ผบ.ทบ.ชี้หากการเมืองไม่เป็นต้นเหตุการจลาจล ก็ไม่นำไปสู่การปฏิวัติ

กองทัพบก 17 ต.ค.- “พล.อ.อภิรัตช์” เตือนการเมืองอย่าสร้างความแตกแยกอีก หวังใจว่าการเมืองจะไม่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความขัดแย้งของคนในชาติ ถ้าการเมืองไม่เป็นต้นเหตุแห่งการจลาจล  มันก็ไม่นำไปสู่การปฏิวัติ  เผยเสียใจที่เห็นกระบวนการยุติธรรมถูกละเมิด หลายคดีคนที่ทำผิดบอกไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกแกล้ง แล้วประเทศจะอยู่อย่างไร 


พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงในวาระพิเศษ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกหลังรับตำแหน่ง ว่า ครั้งนี้เป็นการมอบนโยบายให้กับผู้บังคับหน่วยระดับกองพัน โดยส่วนใหญ่สอดคล้องกับนโยบายของพล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.คนก่อน  ซึ่งได้วางรากฐานที่แข็งแกร่ง มั่นคง อย่างไรก็ตามอีกไม่นานนี้ กองทัพบกจะต้องเผชิญอีกหลายสถานการณ์ โดยปฏิทินการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ซึ่งกองทัพบกได้ทำความเข้าใจกับกำลังพลว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไร ที่สำคัญจะต้องแยกแยะภารกิจในฐานะกองทัพบกและเป็นทหารของชาติ ทหารของประชาชน พร้อมที่จะทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งแต่เรื่องการรักษาความปลอดภัยและการให้ความรู้ประชาชน 

ผบ.ทบ. กล่าวว่า กองทัพบกจะสนองตอบนโยบายของทุกรัฐบาล ไม่ว่าใครจะขึ้นมาเป็นก็ตาม เช่น รัฐบาลปัจจุบัน ที่มีโครงการประชารัฐ หรือไทยนิยมยั่งยืน สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพราะฉะนั้นการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น ตนได้สั่งการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ให้ระมัดระวัง โดยเฉพาะการช่วยเหลือประชาชน 


“ทหารสวมหมวกสองใบ คือ คสช.และกองทัพ ดังนั้นต่อจากนี้จะต้องระมัดระวังไม่ให้การเมืองเข้ามาฉกฉวย ใช้ประโยชน์ จากการช่วยเหลือประชาชน เพราะกองทัพช่วยเหลือประชาชน ไม่ได้ต้องการที่จะหาเสียง ซึ่ง ในฐานะทหารอาชีพ จะต้องแยกแยะระหว่างภารกิจการเมือง กับภารกิจของกองทัพ โดยเฉพาะจุดยืนของกองทัพ เพราะเราจะถูกจับตามอง ต้องยอมรับว่ากองทัพและคสช. คือเนื้อเดียวกัน ขอไม่ต้องห่วง เพราะจุดยืนการทำงานของกองทัพ มีทิศทางที่ชัดเจน และไม่ว่าใครที่จะขึ้นมาเป็นนาย ผมก็พร้อมที่จะปฏิบัติงาน 100% หรือมากกว่า 100%” ผบ.ทบ. กล่าว 

เมื่อถามถึงความเป็นกลางของกองทัพ  พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า เรื่องของความเป็นกลางนั้น ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละบุคคล แต่ก็ต้องขอความเป็นธรรมด้วย ตนเป็นทหารอาชีพ ผ่านวิกฤติทางการเมือง และการทหารมาทุกยุคทุกสมัย เก็บเกี่ยวประสบการณ์มาตลอดระยะเวลาที่รับราชการ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จนก้าวขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการทหารบก 

ส่วนที่มีการจับตามองว่า กองทัพจะวางตัวอย่างไร หาก พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศลงสู่การเมือง ผบ.ทบ.กล่าวว่า  ขึ้นอยู่กับแต่ละมุมมอง เช่นการที่ตนไปพบพล.อ.ประยุทธ์ มีคนมองว่าตนไม่เป็นกลาง แต่ต้องเข้าใจว่าพล.อ ประยุทธ์นั้นเป็นหัวหน้ารัฐบาล 


เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในสถานการณ์ข้างหน้าหากเกิดวิกฤติขึ้นอีก กองทัพจะออกมาปฏิวัติอีกหรือไม่ พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า ขอชี้แจงว่า สื่อมวลชนได้บันทึกภาพทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย แต่ก็อย่าให้เป็นเพียงภาพที่เกิดขึ้นเท่านั้น เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ถูกบันทึกอยู่ในสมองและจิตใจของคนไทยทุกคน ที่บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย คนไทยออกมาตีกัน ยิงกัน ฆ่ากัน  เรื่องที่ผ่านมาไม่มีใครอยากจดจำ ทหารถูกรัฐบาลสั่งการให้ออกมาควบคุมความสงบเรียบร้อย เราทำด้วยหัวใจ ไม่ได้คิดแบบนักการเมืองว่าจะเข้ามาบริหารประเทศ เชื่อมั่นว่าพล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ได้คิดแบบนี้เช่นกัน แต่ต้องเสียสละ และถ้าวันนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ไม่ตัดสินใจบ้านเมืองจะเกิดอะไรขึ้น  แท้จริงแล้วคนที่ตัดสินใจก็ไม่ใช่พล.อ.ประยุทธ์ แต่เป็นประชาชน 

