สภาฯ ถกลับ 7 ญัตติส่อสงครามไทย-กัมพูชา

รัฐสภา 24 ก.ค.- สภาฯ ถกลับ 7 ญัตติส่อสงครามไทย-กัมพูชา! ‘กัณวีร์’ แฉเล่ห์เขมร หวังฟ้อง ‘องค์กรประชาคมโลก’ เข้าแทรกแซงหยุด ‘ปฏิบัติทางการทหารไทย’ ยันกัมพูชาพฤติกรรมชัดทำกฎมนุษยธรรมระหว่างประเทศแตกสลาย บั่นทอนสัมพันธ์ บี้รัฐบาล-บัวแก้ว เข้มเร่งงานการต่างประเทศ อย่าอืดตามก้นไม่ทัน ต้องดึงโลกมาเข้าข้างเราให้ได้ ด้าน ‘โรม’ ชี้ช่อง ‘ฝ่ายตรงข้าม’ ตั้งฐานใกล้ ‘ปราสาทแหล่งมรดกโลก’ กระทบปุ๊บ ฟ้อง ‘ศาลโลก’ ทันที แนะยกหูคุย ‘ปธ.อาเซียน’ กล่อมอย่าตก ‘หลุมพราง’ เหลี่ยมถูก ‘รังแก’


การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจาเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาจากสถานการณ์การปะทะกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นญัตติในลักษณะเดียวกัน จำนวน 7 ญัตติ แบ่งเป็น ฝั่งพรรคร่วมรัฐบาล ได้แก่ญัตติของ พรรคเพื่อไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคกล้าธรรม และพรรคประชาธิปัตย์ และฝั่งพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้แก่ญัตติของ พรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย และพรรคเป็นธรรม โดยได้มีการเปิดให้ตัวแทนเจ้าของญัตติทั้ง7ญัตติ อภิปรายเสนอญัตติ และชี้แจงเหตุผลเบื้องต้นของการเสนอญัตติ จากนั้นจะเป็นการประชุมลับ โดยในช่วงการอภิปรายสนับสนุนของสมาชิก ทั้งนี้ตัวแทนผู้เสนอญัตติได้อภิปรายถึงเหตุผลของการเสนอญัตติในภาพรวม เพื่อส่งข้อเสนอแนะให้รัฐบาลรับทราบ รวมถึงเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งตั้งศูนย์ข่าว ศูนย์ช่วยเหลือประชาชน รวมถึงมีแผนอพยพประชาชน ดูแลชีวิตและทรัพย์สิน ให้มีความชัดเจน เพื่อลดความสับสนในพื้นที่

สำหรับการอภิปรายในช่วงการเสนอญัตติ ที่ยังเป็นการประชุมแบบเปิด มีสมาชิกอภิปรายเนื้อหาน่าสนใจ อาทิ นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ชี้แจงตอนหนึ่งว่า ตนมีเหตุผลเดียว ความอ่อนแอในการดำเนินงานด้านการต่างประเทศ และไม่สามารถวิเคราะห์แนวทางการแก้ปัญหาโดยใช้การต่าบประเทศนำความมั่นคง ขอแสดงความเสียใจกับประชาชนทั้ง2ฝ่ายที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงผู้สูญเสีย ขอให้กำลังใจประชาชน ข้าราชการ หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ สิ่งเหล่านี้ไม่น่าเกิดขึ้นเลย แต่มันเป็นไปตามสิ่งที่กัมพูชากำหนดไว้ ล่าสุดนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์ข้อความว่า ได้ทำหนังสือถึงรักษาการประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC แล้ว ในการที่จะให้ UNSC เข้ามาแทรกแซง เข้ามาหยุดการปฏิบัติการทางทหารของประเทศไทยที่เบ้าไปทำลายประเทศเขา นั่นคือสิ่งที่เขาต้องการ


“หากงานการต่างประเทศของไทยเราเข้มแข็ง เราจะมองเห็นว่าสุดท้ายที่เขาต้องการคือเข้าไปถึง UNSC เพราะ UNSC มีข้อผูกมัดกับ180ประเทศทั่วโลกที่เป็นสมาชิก และยอมรับหาก UNSC มีการพิจารณาออกมา ตอนนี้การดำเนินการประเทศไทยจะทำอย่างไร หากมีการพิจารณาออกมา การใช้แนวทางการทูตของประเทศไทยในการแก้ไขปัญหาจะทำได้หรือไม่ ตรงนี้เป็นความท้าทายของเรา ที่เราจำเป็นต้องแสดงความเชื่อมั่นให้ประชาคมโลกเห็นว่าเรานำการทูตมาแก้ไขปัญหาได้จริงๆ ประเทศต่างๆจำเป็นต้องมีการวางแผนใช้การทูต สงครามไม่ใช่สิ่งที่ปราถนา สงครามเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะต้องเกิดขึ้นในโลกใบนี้ สันติภาพที่ยั่งยืนต่างหากที่จำเป็น แต่เราจะทำอย่างไรให้สันติภาพนำหน้าภาวะสงคราม เราช้าจริงๆในด้านงานการต่างประเทศ เขาไปถึงตรงนั้นแล้ว เราอยู่ตรงไหน” นายกัณวีร์ กล่าว

นายกัณวีร์ กล่าวต่อว่า หลังจากเกิดเหตุที่วานนี้(23ก.ค.) ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดบาดเจ็บสาหัส โชคดีที่เราได้มีการดำเนินการตามงานการต่างประเทศแล้ว 4 จาก 6 มาตรการ ตามสนธิสัญญาเวียนนา ได้แก่ การประท้วง การเรียกทูตเข้าไปคุย การเรียกทูตไทยกลับมา และส่งทูตกัมพูชากลับไป เหลืออีกเพียง2มาตรการ ที่เราจำเป็นต้องทำ เราต้องเร่งกระบวนการพิจารณาให้ดีว่าจะตัดสัมพันธ์ทางการทูต จนไปถึงการปิดสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้ได้ หากดำเนินการครบ 6 มาตรการตามสนธิสัญญาเวียนนา จะเป็นหลักประกันว่าเราได้ดำเนินการตามกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศให้ได้ ปัจจุบันกัมพูชาได้ผิดข้อตกลงว่าด้วยการเคารพทางกฎหมายระหว่างประเทศ ด้านมนุษยธรรมในภาวะสงคราม ขณะนี้คือภาวะสงครามที่เกิดขึ้น และกัมพูชาไม่เลือกเป้าหมายว่าเป็นพื้นที่เป้าหมายทางการทหาร แต่ไปเลือกพื้นที่พลเรือน ดังนั้น กระทรวงการต่างประเทศ ต้องทำงานให้มากกว่ากัมพูชา ต้องดึงประชาคมโลกมาเข้าข้างประเทศไทยให้ได้ จะมาบอกว่าเราใช้ F-16 เขาใช้แค่เครื่องยิงจรวด BM-21 ไม่ได้ เราต้องยึดมั่นว่ามีเป้าหมายทางด้านการทหารเพียงเท่านั้น

“การปฏิบัติการครั้งนี้ของกัมพูชา ทำให้กฎหมายระหว่างประเทศต่างๆโดยเฉพาะกฎหมายระหว่างประเทศทางด้านมนุษยธรรมมันแตกสลาย มันบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไม่ใช่แค่ไทย-กัมพูชาเท่านั้น แต่บั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในประชาคมโลก ผมจึงอยากเห็นแผนงานการต่างประเทศ ของรัฐบาลชุดนี้“ นายกัณวีร์ กล่าว


ด้านนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายชี้แจงเหตุผลในการเสนอญัตติว่า แผนอพยพประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ ปัญหาที่ต้องทำเฉพาะหน้าคือให้ประชาชนของไทยได้รับผลกระทบน้อยที่สุด นอกจากนั้นต้องพัฒนาประสิทธิภาพของการแจ้งเตือนไปยังประชาชนในสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงให้มีความพร้อม และมีประเด็นที่ไทยทำได้ คือ การเชิญทูตทหารลงพื้นที่เพื่อให้เห็นต่อการก้าวร้าวของกัมพูชา

