กรุงเทพฯ 15 ส. – กรมปศุสัตว์ยืนยันวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าที่ใช้ฉีดในสัตว์สร้างภูมิคุ้มกันโรคมาตรฐานสากล แนะนำสัตว์ฉีดวัคซีนตามโปรแกรมต่อเนื่อง
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าววว่า วัคซีนพิษสุนัขบ้าที่กรมปศุสัตว์ใช้มีการสุ่มตรวจสอบสถานะภูมิคุ้มกันโรคพิษสุนัขบ้าหลังฉีดวัคซีนในสุนัข โดยการเจาะเลือดสุนัขที่ได้รับการฉีดวัคซีนเพื่อตรวจวิเคราะห์ระดับภูมิคุ้มกันโรคทางห้องปฏิบัติการ พบว่ามีระดับภูมิคุ้มกันโรคที่สามารถให้ความคุ้มโรคได้ตามมาตรฐานสากล สอดคล้องกับขั้นตอนการนำเข้าวัคซีนจะต้องได้รับการขึ้นทะเบียนและรับรองโดยหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข และมีใบรับรองคุณภาพวัคซีนจากประเทศจากผู้ผลิต อีกทั้งต้องได้คุณภาพและมาตรฐานตามข้อกำหนดขององค์การสุขภาพสัตว์โลก (OIE) การนำเข้าวัคซีน และจะต้องมีใบรับรองคุณภาพวัคซีนจากประเทศผู้ผลิตในยุโรปและอเมริกาแล้ว รวมถึงต้องได้รับการขึ้นทะเบียนและรับรองโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข นอกจากนี้ วัคซีนที่ใช้ในปัจจุบันกรมปศุสัตว์เป็นผู้จัดซื้อ 1 ล้านโดส ส่วนที่เหลือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และสถานพยาบาลสัตว์เอกชนเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งวัคซีนทั้งหมดถูกกระจายและนำไปใช้ยังพื้นที่ทั่วประเทศแล้ว โดยการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องโรคพิษสุนัขบ้านั้น จำเป็นต้องอาศัยการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย ซึ่งกรมปศุสัตว์พร้อมรับข้อคิดเห็นต่าง ๆ และจะนำไปปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินการ รวมถึงการแก้ไขปัญหาอุปสรรคอย่างต่อเนื่องต่อไป
ด้านนายสัตวแพทย์บรรจง จงรักษ์วัฒนา ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ กล่าวว่า กรมปศุสัตว์ตรวจสอบผลการใช้วัคซีน โดยสุ่มตรวจสอบสถานะภูมิคุ้มกันโรคหลังฉีดวัคซีนในสุนัขเจาะเลือดตรวจภูมิคุ้มกันในซีรั่มและตรวจยืนยันด้วยวิธีทดสอบตามมาตรฐานสากล ตั้งแต่เดือน ม.ค.–มิ.ย. 61 ซึ่งพบว่ามีภูมิคุ้มกันในระดับที่เพียงพอ
กรมปศุสัตว์ขอแนะนำให้ประชาชนนำสัตว์ไปฉีดวัคซีนตามโปรแกรมอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ โดยโปรแกรมที่ถูกต้อง คือ สุนัขและแมวต้องได้รับวัคซีนเข็มแรกเมื่ออายุ 2–3 เดือน และฉีดกระตุ้นซ้ำอีก 1 เข็ม ห่างกัน 1 เดือน หลังจากนั้นต้องฉีดกระตุ้นซ้ำทุกปี หากสัตว์เลี้ยงถูกสุนัขอื่นกัดก็ต้องฉีดวัคซีนกระตุ้นซ้ำทันที
นายสัตวแพทย์บรรจง ย้ำว่า การส่งซากสัตว์หรือหัวสุนัขตรวจวินิจฉัยโรคพิษสุนัขบ้า ไม่มีการลดจำนวนส่งตรวจเพื่อให้ผลบวกลดลงแต่อย่างใด โดยขอให้ส่งตรวจหัวสุนัขที่แสดงอาการหรือสงสัยทุกกรณีไปยังสำนักงานปศุสัตว์หรือห้องปฏิบัติการของกรมปศุสัตว์ในพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์พร้อมที่จะอำนวยความสะดวกในการส่งตัวอย่าง นอกจากนี้ จากการกำหนดให้พื้นที่พบผลบวกเป็นพื้นที่สีแดงนั้น เพื่อเป็นการเร่งให้เจ้าหน้าที่ฉีดวัคซีนในรัศมีที่กำหนดให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ไม่ได้เป็นการเปลี่ยนสีเมื่อครบกำหนดเวลาหรือมีการลบพื้นที่เดิม ซึ่งเป็นแนวทางที่ใช้ในการติดตามความก้าวหน้าในการควบคุมโรคของเจ้าหน้าที่.-สำนักข่าวไทย