นครราชสีมา 15 ก.ย.- ผอ.สพม.31 เผยกรณีครูพละปาแก้วกระเด็นใส่หน้านักเรียนหญิง ม.5 มีการเจรจาทำความเข้าใจกันถึง 3 ครั้ง และดูแลมาตลอด แต่ค่าใช้จ่ายยังหาข้อยุติไม่ได้ ส่วนคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงที่ตั้งขึ้น คาดพรุ่งนี้น่าจะรู้ผล
นายชูเกียรติ วิเศษเสนา ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) เขต 31 นครราชสีมา เปิดเผยกรณีครูชำนาญการพิเศษ กลุ่มวิชาสุขศึกษาและพละศึกษา โรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอโชคชัย จ.นครราชสีมา ขว้างแก้วกระเด็นถูกนักเรียนหญิง ม.5 เมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ใบหน้าเสียโฉมว่า คณะกรรมการที่ สพม.31 (นครราชสีมา) แต่งตั้งอยู่ระหว่างการสืบสวนหาข้อเท็จจริง คาดว่าพรุ่งนี้ (16 ก.ย.) จะรายงานสรุปรายละเอียดทั้งหมดส่งเข้ามา เพราะไม่ใช่เรื่องสลับซับซ้อน เบื้องต้นได้รับรายงานจากว่าที่ ร.ต.นิพนธ์ ภักดีแก้ว ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าว ทางโรงเรียนดูแลติดตามเรื่องมาตั้งแต่แรก ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีทั้งการสอบข้อมูลเบื้องต้นไปแล้ว การดำเนินการใช้ทั้งหลักรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ และการปกครองร่วมด้วย
นายชูเกียรติ กล่าวด้วยว่า สพม.31 (นครราชสีมา) ได้ส่งนักจิตวิทยาเข้าไปช่วยเหลือเยียวยาจิตใจของเด็ก และการรักษาดีขึ้นตามลำดับ แต่ต้องใช้เวลา 3-6 เดือน ตามที่แพทย์ รพ.มหาราชนครราชสีมา ระบุไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งตรงกับความเห็นของแพทย์โรงพยาบาลยันฮี ที่เด็กไปรักษาตัวครั้งล่าสุด
นายชูเกียรติ กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นในชั่วโมงสอนวิชาเซปักตะกร้อ เด็กในห้องเรียนระบุตรงกันว่าครูโยนแก้วใส่ผนังไปโดนกระจกหน้าต่างของห้องพักครูก่อนกระเด็นไปถูกบริเวณใบหน้าเด็ก ไม่ใช่การโยนหรือขว้างใส่โดยตรง เพราะหากขว้างโดยตรงคงมีแผลแตกเลือดออก ซึ่งการกระทำดังกล่าวเกิดจากโทสะชั่ววูบที่เห็นเด็กไม่อยู่ในระเบียบ และต้องการปรามเท่านั้น โดยครูก็ยอมรับผิดกับที่ตัวเองทำ และยืนยันว่าไม่มีเจตนาโยนให้โดนเด็ก เพียงแต่ต้องการปรามเด็ก หลังเกิดเหตุครูพละก็ดูแลค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล และมีการไปเยี่ยมอาการ ไม่เคยปัดความรับผิดชอบ ส่วนคดีความทางตำรวจได้เรียกไปเจรจาตกลงค่าเสียหายและค่าทำขวัญกันมาแล้ว ครั้งแรกเมื่อวันที่ 18 ส.ค. ถัดมาวันที่ 2 ก.ย. ทั้งครูและโรงเรียนพร้อมช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลจนกว่าเด็กจะหายเป็นปกติ สำหรับค่าทำขวัญที่ผู้ปกครองเรียกร้อง 300,000 บาทนั้น ยังตกลงกันไม่ได้ เพราะจะนำไปหารือกันก่อน และมีการนัดเจราครั้งที่ 3 ในวันที่ 12 ก.ย. ที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้ครูพละได้ให้ภรรยาเป็นตัวแทนมาเจรจา และโรงเรียนเสนอว่าจะจ่ายเป็นเงิน 80,000 บาท รวมค่าใช้จ่ายและรักษาพยาบาลที่ผ่านมาจำนวน 40,099 บาท รวม 120,099 บาท และเสนอเพิ่มจ่ายเป็นเงิน 100,000 บาท รวมค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลดังกล่าว รวมเป็นเงิน 140,099 บาท ซึ่งไม่รวมค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นในอนาคต ทางฝ่ายผู้ปกครองไม่รับข้อเสนอ แต่ขอให้ครูและโรงเรียนจ่ายค่าทำขวัญกับค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 100,000 บาท ไม่รวมเงินที่จ่ายไปแล้ว และให้ออกค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลจนกว่าเด็กจะหายเป็นปกติ ซึ่งคู่กรณีตกลงกันไม่ได้ ทางฝ่ายผู้ปกครองจึงนำเด็กเข้าร้องเรียนมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี กระทั่งกลายเป็นข่าว
นายชูเกียรติ กล่าวว่า ที่ผ่านมา สพม.31 ได้กำชับผู้บริหารโรงเรียนมาโดยตลอดในเรื่องการทำงานของครูไม่ใช้ความรุนแรง และไม่เคยมีเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายรุนแรงเกิดขึ้น ส่วนตนเชื่อว่าโดยจิตสำนึกของครูมีจิตวิญญาณในการดูแลอบรมเด็กอยู่แล้ว.-สำนักข่าวไทย