สภาฯ ถกลับ 7 ญัตติส่อสงครามไทย-กัมพูชา

รัฐสภา 24 ก.ค.- สภาฯ ถกลับ 7 ญัตติส่อสงครามไทย-กัมพูชา! ‘กัณวีร์’ แฉเล่ห์เขมร หวังฟ้อง ‘องค์กรประชาคมโลก’ เข้าแทรกแซงหยุด ‘ปฏิบัติทางการทหารไทย’ ยันกัมพูชาพฤติกรรมชัดทำกฎมนุษยธรรมระหว่างประเทศแตกสลาย บั่นทอนสัมพันธ์ บี้รัฐบาล-บัวแก้ว เข้มเร่งงานการต่างประเทศ อย่าอืดตามก้นไม่ทัน ต้องดึงโลกมาเข้าข้างเราให้ได้ ด้าน ‘โรม’ ชี้ช่อง ‘ฝ่ายตรงข้าม’ ตั้งฐานใกล้ ‘ปราสาทแหล่งมรดกโลก’ กระทบปุ๊บ ฟ้อง ‘ศาลโลก’ ทันที แนะยกหูคุย ‘ปธ.อาเซียน’ กล่อมอย่าตก ‘หลุมพราง’ เหลี่ยมถูก ‘รังแก’


การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจาเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาจากสถานการณ์การปะทะกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นญัตติในลักษณะเดียวกัน จำนวน 7 ญัตติ แบ่งเป็น ฝั่งพรรคร่วมรัฐบาล ได้แก่ญัตติของ พรรคเพื่อไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคกล้าธรรม และพรรคประชาธิปัตย์ และฝั่งพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้แก่ญัตติของ พรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทย และพรรคเป็นธรรม โดยได้มีการเปิดให้ตัวแทนเจ้าของญัตติทั้ง7ญัตติ อภิปรายเสนอญัตติ และชี้แจงเหตุผลเบื้องต้นของการเสนอญัตติ จากนั้นจะเป็นการประชุมลับ โดยในช่วงการอภิปรายสนับสนุนของสมาชิก ทั้งนี้ตัวแทนผู้เสนอญัตติได้อภิปรายถึงเหตุผลของการเสนอญัตติในภาพรวม เพื่อส่งข้อเสนอแนะให้รัฐบาลรับทราบ รวมถึงเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งตั้งศูนย์ข่าว ศูนย์ช่วยเหลือประชาชน รวมถึงมีแผนอพยพประชาชน ดูแลชีวิตและทรัพย์สิน ให้มีความชัดเจน เพื่อลดความสับสนในพื้นที่

สำหรับการอภิปรายในช่วงการเสนอญัตติ ที่ยังเป็นการประชุมแบบเปิด มีสมาชิกอภิปรายเนื้อหาน่าสนใจ อาทิ นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ชี้แจงตอนหนึ่งว่า ตนมีเหตุผลเดียว ความอ่อนแอในการดำเนินงานด้านการต่างประเทศ และไม่สามารถวิเคราะห์แนวทางการแก้ปัญหาโดยใช้การต่าบประเทศนำความมั่นคง ขอแสดงความเสียใจกับประชาชนทั้ง2ฝ่ายที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงผู้สูญเสีย ขอให้กำลังใจประชาชน ข้าราชการ หน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ สิ่งเหล่านี้ไม่น่าเกิดขึ้นเลย แต่มันเป็นไปตามสิ่งที่กัมพูชากำหนดไว้ ล่าสุดนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์ข้อความว่า ได้ทำหนังสือถึงรักษาการประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC แล้ว ในการที่จะให้ UNSC เข้ามาแทรกแซง เข้ามาหยุดการปฏิบัติการทางทหารของประเทศไทยที่เบ้าไปทำลายประเทศเขา นั่นคือสิ่งที่เขาต้องการ


“หากงานการต่างประเทศของไทยเราเข้มแข็ง เราจะมองเห็นว่าสุดท้ายที่เขาต้องการคือเข้าไปถึง UNSC เพราะ UNSC มีข้อผูกมัดกับ180ประเทศทั่วโลกที่เป็นสมาชิก และยอมรับหาก UNSC มีการพิจารณาออกมา ตอนนี้การดำเนินการประเทศไทยจะทำอย่างไร หากมีการพิจารณาออกมา การใช้แนวทางการทูตของประเทศไทยในการแก้ไขปัญหาจะทำได้หรือไม่ ตรงนี้เป็นความท้าทายของเรา ที่เราจำเป็นต้องแสดงความเชื่อมั่นให้ประชาคมโลกเห็นว่าเรานำการทูตมาแก้ไขปัญหาได้จริงๆ ประเทศต่างๆจำเป็นต้องมีการวางแผนใช้การทูต สงครามไม่ใช่สิ่งที่ปราถนา สงครามเป็นสิ่งสุดท้ายที่จะต้องเกิดขึ้นในโลกใบนี้ สันติภาพที่ยั่งยืนต่างหากที่จำเป็น แต่เราจะทำอย่างไรให้สันติภาพนำหน้าภาวะสงคราม เราช้าจริงๆในด้านงานการต่างประเทศ เขาไปถึงตรงนั้นแล้ว เราอยู่ตรงไหน” นายกัณวีร์ กล่าว

นายกัณวีร์ กล่าวต่อว่า หลังจากเกิดเหตุที่วานนี้(23ก.ค.) ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดบาดเจ็บสาหัส โชคดีที่เราได้มีการดำเนินการตามงานการต่างประเทศแล้ว 4 จาก 6 มาตรการ ตามสนธิสัญญาเวียนนา ได้แก่ การประท้วง การเรียกทูตเข้าไปคุย การเรียกทูตไทยกลับมา และส่งทูตกัมพูชากลับไป เหลืออีกเพียง2มาตรการ ที่เราจำเป็นต้องทำ เราต้องเร่งกระบวนการพิจารณาให้ดีว่าจะตัดสัมพันธ์ทางการทูต จนไปถึงการปิดสัมพันธ์ระหว่างประเทศให้ได้ หากดำเนินการครบ 6 มาตรการตามสนธิสัญญาเวียนนา จะเป็นหลักประกันว่าเราได้ดำเนินการตามกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศให้ได้ ปัจจุบันกัมพูชาได้ผิดข้อตกลงว่าด้วยการเคารพทางกฎหมายระหว่างประเทศ ด้านมนุษยธรรมในภาวะสงคราม ขณะนี้คือภาวะสงครามที่เกิดขึ้น และกัมพูชาไม่เลือกเป้าหมายว่าเป็นพื้นที่เป้าหมายทางการทหาร แต่ไปเลือกพื้นที่พลเรือน ดังนั้น กระทรวงการต่างประเทศ ต้องทำงานให้มากกว่ากัมพูชา ต้องดึงประชาคมโลกมาเข้าข้างประเทศไทยให้ได้ จะมาบอกว่าเราใช้ F-16 เขาใช้แค่เครื่องยิงจรวด BM-21 ไม่ได้ เราต้องยึดมั่นว่ามีเป้าหมายทางด้านการทหารเพียงเท่านั้น

“การปฏิบัติการครั้งนี้ของกัมพูชา ทำให้กฎหมายระหว่างประเทศต่างๆโดยเฉพาะกฎหมายระหว่างประเทศทางด้านมนุษยธรรมมันแตกสลาย มันบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไม่ใช่แค่ไทย-กัมพูชาเท่านั้น แต่บั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในประชาคมโลก ผมจึงอยากเห็นแผนงานการต่างประเทศ ของรัฐบาลชุดนี้“ นายกัณวีร์ กล่าว


ด้านนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายชี้แจงเหตุผลในการเสนอญัตติว่า แผนอพยพประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ ปัญหาที่ต้องทำเฉพาะหน้าคือให้ประชาชนของไทยได้รับผลกระทบน้อยที่สุด นอกจากนั้นต้องพัฒนาประสิทธิภาพของการแจ้งเตือนไปยังประชาชนในสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงให้มีความพร้อม และมีประเด็นที่ไทยทำได้ คือ การเชิญทูตทหารลงพื้นที่เพื่อให้เห็นต่อการก้าวร้าวของกัมพูชา

