต่างประเทศเป็นประจำ ด้วยเหตุว่าไม่มีพฤติการณ์หลบหนี   ไม่ยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน มีที่อยู่อาศัยและอาชีพเป็นหลักแหล่ง ไม่ว่าการเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล และการเป็นเลขานุการคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน แต่ศาลยกคำร้อง”  น.ส. ชลธิชา กล่าว

น.ส.ชลธิชา กล่าวว่า การกำหนดเงื่อนไขดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายและขัดกับหลักสากลแน่นอน ซึ่งไม่ใช่เฉพาะตนเองที่สิทธิเสรีภาพถูกลิดรอนจากการตั้งเงื่อนไขประกันตัวและการถูกติดกำไลอีเอ็มนับตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปัจจุบัน มีนักกิจกรรมอย่างน้อย 46 คนที่ถูกศาลสั่งให้ติดกำไลอีเอ็มระหว่างการพิจารณาคดี


“ขอยืนยันว่าการตั้งเงื่อนไขประกันตัวเหล่านี้ขัดต่อหลักสากล เพราะใช้คำว่าห้ามทำผิดซ้ำเดิม ทั้งที่ผู้ถูกดำเนินคดีอาญาจะต้องถูกสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์   จนกว่าจะมีคำพิพากษาออกมา การกำหนดเงื่อนไขแบบนี้จึงเท่ากับศาลพิพากษาไปแล้วว่า   สิ่งที่เราทำเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย ทั้งที่การไต่สวนคดียังไม่จบ ในกรณีของดิฉันเป็นเพียงการให้ข้อมูลคดีของตัวเองกับทางการสหรัฐฯ กลับทำให้ถูกศาลเรียกไต่สวนประกัน ซึ่งอาจถูกถอนประกันหรือตั้งเงื่อนไขเพิ่ม ทั้งที่ดิฉันไม่ได้ทำผิดเงื่อนไขใด ๆ ไม่ได้คิดหลบหนี” น.ส.ชลธิชา กล่าว

ด้านนายชัยธวัช กล่าวว่า คดีของน.ส.ชลธิชาเป็นเพียงหนึ่งในคดีเกิดขึ้นนับพันคดี ตั้งแต่ปลายปี 63 เป็นต้นมา พรรคก้าวไกลติดตามสถานการณ์การใช้กฎหมายอาญา มาตรา 112  มาตรา 116 และ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ กับประชาชนที่แสดงออกทางการเมืองมาโดยตลอด เรามีความกังวลเป็นอย่างยิ่งเรื่องการเลือกปฏิบัติ บิดเบือนกระบวนการยุติธรรม เพื่อลิดรอนสิทธิเสรีภาพของผู้ต้องหาคดีการเมืองหลายประการ   โดยเฉพาะการไม่ให้ประกันตัว การตั้งเงื่อนไขประกันตัวที่ขัดหลักสากลและไม่ได้สัดส่วน ไม่มีเหตุอันสมควร ใช้เงื่อนไขประกันตัวเป็นเครื่องมือจำกัดการแสดงออกทางการเมืองของประชาชน และการใช้กำไลอีเอ็มเป็นเครื่องสอดแนมติดตามความเคลื่อนไหวของผู้ต้องหา

“พรรคก้าวไกลมีข้อสังเกตต่อแนวทางการปฏิบัติของกระบวนการยุติธรรมไทย   ต่อผู้ต้องหาคดีการเมือง ประกอบด้วย สิทธิในการประกันตัวเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนทุกคน การตั้งเงื่อนไขอย่างผิดปกติ การกำหนดเงื่อนไขในการประกันตัวเพิ่มโดยการให้ติดกำไรอีเอ็ม การกำหนดเวลาเข้า-ออกเคหะสถาน ซึ่งตามหลักของกระบวนการยุติธรรมไทย ผู้ที่ศาลจะพิจารณาให้ติดกำไลอีเอ็ม มี 3 กลุ่ม คือผู้กระทำผิดที่ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งให้คุมประพฤติ กรณีนักโทษเด็ดขาดที่มีคำสั่งพักโทษ หรือลดวันจำคุก แต่คดีมีความร้ายแรงสะเทือนขวัญ หากปล่อยไปเฉย ๆ สังคมจะหวาดระแวง จึงต้องใส่กำไลติดตามตัวเพื่อควบคุมความประพฤติ และการใช้กำไลอีเอ็มแทนหลักทรัพย์ประกันตัวที่มาวางศาลทั้งหมดหรือบางส่วน ในกรณีผู้ต้องหาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างไต่สวน” นายชัยธวัช กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]

ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ อาจต้องใช้สิทธิป้องกันตนเอง

12 ส.ค.- ทบ.ชี้กัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดคุกคามต่อเนื่อง ไม่สนผิดอนุสัญญาออตตาวา โฆษก ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ กองทัพอาจจำเป็นต้องใช้สิทธิป้องกันตนเองตามหลักสากล พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 09.10 น. สิบเอก ธีรพล เพียขันที สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 2610 พร้อมกำลังพลรวม 7 นาย ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย บนเส้นทางประจำ ห่างจากปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างปฏิบัติภารกิจ สิบเอก ธีรพล ได้เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางไว้ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณข้อเท้าซ้าย ปัจจุบันได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลพนมดงรัก อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และไม่เคารพต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งห้ามใช้และวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกชนิด นับเป็นการลอบโจมตีที่มีเป้าหมายต่อกำลังพลฝ่ายไทยโดยตรง และเกิดขึ้นในเขตแดนไทย ยิ่งไปกว่านั้น เหตุลักษณะเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในพื้นที่ชายแดน สะท้อนถึงเจตนาร้ายและพฤติกรรมต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชาในการคุกคามฝ่ายไทย และละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนไทย สวนทางกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างประเทศในการประชุม GBC ที่ผ่านมา จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า […]

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย