ให้ฝ่ายกม.จัดการ “ศรีสุวรรณ”

ทำเนียบรัฐบาล 15 ม.ค.-“สมศักดิ์” โต้ “ศรีสุวรรณ” กล่าวหาเรื่องเดิม  ยันไม่พบทุจริตกำไลอีเอ็ม กรมคุมประพฤติแจงกมธ.หมดแล้ว ไม่ติดใจ ย้ำ ไม่มีล็อกสเปก-ล็อบบี้ ให้ฝ่ายกม.ดำเนินการ


นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ยื่นหนังสือถึงกรรมาธิการกิจการศาลฯ ให้ตรวจสอบการทุจริตโครงการเช่ากำไลอีเอ็มของกรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม ในสมัยตนเป็น รมว.ยุติธรรม ว่า ทราบเรื่องแล้ว นายศรีสุวรรณเป็นนักร้องเรียนที่มีผลงาน แต่ในประเด็นนี้คงได้รับข้อมูลมาไม่ครบ ที่กล่าวหาว่าตนปล่อยปละละเลยให้กรรมการทีโออาร์ และกรรมการจัดซื้ทุจริตตั้งแต่ต้นน้ำ ขอยืนยันว่าไม่ใช่ข้อเท็จจริง รัฐมนตรีไม่มีอำนาจเซ็นหรือสั่งให้ใครเซ็นผ่านอะไรได้ ตนทำได้เพียงมอบนโยบายว่าการเช่ากำไลอีเอ็มเป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการที่กฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด โปร่งใส ไม่เคยปล่อยปละละเลย เพราะย้ำแล้วย้ำอีกตั้งแต่ระดับกรมถึงกระทรวงว่าให้ตรวจสอบก่อนทำสัญญาให้ดี เพราะเป็นการจัดซื้อจัดจ้างที่มีวงเงินงบประมาณ แต่สุดท้ายไม่พบความผิดหรือจุดบกพร่องใด ส่วนราชการจึงเดินหน้า

“นอกจากนี้ผมได้มอบนโยบายในที่ประชุมผู้บริหารกระทรวงยุติธรรมในเวลานั้น ซึ่งมีทั้งปลัดกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมต่าง ๆ ให้ติดตามเรื่องกำไลอีเอ็มว่า หากการจัดซื้อจัดจ้างผิดระเบียบให้ยกเลิกไปได้เลย เพราะผมมีเป้าประสงค์เรื่องความโปร่งใสอยู่แล้ว แต่หากทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ให้เดินหน้า รวมถึงที่ผ่านมาเมื่อกำไลอีเอ็ม  พบญหาถอดออกได้ อย่างเมื่อเดือนสิงหาคม 2562 ก็ตั้งกรรมการสอบอย่างรวดเร็ว สะท้อนให้เห็นว่าไม่เคยปล่อยปละละเลย” นายสมศักดิ์ กล่าว


นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่กล่าวหาว่ามีการวิ่งเต้นล็อบบี้ให้อนุมัติสัญญาจ้างนั้น ขอย้ำว่า เรื่องนี้ไม่มีการวิ่งเต้น เพราะกรมคุมประพฤติเข้าชี้แจงกรรมาธิการติดตามงบประมาณ เรียบร้อยแล้ว ซึ่งกรรมาธิการฯ ไม่ได้มีข้อสงสัยเพิ่มเติม จึงถือได้ว่า โครงการนี้จัดซื้อจัดจ้างปกติตามกรอบกฎหมาย ส่วนสเปกของกำไลอีเอ็ม ขอยืนยันว่า ไม่ได้ล้าสมัย เพราะผ่านการพิจารณากลั่นกรองของคณะกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ระดับกระทรวง และกรรมการจัดหาระบบคอมพิวเตอร์ภาครัฐแล้ว รวมถึงมีหน่วยงานที่ใช้กำไลอีเอ็มอยู่แล้ว คือ สำนักงานศาลยุติธรรม ผลการใช้งานเป็นที่ยอมรับ นอกจากนี้ ยังศึกษาเปรียบเทียบจากต่างประเทศ เช่น อิสราเอล เกาหลี สหรัฐด้วย