ผบ.ทบ. กล่าวว่า หวังใจว่าเหตุการณ์รุนแรงต่าง ๆ จะไม่เกิดขึ้นในประเทศไทยอีก ไม่อยากเห็นบ้านเมืองมีการเผา หรือยิงกันเหมือนในภาพยนตร์ ที่ผ่านมาไม่เคยมีเหตุการณ์อย่างนี้  แต่ที่เกิดขึ้นเพราะมีการแก่งแย่ง ชิงดี ชิงเด่นกัน ทางการเมืองเอาชนะกันโดยไม่รู้จักแพ้ รู้จักชนะ แล้วคนแพ้ก็คือประเทศ ส่วนกองทัพก็ไม่มีวันชนะประชาชน แต่ประชาชนที่ออกมาสร้างสถานการณ์ความเดือดร้อน เชื่อคำยุยงปลุกปั่น มีการเผา การยิง ก็คือประชาชนที่ทำให้ประเทศแพ้  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต้องมีการฟื้นฟูประเทศ แต่ก็ต้องใช้เวลา เพียงแค่หนึ่งปีหรือสองปีไม่สามารถทำได้  รัฐบาลจึงต้องกำหนดยุทธศาสตร์ 20 ปี ท่านคิดว่าการจุดไฟเผาในเมือง จนเกิดกลียุค  ปีเดียวการฟื้นฟูสิ่งปลูกสร้างทำได้ แต่ทางการค้าไม่ใช่ ความมั่นใจของต่างชาติในการลงทุนไม่ใช่ แต่ปัจจุบันสถานการณ์เริ่มดีขึ้น อาจจะเห็นผลช้า ไม่ทันใจนักการเมืองบางคน

“ผมเชื่อว่ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ทำทุกสิ่งทุกอย่างอย่างรอบคอบไม่ผลีผลาม หวังใจว่าการเมืองจะไม่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความขัดแย้งของคนในชาติ แต่ถ้าการเมืองไม่เป็นต้นเหตุแห่งการจลาจล มันก็ไม่นำไปสู่การปฏิวัติ ที่ผ่านมาเกิดการปฏิวัติมา 10 กว่าครั้งแล้ว แต่มันไม่เหมือนสมัยก่อน ซึ่งระยะหลังเกิดขึ้นเพราะการเมืองทั้งสิ้น ผมไม่ได้บอกว่านักการเมืองดีหรือไม่ดี แต่มันก็มีทั้งดีและไม่ดี ผมเสียใจในหลาย ๆ เรื่อง ที่เห็นกระบวนการยุติธรรมถูกละเมิดในการตัดสิน หลายคดีคนที่ทำผิดก็บอกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม แล้วประเทศชาติจะอยู่ตรงไหน อะไรเป็นกลาง อะไรคือจุดยืนของประเทศ คนที่ผิดก็บอกว่าไม่ผิด บอกว่าถูกแกล้ง แล้วประเทศจะอยู่อย่างไร ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจว่าจะให้คนไทยอยู่กันอย่างไร อยู่กันโดยที่ไม่มีกฎไม่มีระเบียบหรือวินัยอย่างไร”  พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อขอให้ติดคุกจริง

ตรวจสอบสิทธิ์เงินหมื่น

ตรวจสอบสิทธิ์เงินหมื่นคนอายุ 60+ ผ่านแอป “ทางรัฐ” ได้แล้ว

“จิรายุ” ย้ำเงินหมื่นเฟส 2 มอบคนอายุ 60+ รัฐบาลพร้อมโอนไม่มีเปลี่ยนแปลงแล้ววันจันทร์ที่ 27 ม.ค.นี้แน่นอน สามารถตรวจสอบสิทธิ์ผ่านแอป “ทางรัฐ” ได้แล้ววันนี้ ส่วนคนไม่มีสมาร์ทโฟนฝากลูกหลานช่วยด้วย

นายกฯหารือบริษัทยา

นายกฯ ถกบริษัทยา Astrazeneca พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทย

บริษัทยาระดับโลก Astrazeneca หารือ นายกฯ ยืนยันไทยยังเป็นพันธมิตรที่ดีมายาวนาน พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ นายกฯ มั่นใจการแพทย์ของไทยติดระดับในโลก ยืนยันหลายประเทศทั่วโลกบินมารักษาในประเทศไทยจำนวนมาก

ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน

ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค.

กรมควบคุมมลพิษ เผยวันนี้ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐาน 60 จังหวัด สูงต่อเนื่องถึง 27 ม.ค. ประสานทุกหน่วยงานยกระดับการแก้ไขปัญหา พร้อมเตือนประชาชนเฝ้าระวังสุขภาพและปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข