ปตท.สั่งระงับใช้เรือ PSP1 หลังปล่อยคราบน้ำมัน

กรุงเทพฯ  14 มิ.ย. – ปตท.สั่งระงับการใช้เรือ PSP1 ในสัญญาจ้างทันที หลังเกิดเหตุปล่อยคราบน้ำมัน พร้อมกำกับดูแลและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด


จากเหตุการณ์ที่ศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลเขต 1 (ศรชล. 1) สั่งจับเรือสินค้าปล่อยคราบน้ำมันลงทะเลบริเวณเกาะแสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี วันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา  โดยนายสุชาติ น้ำหมั่นคง อายุ 63 ปี สัญชาติไทย เป็นผู้ควบคุมเรือ ได้กระทำการปล่อยคราบน้ำมันลงในทะเล ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.ประมง 2558 มาตรา 58 (3) ปล่อย เท ทิ้ง ระบาย หรือทำให้สิ่งใดลงสู่ที่จับสัตว์น้ำในลักษณะที่เป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำ และ (4) ทำให้ที่จับสัตว์น้ำเกิดมลพิษในลักษณะที่เป็นอันตรายแก่สัตว์น้ำ และ พ.ร.บ.เดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 มาตรา 204 ผู้ใดเท ทิ้งหรือปล่อยให้น้ำมันปิโตรเลียมหรือน้ำมันปนกับน้ำรั่วไหลด้วยประการใด ๆ ลงในทะเลภายในน่านน้ำไทย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

นายพีรทักษ์ อุตะเดช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ปฏิบัติการคลังปิโตรเลียม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่าเรือดังกล่าวเป็นเรือที่อยู่ในสัญญาจ้างของ ปตท.ในนามบริษัท Vision Marine โดยเป็นเรือเปล่าที่จะไปรับน้ำมันจาก จ.ระยอง แต่ในช่วงเวลาดังกล่าวเกิดคลื่นลมแรง เพื่อความปลอดภัยจึงจอดพักเรือและเกิดเหตุขึ้น เมื่อ ปตท.รับทราบเหตุการณ์ได้สั่งระงับการใช้เรือ PSP1 ทันที และแจ้งบริษัทผู้ขนส่งทางเรือทุกราย เน้นย้ำให้ควบคุม ดูแลและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด  ทั้งนี้เหตุการณ์ดังกล่าวอยู่ระหว่างการสอบสวนหาข้อเท็จจริง หากมีการกระทำความผิดจริง ปตท.จะสั่งห้ามไม่ให้ผู้ควบคุมเรือลำดังกล่าวนำเรือที่มีอยู่ในสัญญาของ ปตท.ทั้งหมด และเร่งดำเนินการตามกฎหมาย พ.ร.ก.ประมง 2558 มาตรา 58 (3) และ (4) ส่วนค่าเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด ปตท.จะดำเนินการเรียกชดเชยกับบริษัท Vision Marine ซึ่งเป็นเจ้าของเรือ ตามสัญญาจ้างกับ ปตท. ต่อไป


“ปตท.ดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด หากมีผู้กระทำผิดตามกฎหมาย ปตท.จะลงโทษและดำเนินการอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระทำที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ปตท.ดำเนินธุรกิจควบคู่ดูแลสังคม ชุมชน ตลอดจนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนทั้งลูกค้า คู้ค่า และชุมชนอย่างเป็นธรรมตลอดมา” นายพีรทักษ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผ่าไชน่า เรลเวย์ คว้า 3 โครงการรัฐในภูเก็ต

เหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม กลายเป็นปฐมบทในการปูพรมตรวจสอบบริษัท ไชน่า เรลเวย์ หลังพบเป็นผู้ชนะการประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง. และโครงการรัฐหลายแห่งทั่วประเทศ ล่าสุดที่ จ.ภูเก็ต ตรวจพบ 3 โครงการ และหนึ่งในนั้นกำลังมีปัญหาก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน

มหาสงครามโลก

นักวิชาการชี้ “มหาสงครามโลกครั้งที่ 3” เกิดแน่ถ้าโลกยังตึงเครียด

นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศระดับแนวหน้าของไทย มีความเห็นตรงกันว่า หากผู้นำชาติมหาอำนาจไม่เร่งลดระดับความตึงเครียดสถานการณ์โลก

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว หลังอยู่ปฏิบัติภารกิจค้นหา-กู้ชีพ สนับสนุนกู้ภัยไทย เหตุตึก สตง.ถล่ม กว่า 1 สัปดาห์

ธรรมชาติใต้ดินเปลี่ยนไป หลังแผ่นดินไหว 1 สัปดาห์

แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งแรงสั่นสะเทือนในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ แม้บนพื้นผิวดินจะไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก แต่พบความเปลี่ยนแปลงสภาพใต้ดินจนเกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งหลุมยุบขนาดใหญ่ น้ำพุร้อนที่เคยพุ่งจากใต้ดินหายไป แต่น้ำตกที่แห้งในหน้าแล้งกลับมีน้ำไหลออกมา ซึ่งนักธรณีวิทยายืนยันเป็นผลพวงจากแผ่นดินไหวครั้งนี้

ข่าวแนะนำ

“ไฮโซกำมะลอ” กระโดดชั้น 3 สน.โคกคราม

“ไฮโซเก๊” โลก 2 ใบ เครียดปีนตึก หลังถูก “คะน้า” ดาราสาว ออกมาแฉกลางรายการดัง จนตำรวจต้องเข้าเกลี้ยกล่อมพาไปโรงพัก แต่ยังวิ่งหนีการควบคุม กระโดดลงมาจากชั้น 3 สน.โครกคราม บาดเจ็บ

วันที่ 11 ปฏิบัติการกู้ซากตึก สตง. ถล่ม

วันที่ 11 ของปฏิบัติการกู้ซากตึก สตง. พังถล่ม เจ้าหน้าที่เดินหน้าใช้เครื่องจักรหนักเข้า เคลียร์ซากต่อเนื่อง โดยเฉพาะโซนบี และซี ที่คาดว่าเป็นจุดที่มีผู้ติดค้างอยู่จำนวนมาก

ชุดค้นหาลงโพรงโซน B, C ลึก 5-6 เมตร ได้กลิ่นแรง ไม่พบผู้สูญหาย

“กู้ภัย” เผยเจาะโพรงพื้นที่โซน B และ C ได้แล้ว พร้อมส่งชุดค้นหาลงโพรงไปตรวจสอบลึก 5-6 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหายเพิ่ม แต่ได้กลิ่นแรง เร่งเดินหน้าเครื่องจักรหนักเคลียร์ซากต่อเนื่อง ยันจะช่วยเหลือจนกว่านำร่างสุดท้ายออกมาครบ