กรมชลฯยันประตูน้ำคลองท่าดี อ.เมืองนครศรีธรรมราช ใช้ส่งน้ำเพื่อการเกษตร

กรุงเทพฯ 18 ธ.ค. – กรมชลฯยันประตูน้ำคลองท่าดี อ.เมืองนครศรีธรรมราช ใช้ส่งน้ำเพื่อการเกษตร หลังชาวนครศรีฯโวย ไม่เปิดประตูช่วยน้ำท่วมเมือง ระบุเร่งขุดคลองใหม่3 สาย ขยายคลองเดิม 2 สาย ใช้ผันน้ำเลี่ยงเมืองเสร็จปี 2563  เพิ่มประสิทธิภาพคลองรับน้ำจากเขาหลวงลงทะเล ป้องอุทกภัยเขตเมืองได้แน่


นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยกรณีชาวเมืองนครศรีธรรมราช ตั้งข้อสงสัยน้ำท่วมเมืองนครฯแต่กรมชลประทาน ไม่เปิดประตูระบายน้ำในคลองท่าดี มีสภาพเต็มไปด้วยวัชพืช ว่า ประตูระบายน้ำดังกล่าว เป็นท่อระบายน้ำกลางคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้ายของฝายคลองท่าดี ซึ่งคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้ายนี้มีความยาวประมาณ 14.55 กิโลเมตร ลักษณะของคลองเป็นคลองส่งน้ำ บริเวณปากคลองจะกว้าง แต่ปลายคลองจะแคบ และมีอาคารอัดน้ำกลางคลองเป็นช่วงๆ เพื่อยกน้ำให้สูงถึงระดับปากท่อส่งน้ำเข้าไปยังพื้นที่การเกษตร โดยต้นคลองมีศักยภาพรับน้ำได้ประมาณ 9.325 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ในขณะที่ปลายคลองรับน้ำได้เพียง 1.714 ลูกบาศก์เมตร/วินาที

บริเวณต้นคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย จะรับน้ำจากฝายคลองท่าดี ที่ตำบลกำแพงเซา อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ส่วนปลายคลองจะอยู่ที่ตำบลนาทราย อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ใกล้กับสวนสมเด็จพระศรีนครินทรา(ทุ่งท่าลาด) เนื่องจากคลองเส้นนี้ก่อสร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อใช้เป็นคลองส่งน้ำให้กับพื้นที่เกษตรกรรม ไม่ใช่คลองระบายน้ำ การเปิดน้ำเข้าไปในคลองไม่สามารถช่วยระบายน้ำได้มาก ประกอบกับมีอาคารอัดน้ำอยู่กลางคลองเป็นช่วงๆ ซึ่งจะเป็นอุปสรรคในการระบายน้ำ เมื่อเปิดน้ำเข้าไปในปริมาณมากก็จะทำให้น้ำล้นข้ามคันคลอง ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อคลองชลประทาน อาคารชลประทาน และพื้นที่รอบๆได้   สำหรับปริมาณน้ำที่ไหลเข้าเมืองนครศรีฯ ประมาณ 500 ลูกบาศก์เมตร/วินาที นั้น ถึงแม้ว่าจะเปิดระบายน้ำเข้ามาในคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้ายที่ว่านี้ แต่พอน้ำไปถึงบริเวณปลายคลอง น้ำจะไหลออกไปได้เพียง 1.714 ลูกบาศก์เมตร/ต่อวินาที หรือคิดเป็นร้อยละ 0.32 ของปริมาณน้ำหลาก เท่านั้น จึงไม่ได้ช่วยในเรื่องของการระบายน้ำหลากแต่อย่างใด


ในส่วนของผักตบชวาในคลองสายใหญ่ฝั่งซ้าย นั้น  เจ้าหน้าที่ชลประทาน ได้ดำเนินการกำจัดอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากเป็นฤดูน้ำหลาก ทำให้มีผักตบชวาไหลลงสู่คลองตลอดเวลา ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่สลับสับเปลี่ยนกัน เข้าไปดำเนินการเก็บกำจัดผักตบชวาที่อยู่ในคลองตลอดเวลา เพื่อให้น้ำไหลลงสู่ปลายคลองได้สะดวกยิ่งขึ้น

สำหรับการแก้ไขและบรรเทาปัญหาอุทกภัย ในพื้นที่เทศบาลนครนครศรีธรรมราช นั้น ในระยะเร่งด่วน      กรมชลประทาน ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำจำนวน 15 เครื่อง สูบน้ำออกจากพื้นที่ลุ่มต่ำและเครื่องผลักดันน้ำอีก 18 เครื่อง เพื่อเร่งระบายน้ำในคลองสายหลักออกจากตัวเมืองให้ไหลลงสู่ทะเลให้เร็วที่สุด ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบัน (18 ธ.ค. 61) ระดับน้ำในคลองสายหลักต่างๆ ได้ลดลงต่ำกว่าตลิ่งแล้ว รวมทั้งบริเวณซอยต่างๆ ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ ที่อยู่ระหว่างถนนพัฒนาการคูขวางและถนนราชดำเนิน ลดลงอย่างต่อเนื่อง ถ้าหากไม่มีฝนตกต้นน้ำและบริเวณพื้นที่เทศบาลนครนครศรีธรรมราช สถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติเย็นวันนี้

ในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยในระยะยาว กรมชลประทานได้รับการจัดสรรงบประมาณโครงการบรรเทาอุทกภัยเมืองนครศรีธรรมราชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ปีงบประมาณ 2561 – 2563 เพื่อดำเนินการ  ขุดคลองผันน้ำอ้อมตัวเมืองนครศรีธรรมราช ลักษณะโครงการฯ ประกอบด้วย การขุดลอกคลองระบายน้ำ จำนวน 3 สาย ความยาวประมาณ 18.64 กิโลเมตร การขุดขยายเพิ่มประสิทธิภาพคลองวังวัว ความยาวประมาณ 5.90 กิโลเมตร การขุดเพิ่มประสิทธิภาพคลองท่าเรือ-หัวตรุด ความยาวประมาณ 11.90 กิโลเมตร พร้อมกับก่อสร้างประตูระบายน้ำ เพื่อควบคุมปริมาณน้ำอีก 7 แห่ง หากดำเนินการแล้วเสร็จ จะสามารถแก้ไขปัญหาน้ำจากต้นน้ำเขาหลวงที่จะไหลเข้าท่วมเมืองนครศรีธรรมราชได้อย่างยั่งยืนในอนาคต. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ กำลังพลเจ็บ 2 นาย

กทม. 24 ก.ค.-ด่วน! เหตุปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ ทบ. เผยทหารกัมพูชา เปิดแนวรบเพิ่มที่ ผามออีแดง เขาพระวิหาร ส่วนทหารไทยงัดปืนใหญ่ตอบโต้ กำลังพลเจ็บ 2 นาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุเพิ่มเติมว่า เวลา 0920 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร พบฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิดและ BM21 ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ปืนใหญ่สนาม 09.20 น. เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุน ในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะจำนวน 6 พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอ่านม้า ช่องจอม.-313.-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

ข่าวแนะนำ

ทบ.รายงานยอดผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บ เหตุปะทะชายแดนกัมพูชา

24 ก.ค.- “กองทัพบก” อัปเดตเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ประชาชนเสียชีวิต 9 ราย เป็นเด็ก 1 ราย เจ็บ 14 ราย พร้อมประณามกัมพูชา ใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายพลเรือนในเขตแดนไทย ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่าจากสถานการณ์การปะทะพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา อันสืบเนื่องมาจากฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงเข้าใส่ฐานทหารไทยที่ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ตั้งแต่เมื่อเช้าวันนี้ (24 ก.ค. 68) ปัจจุบันกองทัพบกได้รับรายงานเบื้องต้นจากส่วนราชการในพื้นที่ว่า มีพื้นที่พลเรือนตกเป็นเป้าหมายของอาวุธยิงสนับสนุนของฝ่ายกัมพูชา จนทำให้บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย รวมถึงมีประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ดังนี้ ทั้งนี้ กองทัพบกขอประณามการกระทำอันรุนแรงต่อเป้าหมายพลเรือนของฝ่ายกัมพูชา และพร้อมดำเนินการทางทหารเพื่อปกป้องอธิปไตยและประชาชนจากการกระทำอันผิดหลักมนุษยธรรมดังกล่าวอย่างถึงที่สุด -สำนักข่าวไทย

วิกฤติหนัก เมืองน่านจมบาดาล ขยายวงกว้างเกือบ 10 กม.

น่าน 24 ก.ค. – น้ำท่วมตัวเมืองน่านยังวิกฤติหนัก หลังน้ำน่านยังเพิ่มสูง บางจุดน้ำท่วมถึงชั้น 2 แล้วและขยายวงกว้างออกไปในรัศมีเกือบ 10 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ยังเร่งช่วยเหลือผู้คน รวมทั้งผู้ป่วยออกจากพื้นที่น้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง .-สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ส่งกำลังใจถึงกองทัพ เชื่อทั่วโลกประณามกัมพูชา

ฉะเชิงเทรา 24 ก.ค.-“แพทองธาร” นายกฯ ส่งกำลังใจถึงกองทัพ เชื่อทั่วโลกประณามกัมพูชา เป็นฝ่ายเริ่มยิงก่อน ทำประชาชนบาดเจ็บ พร้อมส่งกำลังใจให้ประชาชนในพื้นที่ รัฐบาลเตรียมมาตรการไว้แล้ว ที่อดทนอดกลั้นเพราะไม่อยากให้เสียเลือดเสียเนื้อ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ระหว่างเดินทางลงพื้นที่ จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อประชุมติดตามผลการดำเนินงาน รายการค่าใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ ของกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ที่ศาลาว่าการจังหวัดฉะเชิงเทรา ถึงกรณี รัฐบาลและกองทัพร่วมกันทำกรอบการดูแลพี่น้องประชาชนเป็นจุดยืนที่เน้นย้ำมาโดยตลอด แต่ในที่สุดฝ่ายกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มยิงก่อน ซึ่งฝ่ายกัมพูชาก็อ้างว่า ฝ่ายไทยยิงก่อนเช่นเดิม แต่ในสายตาของชาวโลกนั้น เรามีเครื่องไม้เครื่องมือที่เยอะกว่า ชาวโลดจะเชื่อถือกัมพูชาคงลดน้อยลงไปเรื่อยๆ ซึ่งทางนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการแทนนายกรัฐมนตรี ได้เตรียมความพร้อมอย่างดีในการดูแลพี่น้องประชาชน จากการโทรพูดคุยกันทางโทรศัพท์ เป็นห่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและมีการประชุมกันการรับมือกับอาวุธที่มีตรงชายแดนพร้อมนานแล้ว หากเทียบกับสถานการณ์ปี 54 พร้อมมากกว่า 2-3 เท่า ในส่วนของกองทัพ แน่นอนว่า ไม่อยากให้เกิดความรุนแรงตั้งแต่แรกแต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วทางกองทัพเตรียมความพร้อมไว้อย่างดี สิ่งสำคัญที่จะผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้ ความสามัคคีของคนในชาติ สิ่งที่กองทัพและรัฐบาลพยายามมาโดยตลอดคือ ไม่อยากให้พี่น้องประชาชนเสียชีวิตและบาดเจ็บ คือสิ่งที่ทำมาเสมอ “เรารักคนของเราประเทศชาติของเราเรา ไม่อยากให้ใครก็ตามได้รับผลกระทบหรือความเจ็บปวดในครั้งนี้” แม้เราจะไม่ทราบว่าฝ่ายนั้นเขาคิดอย่างไรกับประชาชนของเขา แต่เราคิดกับประชาชนเราแบบนี้ เป็นสิ่งที่เน้นย้ำว่ารัฐบาลและกองทัพทำมาโดยตลอด ทั้งนี้รักษาการนายกรัฐมนตรีได้มีการสั่งการให้ดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่อย่างเต็มที่ […]

กองทัพบกประณามกัมพูชา โจมตีเป้าหมายพลเรือนในเขตไทย

กทม. 24 ก.ค.-กองทัพบก ประณามการกระทำของฝ่ายกัมพูชา กรณีใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายพลเรือนในเขตแดนไทย กองทัพบกขอประณามการกระทำอันรุนแรงและไร้มนุษยธรรมของฝ่ายกัมพูชา จากกรณีที่มีการใช้อาวุธจรวด BM-21 จำนวน 2 นัด ยิงเข้ามาในพื้นที่ชุมชนภายในศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อเวลา 09.40 น. วันนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ราษฎรได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ซึ่งฝ่ายไทยได้ดำเนินการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่โดยทันที เพื่อความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังเฝ้าติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเตรียมมาตรการรองรับอย่างรอบด้าน ทั้งนี้ หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติม จะได้รายงานให้ทราบต่อไปโดยเร็วที่สุด.-313.-สำนักข่าวไทย