ปทุมธานี 4 ก.ย-กรมปศุสัตว์ ระดมชุดเฉพาะกิจลงพื้นที่ตรวจสอบสารเร่งเนื้อแดง จากสถานที่จำหน่ายเนื้อสัตว์ พร้อมขับเคลื่อนนโยบาย “ประเทศไทยปลอดสารเร่งเนื้อแดง” ตามจุดยืนของ ก.เกษตรฯ ที่ห้ามใช้สารดังกล่าวทุกขั้นตอนการผลิต เพื่อคุ้มครองสุขภาพประชาชนและเสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อประเทศคู่ค้า
นายสัตวแพทย์สมชวน รัตนมังคลานนท์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า กรมปศุสัตว์ได้ดำเนินมาตรการเฝ้าระวังและปราบปรามการใช้สารเร่งเนื้อแดงมาอย่างต่อเนื่องตามนโยบายของนายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเฉพาะในปีนี้ได้ยกระดับสู่การดำเนินการเชิงรุกทั่วประเทศ ครอบคลุมตั้งแต่โรงงานผลิตอาหารสัตว์ ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ โรงฆ่าสัตว์ จนถึงสถานที่จำหน่ายเนื้อสัตว์ในตลาดทั่วไป
“จุดยืนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ชัดเจนว่า ห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดงทุกขั้นตอนการผลิต ทั้งเพื่อคุ้มครองสุขภาพประชาชน และสร้างความมั่นใจในสินค้าเกษตรไทยในเวทีการค้าโลก” นายสัตวแพทย์สมชวนกล่าว
ล่าสุด กรมปศุสัตว์มอบหมายให้นายสัตวแพทย์ยุทธนา โสภี ผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบและรับรองมาตรฐานสินค้าปศุสัตว์ พร้อมชุดเฉพาะกิจของกรมฯ ซึ่งประกอบด้วย สำนักงานปศุสัตว์เขต 1 สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดปทุมธานี กองสารวัตรและกักกัน สำนักงานตรวจสอบคุณภาพสินค้าปศุสัตว์ บูรณาการร่วมกับตำรวจสอบสวนกลาง และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัด ลงพื้นที่ตรวจสารเร่งเนื้อแดง ณ อาคารตลาดเนื้อสัตว์ ตลาดไท ถนนพหลโยธิน ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี จากการตรวจสอบ ไม่พบเนื้อสัตว์ที่มีการปนเปื้อนสารเร่งเนื้อแดง โดยกรมฯ จะขยายผลการตรวจสอบในพื้นที่อื่นทั่วประเทศต่อไปอย่างต่อเนื่อง
นายสัตวแพทย์ยุทธนา โสภี อธิบายว่า สารเร่งเนื้อแดงที่พบว่ามีการลักลอบใช้อย่างผิดกฎหมาย ได้แก่ ซาลบูทามอล (Salbutamol) แรคโทพามีน (Ractopamine) ซึ่งเป็นสารในกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์ มีฤทธิ์กระตุ้นการสร้างกล้ามเนื้อและลดไขมัน ทำให้เนื้อมีสีแดงสด ชั้นไขมันบาง เป็นที่ต้องการของตลาด แต่หากสารเหล่านี้ตกค้างในผลิตภัณฑ์และผู้บริโภคได้รับเข้าสู่ร่างกาย จะก่อให้เกิดอาการ เช่น ใจสั่น มือสั่น กล้ามเนื้อกระตุก ปวดศีรษะ คลื่นไส้ ความดันโลหิตสูง โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงอย่างหญิงตั้งครรภ์ และผู้ป่วยโรคหัวใจ
การใช้สารเร่งเนื้อแดงมีความผิดตาม ประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พ.ศ. 2559 กำหนดให้สารเร่งเนื้อแดงเป็นวัตถุต้องห้าม หากฝ่าฝืนมีความผิดตาม พระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2558 มาตรา 71 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ยังผิดตาม ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 269) พ.ศ. 2546 เรื่อง มาตรฐานอาหารที่มีการปนเปื้อนสารเคมีกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์ หากตรวจพบถือว่า อาหารนั้นผิดมาตรฐาน ตาม พ.ร.บ. อาหาร พ.ศ. 2522 มาตรา 25 (3) มีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท
กรมปศุสัตว์ขอความร่วมมือจากผู้จำหน่ายและผู้บริโภคร่วมกันเฝ้าระวัง หากพบเบาะแสการใช้สารเร่งเนื้อแดงในสัตว์หรือผลิตภัณฑ์ สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่ : สายด่วนกรมปศุสัตว์ โทร. 063-225-6888 หรือผ่าน แอปพลิเคชัน DLD 4.0 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.-สำนักข่าวไทย