กองทัพบก เปิดพื้นที่ให้คณะ ICRC เข้าเยี่ยมเชลยศึกกัมพูชา

กทม. 5 ส.ค.-กองทัพบก เปิดพื้นที่ให้คณะ ICRC เข้าเยี่ยมเชลยศึกกัมพูชา ตามขั้นตอนสากล ยืนยันยึดหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 กองทัพบก ได้ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ อำนวยความสะดวกให้แก่คณะเจ้าหน้าที่จากสำนักงานภูมิภาคคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (International Committee of the Red Cross: ICRC) ประจำกรุงเทพฯ ในการเข้าเยี่ยมเชลยศึกชาวกัมพูชาจำนวน 18 นาย ณ สถานที่ควบคุมตัวในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 2 โดย ICRC ถือเป็นหน่วยงานด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศที่ดูแลเรื่องเกี่ยวกับเชลยศึกโดยตรง ปฏิบัติงานตามหลักสากลด้วยความมีมาตรฐาน เป็นกลาง และเป็นที่ยอมรับของนานาชาติการเข้าเยี่ยมในครั้งนี้เป็นไปตามขั้นตอนปกติของหน่วยงาน ICRC ไม่ได้เข้ามาตรวจสอบตามข้อเรียกร้องของฝ่ายกัมพูชาที่มีการกล่าวอ้างแต่อย่างใดมีวัตถุประสงค์เพื่อรับทราบสภาพความเป็นอยู่ของเชลยศึก และเป็นช่องทางในการติดต่อกับครอบครัว อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงความเคารพและยึดมั่นของประเทศไทยในการปฏิบัติตามหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะพันธกรณีตามอนุสัญญาเจนีวา ค.ศ. 1949 ที่ประเทศไทยเป็นภาคี ตลอดจนเน้นย้ำถึงความโปร่งใสในการดำเนินงาน การดูแลเชลยศึกด้วยศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ ตามมาตรฐานและแนวปฏิบัติสากลที่เกี่ยวข้อง ในโอกาสนี้ กองทัพบกได้เปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ ICRC เข้าพบและพูดคุยกับเชลยศึกอย่างอิสระโดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลา พร้อมทั้งจัดให้มีการตรวจสุขภาพ เพื่อยืนยันว่าไม่มีการซ้อมทรมานหรือการปฏิบัติที่ไม่เหมาะสม ตามที่มีการกล่าวอ้างในบางสื่อ ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริงแต่อย่างใด นอกจากนี้ […]

ทบ.-ทภ.2 นำกาชาดสากล เยี่ยม 18 เชลยศึก “ทหารกัมพูชา”

กองทัพบก 5 ส.ค.-วันนี้ ทบ.-ทภ.2 นำ ‘กาชาดสากล’ เยี่ยม 18 เชลยศึก “ทหารกัมพูชา” ที่ไทยคุมตัว ยึดอนุสัญญาเจนีวา พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษก ทบ. ชี้แจงกรณีฝ่ายกัมพูชาพยายามเรียกร้อง การส่งตัวกลับของ ‘เชลยศึกกัมพูชา’ ทั้งอยู่ในขั้นตอนกฎหมายระหว่างประเทศ ว่า ความพยายาม มีนัยยะแอบแฝง เพื่อหวังทำลายความน่าเชื่อถือฝ่ายไทย ในสายตาชาวโลก แต่เชื่อว่าไม่มีผล เพราะฝ่ายไทยดำเนินการทุกอย่างไปตามกรอบกฎหมายและกติกาสากลอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา ต่างจากทางฝ่ายของกัมพูชาเอง กรณีเชลยศึกกัมพูชานั้น ฝ่ายไทยมีความจำเป็นและมีเหตุผลในการควบคุมตัว ตามกฎหมายสากลระหว่างประเทศและอนุสัญญาเจนีวา ด้วยการดูแลเป็นอย่างดี ที่ผ่านมายึดตามอนุสัญญาเจนีวา และตามหลักกติกาสากล ไทยได้ส่งกลับทหารกัมพูชาอย่างเป็นทางการคืนไปจำนวน 18 ศพ ผ่านขั้นตอนที่ถูกต้อง ในลักษณะเป็นการให้เกียรติ ต่อผู้สูญเสียถึงแม้จะเป็นทหารกัมพูชา ซึ่งอยู่ฝ่ายตรงข้าม นอกจากนั้นเมื่อ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ฝ่ายไทยได้ส่งทหารกัมพูชากลับอีกจำนวน 2 คน ที่มีอาการบาดเจ็บสาหัส และสติฟั่นเฟือนโดยไทยได้ ดูแลรักษาพยาบาลเป็นอย่างดี ก่อนไทยดำเนินการส่งกลับตามช่องทางอย่างถูกต้องตามอนุสัญญาเจนีวา กลับปรากฏว่าทางฝ่ายกัมพูชามีหนังสือการฟ้องสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ OHCHR ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศไทยจึงได้มีหนังสือถึง (OHCHR) […]

9 ทันโลก : อาชญากรสงครามกัมพูชา

29 ก.ค. – การที่กัมพูชาโจมตีไทย หลายครั้งเป็นที่ชัดเจนว่า เข้าข่ายอาชญากรรมสงคราม รายงาน 9 ทันโลกวันนี้ พาไปติดตามที่มา ขอบเขตและขั้นตอนการดำเนินคดีกับอาชญากรสงคราม.-สำนักข่าวไทย

9 ทันโลก : กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาเจนีวาอย่างไร

24 ก.ค. – จากหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ (24 ก.ค.) ทางกองทัพบกระบุว่า กัมพูชาละเมิดอนุสัญญาเจนีวา รายงาน 9 ทันโลก พาไปติดตามว่า อนุสัญญาเจนีวาสำคัญอย่างไรกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้น แม้ในยามสู้รบก็ยังต้องมีกฎเกณฑ์กติกา เพื่อไม่ให้การปะทะทางการทหารกระทบกับประชาชนพลเรือน จึงมีกฎหมายระหว่างประเทศต่างๆ มาปกป้อง ซึ่งวันนี้กองทัพไทยได้ประกาศชัดเจนว่ากัมพูชาใช้อาวุธหนักโจมตีเป้าหมายพลเรือนจึงเป็นเรื่องยอมรับไม่ได้ เพราะละเมิดอนุสัญญาเจนีวา อนุสัญญาเจนีวา ก่อกำเนิดจากบทเรียนเลวร้ายของมนุษยชาติ ในการทำสงครามสู้รบ ประหัตประหารกัน บุคคลผู้บริสุทธิ์ เจ้าหน้าที่การแพทย์ เชลยศึก และทหารผู้บาดเจ็บ ต้องเป็นอันตรายหรือเสียชีวิต ดังนั้น อนุสัญญาเจนีวา จึงเป็นกลไกหลักของกลุ่มกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ หรืออาจเรียกว่า กฎหมายสงคราม ที่มีหลักการสำคัญ คือ หลักการแบ่งแยกพลรบกับพลเรือน หลักการความได้สัดส่วน หลักการเตือนภัยก่อนการโจมตี หลักความจำเป็นทางทหาร หลักมนุษยธรรม หลักการเหล่านี้เป็นการจำกัดผลกระทบและคุ้มครองบุคคลที่ไม่ได้เข้าร่วมในการสู้รบ นำมาซึ่งอนุสัญญาเจนีวา ที่ไทยกับอีกหลายประเทศได้เข้าร่วมเป็นภาคีเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ. 1949 โดยอนุสัญญาเจนีวา ประกอบด้วยชุดสนธิสัญญา 4 ฉบับ ได้แก่ 1.อนุสัญญาเจนีวาเพื่อให้ผู้บาดเจ็บและป่วยไข้ในกองทัพในสนามรบมีสภาวะดีขึ้น เพื่อคุ้มครองทหารบาดเจ็บหรือล้มป่วยในสนามรบทางบก 2. […]

...