“รักษาการนายกฯต้องยกหูถึงประธานอาเซียน รวมถึงประธานสภาฯ ต้องช่วยสื่อสารไปยังประธานอาเซียน คือ มาเลเซีย เพื่อให้มิตรประเทศเข้าใจสถานการณ์ไม่ตกหลุมพรางของกัมพูชาที่สร้างเรื่องว่าถูกรังแก นอกจากนั้นกระทรวงการต่างประเทศต้องเร่งยื่นเรื่องไปยังยูเอ็นเอสซี เพราะเป้าหมายของกัมพูชาคือ กลุ่มเปราะบาง โรงพยาบาล หากกัมพูชายื่นก่อนไทยอาจตกเป็นจำเลยของนานาชาติ ควรต้องทำให้นานาประเทศเห็นเหมือนที่ไทยเห็น” นายรังสิมันต์ อภิปราย

นายรังสิมันต์ อภิปรายต่อว่า ในการประชุมกมธ.ความมั่นคง มีข้อมูลว่า กัมพูชาตั้งฐานไว้ที่ปราสาทต่างๆ ที่ถูกขึ้นเป็นมรดกโลก ซึ่งหากกองทัพไทยดำเนินการใดที่มีผลกระทบ กัมพูชาจะใช้โอกาสพาไทยขึ้นศาลโลก แม้ว่าผลการตัดสินจะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม กัมพูชาปรารถนาอย่างเดียวคือ ลากไทยขึ้นสู่ศาลโลก

ทั้งนี้เมื่อเจ้าของญัตติทั้ง7ญัตติ ได้เสนอญัตติ พร้อมอภิปรายเหตุผลในเบื้องต้นครบถ้วนแล้ว จากนั้นได้เข้าสู่การประชุมลับ ในช่วงการอภิปรายสนับสนุนลงรายละเอียดของสมาชิก ตามที่วิปทั้ง2ฝ่ายได้ตกลงร่วมกันมาก่อนหน้านี้ โดยประธานที่ประชุม ได้ขอให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกนอกห้องประชุม และไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนมีการบันทึกภาพและเสียงในการประชุมลับครั้งนี้อีกด้วย.-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ พล.ท.บุญสิน เป็นทหารราชองครักษ์พิเศษ

กทม. 27 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายทหาร-นายตำรวจ เป็นราชองครักษ์พิเศษ 38 นาย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 อยู่ในลำดับที่ 20 เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ จำนวน 38 นาย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการถวายความปลอดภัย พ.ศ. 2560 มาตรา 6 มาตรา 7 และมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติราชองครักษ์ พุทธศักราช 2480 มาตรา 4 มาตรา 5 และมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัตินายตำรวจราชสำนัก พ.ศ. 2495 และข้อ 6 ของระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการแต่งตั้งราชองครักษ์ พ.ศ.2559 .-313.-สำนักข่าวไทย

ไฟไหม้ จยย. ลามวอดทั้งลานจอด

กทม. 27 ก.ย.-วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟไหม้รถจักรยานยนต์ที่ลานจอด ก่อนลุกลามระเบิดวอดรถจักรยานยนต์ 29 คัน รถยนต์ 3 คัน และจักรยาน 3 คัน วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟเริ่มลุกไหม้รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ด้านในสุด ก่อนจะลุกลามมาคันข้างๆ และระเบิด จนควันปกคลุมไปทั่ว แล้วไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว ทำให้รถจักรยายนต์ที่จอดอยู่เสียหายถึง 29 คัน รถยนต์ 2 คัน รถกระบะ 1 คัน และจักรยานอีก 3 คัน เหตุการณ์เกิดขึ้นเวลาประมาณ 01.40 น. เช้าวันนี้ (27 กย.68) ที่ลานจอดรถ ของพี.อาร์.เค แมนชั่น ใกล้ปากซอยสุขสวัสดิ์ 17 เเขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งเข้าช่วยเหลือฉีดน้ำสกัดท่ามกลางเปวดพลิงที่และกำลังลุกลามต่อเนื่องไปยังลานจอดรถยนต์ด้านในอาคาร โดยใช้เวลานานกว่า 20 นาที จึงควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ซึ่งรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่เสียหายทั้งหมด เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุ ต้องรอให้เจ้าหน้าส่วนเกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย

กัมพูชาเปิดฉากยิงป่วน 2 พื้นที่ ปราสาทตาควาย-ช่องบก

26 ก.ย. – กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยแล้ว 2 จุด บริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ และเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี เวลาประมาณ 16.40 น. รับแจ้งจากหน่วยทหารในพื้นที่ ระบุว่า บริเวณเนิน 350 พื้นที่ประสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ได้ยินเสียงระเบิด 1 ครั้ง และพื้นที่ “จุ๊บอั่งกุย” ได้ยินเสียงปืนเล็ก 5-6 นัด คาดว่าเป็นการก่อเหตุยั่วยุจากทางฝั่งกัมพูชา ล่าสุดเหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติ อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติมจากหน่วยทหารในพื้นที่ ขณะที่บริเวณเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยอมรับว่า ไทยถูกกัมพูชายิงระเบิดใส่จริง ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบ เก็บหลักฐานไปประท้วง พร้อมขอให้ประชาชนช่วยรักษาความลับราชการ ไม่เผยแพร่ภาพพิกัดยุทโธปกรณ์ของทหาร.-สำนักข่าวไทย

กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกช่วยงานประธานรัฐสภา

กทม 26 ก.ย.- กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกไปช่วยงานประธานรัฐสภา ชี้นโยบายชัด ปลัดอำเภอใหม่ต้องปฏิบัติงานในพื้นที่จริง เพื่อสั่งสมประสบการณ์ นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมการปกครอง ทำหนังที่ มท 302.13481 ถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เรื่องขอยืมตัวข้าราชการช่วยราชการ โดย อ้างถึง หนังสือสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ด่วนที่สุด ที่ สผ001.02/479 ลงวันที่ 25 กันยายน 2568 โดยมีรายละเอียดว่า ตามหนังสือที่อ้างถึง สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แจ้งว่า มีความประสงค์ขอยืมตัวข้าราชการสังกัดกรมการปกครองราย ร้อยตำรวจเอกหญิง อาทิติยา เบ็ญจะปัก ตำแหน่ง นักประชาสัมพันธ์ปฏิบัติการ ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมการปกครอง มาช่วยราชการที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในส่วนงานของประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย อีกหน้าที่หนึ่ง โดยไม่ขาดจากตำแหน่งหน้าที่เดิม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่1ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป นั้น กรมการปกครอง ขอเรียนว่า […]

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

น้ำปิงล้นตลิ่ง

ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เรียกประชุมด่วนทุกหน่วยงาน เตรียมรับมือน้ำ หลังน้ำปิงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

เชียงใหม่ 27 ก.ย. – ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เรียกประชุมทุกหน่วยงาน ติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมรับมืออุทกภัย หลังระดับน้ำปิงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดสูงถึง 4.15 เมตร ในคืนนี้ ประเมินเบื้องต้นยังสามารถบริหารจัดการได้ และสั่งทุกหน่วยเตรียมพร้อมเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง ค่ำวันนี้ (27 ก.ย. 68) ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ สำนักงานชลประทานที่ 1 (SWOC1) อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และนายศิวะ ธมิกานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เรียกประชุมด่วนทุกหน่วยงาน ติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมรับมือระดับน้ำในแม่น้ำปิงหลังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ตอนบนของจังหวัด ส่งผลให้ให้มวลน้ำจำนวนมากจะไหลลงมาผ่านตัวเมืองที่เป็นย่านเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงเวลา 22.00-24.00 น. คืนนี้ ชลประทานเชียงใหม่คาดการณ์ว่าระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจากเดิม 3.9 เมตร เป็น 4.0-4.15 เมตร และจะส่งผลให้น้ำปริ่มและเอ่อล้นตลิ่งเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการสถานการณ์ได้ เนื่องจากมีการเสริมคันกันน้ำทั้งสองฝั่งแม่น้ำปิง ซึ่งสามารถรองรับน้ำได้สูงถึง 4.2 เมตร สำหรับสถานการณ์ฝนในพื้นที่อำเภอต่างๆ โดยเฉพาะที่อำเภอแม่แตง ทางอำเภอได้รายงานว่าตลอดทั้งวันยังมีฝนตกในพื้นที่ […]

การรถไฟฯ แจ้งน้ำท่วมทำ “ทางรถไฟขาด” สั่งปรับแผนเดินรถ

27 ก.ย. – การรถไฟแห่งประเทศไทย ประกาศแจ้งเหตุน้ำท่วมหนัก “ทางรถไฟขาด” ที่บ้านเหลื่อม จ.นครราชสีมา สั่งปรับแผนเดินรถ ขณะนี้ได้สั่งการและดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ พร้อมปรับแผนการเดินรถเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร ดังนี้ 1.ขบวนรถด่วนที่ 75/76 กรุงเทพอภิวัฒน์ – หนองคาย – กรุงเทพอภิวัฒน์2.ขบวนรถสินค้าที่ 553 มาบตาพุด – บัวใหญ่3.ขบวนรถสินค้าที่ 532 สำราญ – บางละมุงให้เปลี่ยนการเดินขบวนรถในเส้นทางชุมทางแก่งคอย – นครราชสีมา – ชุมทางบัวใหญ่ – หนองคาย 4.ขบวนรถท้องถิ่นที่ 439 ชุมทางแก่งคอย – ชุมทางบัวใหญ่ เดินถึงสถานีบ้านเหลื่อม5.ขบวนรถท้องถิ่นที่ 434 ชุมทางบัวใหญ่ – ชุมทางแก่งคอยรอสถานการณ์น้ำที่สถานีชุมทางบัวใหญ่ จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่สามารถประมาณการเวลาในการเปิดทางได้ เนื่องจากระดับน้ำยังคงท่วมสูงและยังไม่มีแนวโน้มลดลง ทั้งนี้ การรถไฟฯ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจะแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมให้ทราบ เมื่อมีความคืบหน้าในการเปิดเส้นทางเดินรถ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้.-513-สำนักข่าวไทย

กองทัพภาคที่ 2 ซัดเขมรใช้แผนยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่า

อุบลราชธานี 27 ก.ย.-กองทัพภาคที่2 ซัดเขมรใช้แผนยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่า ย้ำรู้ทันแผนโฆษณาชวนเชื่อต่อนานาชาติ เมื่อเวลา 14.40 น. วันที่ 27 ก.ย. 68 ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 27 ก.ย. ณ เวลา 14.00 น. ว่าสถานการณ์โดยรวมเมื่อเวลา 12.02 น. ฝ่ายกัมพูชาได้พยายามสร้างสถานการณ์ความตึงเครียด ขึ้นอีกครั้งบริเวณพื้นที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี โดยใช้อาวุธสงครามยิงเข้ามายังพื้นที่ ของฝ่ายไทยจากบริเวณเนิน 677 มายังเนิน 600 และ เนิน 527 พร้อมทั้งใช้อาวุธปืนเล็กยิงปะทะเป็นระยะ ก่อนที่สถานการณ์จะยุติลง ทั้งนี้ การปะทะจำกัดวงอยู่เฉพาะบริเวณดังกล่าว แต่ทั้งสองฝ่ายยังคงตรึงกำลังควบคุมพื้นที่อย่างใกล้ชิด ต่อมาในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ฝ่ายไทยได้รับแจ้งจากกัมพูชา ว่า คณะสังเกตการณ์ระหว่างประเทศ (IOT) ของกัมพูชา จะเดินทางเข้าพื้นที่ช่องอานม้า กองทัพภาคที่ 2 ประเมินว่าเป็นความพยายามของกัมพูชา ในการสร้างเงื่อนไขและยั่วยุให้เกิดสถานการณ์ เพื่อให้สอดคล้องกับช่วงเวลาที่คณะ IOT […]