“รัฐมนตรีไม่สามารถล็อกสเปกเพื่อช่วยเหลือใครได้ เพราะสเปกถูกกำหนด โดยกรรมการและนักวิชาการผู้ทรงคุณวุฒิ และยังต้องประกาศให้สาธารณชนทราบ รวมถึงกฎหมายกำหนดให้สเปกต้องมีบริษัทสามารถเข้าร่วมแข่งขันอย่างน้อย 3 บริษัท จึงไม่สามารถล็อกสเปกตามที่กล่าวหาได้ ยืนยันว่าเปิดโอกาสให้ปรับแก้สเปกของกำไลอีเอ็มเต็มที่ เพราะประกาศเชิญชวน เปิดเผยข้อมูลทุกขั้นตอน ผ่านระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ ของกรมบัญชีกลาง เพื่อให้ผู้ที่สนใจเข้ามาศึกษา วิจารณ์ แนะนำ ท้วงติง เกี่ยวกับคุณสมบัติ ซึ่งกฎหมายกำหนดให้ต้องนำมาพิจารณาร่วมอยู่แล้ว รวมถึงต้องมีการแข่งขันตัวอุปกรณ์ไม่น้อยกว่า 3 ผลิตภัณฑ์ จึงไม่ใช่การปิดโอกาสให้แก้สเปก” นายสมศักดิ์  กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนการทำงานของอุปกรณ์ ที่กล่าวอ้างว่าทำงานผิดพลาดหลายครั้งนั้น จริง ๆ แล้วอุปกรณ์มีการดำเนินการปกติ แต่เนื่องจากการทำงานของอุปกรณ์มีการแจ้งเตือนเป็นจำนวนมาก และเครื่องยังต้องส่งสัญญาณเพื่อแจ้งเตือนตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งหากตรวจพบการชำรุดเสียหายของอุปกรณ์ เจ้าหน้าที่ จะเร่งแจ้งไปยังบริษัท เพื่อนำเครื่องใหม่มาเปลี่ยนทันที ส่วนที่ระบุว่า มีกรรมการรับสารภาพว่าไม่ได้ร่วมประชุมและเซ็นใด ๆ ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พบว่าในวันลงมติมีกรรมการ ไม่เข้าร่วมเพียง 2 คน ดังนั้น การประชุมลงมติจึงไม่ถือว่าขาดองค์ประชุม


“การร้องเรื่องนี้อีกครั้ง ทั้งที่ชี้แจงไปหมดแล้ว ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งข้อสังเกตว่า มีอะไรแอบแฝงหรือไม่ เพราะอุปกรณ์ของกระทรวงยุติธรรม ก็คล้ายของศาลฯ แต่มีการพุ่งเป้าร้องเพียงหน่วยงานเดียว และข้อกล่าวหาที่ยื่น กมธ. ก็กล่าวหาแบบเลื่อนลอย ซึ่งเน้นใช้วาทกรรม เพื่อให้ดูน่าสนใจเท่านั้น แต่ข้อเท็จจริง ตนขอยืนยันว่า เป็นไปตามข้อกฎหมายทั้งหมด โดยจากนี้ ผมต้องขอใช้สิทธิตามกฎหมาย ซึ่งได้มอบให้ฝ่ายกฎหมาย ดำเนินการต่อไป” นายสมศักดิ์ กล่าว.-317.-สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]

ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ อาจต้องใช้สิทธิป้องกันตนเอง

12 ส.ค.- ทบ.ชี้กัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดคุกคามต่อเนื่อง ไม่สนผิดอนุสัญญาออตตาวา โฆษก ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ กองทัพอาจจำเป็นต้องใช้สิทธิป้องกันตนเองตามหลักสากล พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 09.10 น. สิบเอก ธีรพล เพียขันที สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 2610 พร้อมกำลังพลรวม 7 นาย ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย บนเส้นทางประจำ ห่างจากปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างปฏิบัติภารกิจ สิบเอก ธีรพล ได้เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางไว้ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณข้อเท้าซ้าย ปัจจุบันได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลพนมดงรัก อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และไม่เคารพต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งห้ามใช้และวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกชนิด นับเป็นการลอบโจมตีที่มีเป้าหมายต่อกำลังพลฝ่ายไทยโดยตรง และเกิดขึ้นในเขตแดนไทย ยิ่งไปกว่านั้น เหตุลักษณะเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในพื้นที่ชายแดน สะท้อนถึงเจตนาร้ายและพฤติกรรมต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชาในการคุกคามฝ่ายไทย และละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนไทย สวนทางกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างประเทศในการประชุม GBC ที่ผ่านมา จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า […]

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย