24 ก.ค. – ไล่เรียงไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นในวันนี้ (24 ก.ค.) มีที่มาที่ไปอย่างไร
พลันที่ชุดลาดตระเวน กองพันทหารราบที่ 14 เหยียบกับระเบิดที่ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อเย็นวานนี้ (23 ก.ค.) ทำให้ทหาร 1 นาย บาดเจ็บสาหัสขาขาด อีก 4 นาย บาดเจ็บ ซ้ำรอยเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนขาขาดในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ทำให้สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตึงเครียดถึงขีดสุด
พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยกระดับมาตรการตอบโต้สั่งปิดด่าน 4 แห่ง คือ ช่องอานม้า, ช่องสะงำ, ช่องจอม และช่องสายตะกู พร้อมปิดสถานที่ท่องเที่ยว 2 แห่ง คือ ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควายทันที

07.35 น. วันนี้ (24 ก.ค.) ความรุนแรงเริ่มชัดเจนขึ้น เมื่อทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม รายงานว่าได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชา บินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้มองไม่เห็นตัวอากาศยาน แต่ได้ยินเสียงชัดเจน
ต่อมาเจ้าหน้าที่พบกำลังพลกัมพูชา 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือ รวมทั้งอาวุธหนักอย่าง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนาม บริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ
จากนั้นเวลา 08.20 น. เสียงปืนนัดแรกก็ดังขึ้น เมื่อฝ่ายกัมพูชาเริ่มเปิดฉากยิงก่อน บริเวณตรงข้ามฐานหมูป่า ทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือนธม ห่างจากปราสาท 200 เมตร ทำให้ฝ่ายไทยจำเป็นต้องตอบโต้
ก่อนที่สถานการณ์จะขยายพื้นที่ออกไปตามแนวชายแดนต่างๆ และเกิดพื้นที่ปะทะอีก 6 จุด ได้แก่ พื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ประสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร บริเวณห้วยตามาเรีย ภูมะเขือ ช่องอานม้า ช่องจอม
ฝ่ายกัมพูชาใช้อาวุธหนัก เช่น BM21 และปืนใหญ่ขนาด 122 มิลลิเมตร ยิงข้ามมายังฝั่งไทย ทำให้เกิดความเสียหายแก่บ้านเรือนประชาชน รวมถึงพื้นที่สาธารณะ คือ ศูนย์พัฒนาพื้นที่ชายแดน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ และยังโจมตีไปยังโรงพยาบาลของไทย
แต่จุดที่ความเสียหายดูจะรุนแรงที่สุดคือ บริเวณปั๊มน้ำมัน ปตท. บ้านผือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อกระสุนปืนใหญ่ตกใส่ร้านสะดวกซื้อในปั๊ม ทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้ทันที ชาวบ้านที่กำลังซื้อของในร้านสะดวกซื้อ เสียชีวิตแล้ว 7 คน บาดเจ็บอีกกว่า 10 คน
ขณะที่ฝ่ายไทยตอบโต้ด้วยปืนใหญ่สนาม มีรายงานกำลังพลบาดเจ็บ 2 นาย ขณะที่ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ. เดินทางไปพื้นที่แนวหน้าและเข้าร่วมบัญชาการรบด้วยตนเอง พร้อมเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลและผู้ได้รับบาดเจ็บ
เวลา 11.00 น. เครื่องบิน F-16 จำนวน 6 เครื่อง ของกองทัพอากาศไทย ถูกส่งไปสนับสนุนการสู้รบ เข้าโจมตีเป้าหมายที่ตั้งอาวุธหนักทหารกัมพูชาที่ บก.พล.น้อย ส่วนสนับสนุนที่ 8 และกองพลน้อย ส่วนสนับสนุนที่ 9 โดยมีคำยืนยันว่าภายหลังปฏิบัติการทางอากาศ F-16 ทั้ง 6 เครื่องที่ใช้เวลาปฏิบัติการ 20 นาที ได้กลับฐานปฏิบัติการอย่างปลอดภัย
เวลา 12.30 น. กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) แถลงประณามกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุด กรณีลอบวางทุ่นระเบิดในดินแดนไทย และโจมตีเป้าหมายพลเรือนของไทย โดยเฉพาะโรงพยาบาล พร้อมระบุรัฐบาลพร้อมยกระดับป้องกันตนเองหากกัมพูชายังไม่ยุติการโจมตี.-สำนักข่าวไทย