fbpx

งดสอบสวนหลัง “ทนายสมชาย” หายไป 14 ปี

กทม. 12 มี.ค.-วันนี้ครบ 14 ปี การหายไปของทนายสมชาย นีละไพจิตร ซึ่งการดำเนินคดีดีเอสไอได้เเจ้งงดการสอบสวนเเล้ว ขณะที่ความคืบหน้าร่าง พ.ร.บ.ป้องกันเเละปราบปรามการทรมานเเละการกระทำให้บุคคลสูญหาย ยังอยู่ระหว่างการปรับเเก้


ดอกไม้สีขาวที่นางอังคณา นีละไพจิตร เเละบุตรสาว บรรจงตั้งข้างภาพวาดนายสมชาย นีละไพจิตร ซึ่งตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ข้างถนน เพื่อรำลึกถึงการหายตัวไปหลังไม่ทราบชะตากรรม ไม่มีแม้ม้หลุมฝังศพให้รำลึก หวังให้ผู้พบเห็นได้ทบทวนถึงความยุติธรรมของประเทศ

ย้อนไป 14 ปีก่อน สองทุ่มของวันที่ 12 มีนาคม 2547 ริมถนนรามคำเเหง ทนายสมชายถูกอุ้มหายไป จนมาล่าสุดกลางปีที่แล้ว ดีเอสไอถามครอบครัวจะให้สอบใครเพิ่มเติมหรือไม่ ทั้งที่ไม่เคยเปิดเผยสำนวนคดี ซึ่งนางอังคณาย้ำว่าสิ่งสำคัญที่สุดในการคลี่คลายคดีอาชญากรรมด้วยเจ้าหน้าที่รัฐคือรัฐบาลต้องมีเจตนาไม่ปกป้องผู้กระทำความผิด


ความคืบหน้าร่าง พ.ร.บ.ป้องกันเเละปราบปรามการทรมานเเละการกระทำให้บุคคลสูญหาย หลังสภานิติบัญญัติไม่รับรอง กรมคุ้มครองสิทธิฯ นำมาปรับเเก้ ขณะนี้ร่างเสร็จเเล้ว อยู่ในกระบวนการรับฟังความเห็น ข้อดีของร่างคือให้อำนาจดีเอสไอสอบสวนคดีเเทนพนักงานสอบสวน เเละคดีอยู่ภายใต้ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบ ส่วนความกังวลคือคำนิยามไม่ชัดเจน เช่น คำว่าทรมานอย่างร้ายเเรง มาตรา 30 ถ้ากรณีอุ้มหายให้เอาผิดผู้บังคับบัญชาได้ เเต่ถ้าทรมานเอาผิดไม่ได้ ตัดเรื่องการห้ามส่งตัวต่างเเดนเเละข้ออ้างการทรมาน ซึ่งอาจเป็นช่องโหว่ทางกฎหมายได้

ด้านทนายความสะท้อนว่าเมื่อมีการอุ้มหายหรือซ้อมทรมานเกิดขึ้น หากญาติไปร้องเรียนก็อาจถูกดำเนินคดีเเจ้งความเท็จหรือหมิ่นประมาทเจ้าพนักงาน การต่อสู้เป็นไปได้ยาก มีกรรมวิธีทรมานหลายรูปแบบ หลายคดีสรุปเจ้าหน้าที่ไม่ผิด เพราะไม่มีหลักฐาน มองว่าบทบัญญัติในกฎหมายไม่ครอบคลุม จึงเป็นหน้าที่คณะกรรมการร่างฯ แนะเพิ่มสัดส่วนคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อแก้ปัญหาตรงจุด

หลังการรับฟังความคิดเห็นร่าง พ.ร.บ.กรมคุ้มครองสิทธิจะรวบรวมข้อเสนอแนะ ก่อนส่งคณะรัฐมนตรีพิจารณาได้ราวเดือนพฤษภาคม ซึ่งเหยื่อและญาติผู้เสียหายที่ถูกอุ้มหายและทรมานเกือบ 300 คน ยังกำลังรอฟังคำตอบจากกระบวนยุติธรรมของประเทศ .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลุยเชียงใหม่ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง ฟื้นฟูหลังน้ำลด

“อนุทิน” ลงพื้นที่เชียงใหม่ ร่วมทีม จนท.-กู้ภัย-อาสาสมัคร “บิ๊กคลีนนิ่ง” ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำลด เร่งจ่ายเยียวยาผู้ประสบภัย