“รักษาการนายกฯต้องยกหูถึงประธานอาเซียน รวมถึงประธานสภาฯ ต้องช่วยสื่อสารไปยังประธานอาเซียน คือ มาเลเซีย เพื่อให้มิตรประเทศเข้าใจสถานการณ์ไม่ตกหลุมพรางของกัมพูชาที่สร้างเรื่องว่าถูกรังแก นอกจากนั้นกระทรวงการต่างประเทศต้องเร่งยื่นเรื่องไปยังยูเอ็นเอสซี เพราะเป้าหมายของกัมพูชาคือ กลุ่มเปราะบาง โรงพยาบาล หากกัมพูชายื่นก่อนไทยอาจตกเป็นจำเลยของนานาชาติ ควรต้องทำให้นานาประเทศเห็นเหมือนที่ไทยเห็น” นายรังสิมันต์ อภิปราย

นายรังสิมันต์ อภิปรายต่อว่า ในการประชุมกมธ.ความมั่นคง มีข้อมูลว่า กัมพูชาตั้งฐานไว้ที่ปราสาทต่างๆ ที่ถูกขึ้นเป็นมรดกโลก ซึ่งหากกองทัพไทยดำเนินการใดที่มีผลกระทบ กัมพูชาจะใช้โอกาสพาไทยขึ้นศาลโลก แม้ว่าผลการตัดสินจะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม กัมพูชาปรารถนาอย่างเดียวคือ ลากไทยขึ้นสู่ศาลโลก

ทั้งนี้เมื่อเจ้าของญัตติทั้ง7ญัตติ ได้เสนอญัตติ พร้อมอภิปรายเหตุผลในเบื้องต้นครบถ้วนแล้ว จากนั้นได้เข้าสู่การประชุมลับ ในช่วงการอภิปรายสนับสนุนลงรายละเอียดของสมาชิก ตามที่วิปทั้ง2ฝ่ายได้ตกลงร่วมกันมาก่อนหน้านี้ โดยประธานที่ประชุม ได้ขอให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกนอกห้องประชุม และไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนมีการบันทึกภาพและเสียงในการประชุมลับครั้งนี้อีกด้วย.-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

น่านยังอ่วม บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร

น่าน 25 ก.ค. – เข้าสู่วันที่ 3 น้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ของเมืองน่าน แม้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ในตัวเมือง-เขตเศรษฐกิจยังท่วมสูง บางจุดระดับน้ำเกือบ 2 เมตร ขณะที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นำทีมกู้ภัยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน .-สำนักข่าวไทย

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]

จรวด BM-21 ตกในพื้นที่สุรินทร์ 6 ลูก เร่งอพยพคนเพิ่ม

สุรินทร์ 25 ก.ค. – กระสุนของฝั่งกัมพูชามาตกไกลกว่าเหตุปะทะปี 2554 ตามที่เจ้าหน้าที่คาดการณ์ ล่าสุดมีจรวด BM-21 จำนวน 6 ลูก ตกในพื้นที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เตรียมอพยพประชาชนไปยังที่ปลอดภัยกว่า .-สำนักข่าวไทย

สดุดี 3 ทหารกล้า สมรภูมิปราสาทตาควาย

25 ก.ค.- กองทัพภาคที่ 2 สดุดี 3 ทหารกล้า สละชีพ สมรภูมิปราสาทตาควาย หลังกัมพูชายิงจรวด BM-21 หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ยืนยันมีทหารไทยเสียชีวิต 3 นาย จากการปฏิบัติหน้าที่เมื่อช่วงเช้าวันนี้ที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ หลังกัมพูชายิงจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ซึ่งกัมพูชานำไปจอดไว้ในพื้นที่ชุมชน โรงเรียน และวัด เพื่อเป็นโล่กำบัง โดยทหารที่เสียสละเพื่อประเทศชาติ ได้แก่ 1.สิบเอกนพดล บุญเลิศ 2.สิบเอก กฤษฎา น้อยโคตร 3.สิบเอก จิรายุ สิงห์อ้น กองร้อยลาดตระเวนระยะไกล ที่ 6 กองพลทหารราบที่ 6 ร้อย.ลว.ไกล 6 และมีสิบเอกสุทธิชัย เรื่อเรือง ได้รับบาดเจ็บ -สำนักข่าวไทย