ดีเอสไอ เตรียมออกหมายเรียกผู้ต้องหาลอตแรก คดีฮั้ว สว.

ดีเอสไอ 17 ก.ค.- ดีเอสไอ เตรียมออกหมายเรียกผู้ต้องหาคดีอั้งยี่-ฟอกเงินลอตแรก คาดมากถึง 100 ราย พฤติการณ์ชัด รับเงินก้อนใหญ่ในห้วงเลือกตั้ง


พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวภายหลังประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษที่ 24/2568 กรณีความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่เกี่ยวกับการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) รวมถึงผู้ที่เป็นสมาชิกอั้งยี่และผู้สนับสนุน หรือคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน สว. ว่า วันนี้เป็นการประชุมร่วมของคณะพนักงานสอบสวน และได้เชิญนายวิทยา นีติธรรม ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง. ในฐานะผู้แทนสำนักงาน ปปง. ประชุมร่วมกับพนักงานอัยการสำนักงานการสอบสวน ติดตามความคืบหน้าเรื่องการสอบสวนพยาน รวมทั้งสอบถามในส่วนของข้อกฎหมายการฟอกเงินซึ่งได้รับความมั่นใจจาก ปปง. ว่ากรณีดังกล่าว พฤติกรรมของการเตรียมเงินและจ่ายเงินให้กับหัวคะแนนหรือโหวตเตอร์ที่ไปสนับสนุนการกระทำความผิดในครั้งนี้ จะถือเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามนิยามของกฎหมาย ปปง. หรือไม่ ซึ่งเราก็ได้ความชัดเจนตรงนี้ นอกจากนี้ในการสอบถามเรื่องการรวบรวมพยานหลักฐาน พบว่ามีการจ่ายเงินในหลายพื้นที่ และการสอบสวนเท่าที่ได้รับฟังก็พบความชัดเจนมากขึ้น รับฟังได้ว่ามีมูลในการกระทำความผิดตามที่มีการกล่าวหาเกิดขึ้น ทั้งอั้งยี่และการฟอกเงิน รวมถึงที่ประชุมมีการกำหนดสอบพยานอีกส่วนหนึ่ง เพื่อที่จะพิจารณาเรียกผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหาในโอกาสต่อไป ทั้งนี้ การสอบสวนในตอนนี้มีความคืบหน้าแล้ว 60-70%

สำหรับการสอบปากคำพยานในคดีอั้งยี่-ฟอกเงินที่ผ่านมา รวมแล้ว 90 ปาก โดย 90 ปากนี้มีทั้งกลุ่มที่เข้าไปรู้เห็นการวางแผน การทำหน้าที่ต่าง ๆ โดยเป็นการรู้เห็นด้วยตนเอง และพยานหลักฐานเกี่ยวกับการเงินด้วย โดยผลการให้ปากคำในส่วนของผู้ที่มีเส้นทางการเงินเกี่ยวข้อง มีประมาณ 7-8 ราย แต่เราดูหลักฐานการเดินบัญชี (Statement) เป็นหลัก ว่าการโอนและรับโอนเงินนั้น ส่วนใหญ่พยานจะอ้างว่าเป็นการโอนเงินตามมูลหนี้ แต่ก็ต้องมาชั่งน้ำหนักอีกทีว่ารับฟังได้มากน้อยแค่ไหน ดังนั้น สำหรับพยานในลอตถัดไป จะมีพฤติการณ์ไม่เหมือนกับ 90 รายแรกที่สอบสวนไป โดยมีพฤติกรรมจากเส้นทางการเงิน ซึ่งเราจะพิสูจน์ว่าบรรดาผู้ช่วยหรือผู้เชี่ยวชาญหรือที่ปรึกษาประจำตัว สว. ที่มีการแต่งตั้งมีที่มาอย่างไร เพราะทราบว่ามีเงินบางส่วนได้ถูกโอนกลับไปที่คณะบุคคลบางกลุ่ม ก็ต้องติดตามตรวจสอบต่อไป


เมื่อถามว่ามีรายชื่อ สส.ที่จะต้องเข้าให้ปากคำในฐานะพยานบ้างหรือไม่นั้น พ.ต.ต.ยุทธนา เผยว่า ไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่มีทุกกลุ่มแน่นอน ซึ่งหมายเรียกพยานนั้น เมื่อหมดลอตถัดไป ก็จะพิจารณาเรื่องหมายเรียกผู้ต้องหา

พ.ต.ต.ยุทธนา เผยต่อว่า ประมาณ 1 เดือน จะเห็นความคืบหน้าที่ชัดเจนมากขึ้น หรืออาจเป็นขั้นตอนเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาเลยก็ได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับการได้มาของพยานหลักฐาน โดยการฟอกเงิน พฤติกรรมคือการรับโอนเงินและทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด ส่วนอั้งยี่ คือ การเป็นคณะบุคคลหรือจัดตั้งเป็นคณะบุคคล ปกปิดวิธีดำเนินการ เพื่อไปกระทำการโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งตอนนี้มันก็ชัดแล้วว่ามีการจัดตั้งคณะขึ้นมาและแบ่งหน้าที่กันทำ

ส่วนการฮั้วนั้น พฤติกรรมแวดล้อมจะบ่งบอก อย่างช่วงเลือกตั้งบางทีไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมีการรับโอนเงินเงินก้อนใหญ่ หรือเงินกระจายไปยังบุคคลอื่นหลาย 10 เส้น และบุคคลเหล่านั้นก็ไปสมัครสมาชิกวุฒิสภาในช่วงนั้น แล้วก็มีการเลือกคนที่อยู่ในโพย ซึ่งมันก็มีความโยงใยกัน จึงยืนยันว่าเราไม่ได้ดูแค่พยานหลักฐานเรื่องเส้นทางการเงินเพียงอย่างเดียว และตอนนี้ทราบว่าเส้นทางการเงินกระจายมากกว่า 30 จังหวัด ทุกภาค


พ.ต.ต.ยุทธนา เผยด้วยว่า สำหรับคดีฮั้ว สว.ที่รับผิดชอบโดยคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน กับคดีอาญาอั้งยี่-ฟอกเงิน ที่รับผิดชอบโดยดีเอสไอนั้น โดยหลักการแล้วจะไม่ยึดโยงกัน แต่ว่าสนับสนุนเอื้อซึ่งกันและกัน ฉะนั้น ไม่ได้หมายความว่าหากบุคคลใดโดนดำเนินคดีในส่วนของ กกต. แล้วจะต้องถูกดำเนินคดีอั้งยี่-ฟอกเงินด้วย ไม่จำเป็น มันขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน โดยดีเอสไอเองอาจจะขอพยานหลักฐานหรือความเห็นในส่วนของ กกต. มาประกอบสำนวนด้วยได้

พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า ตนจะไม่ขอตอบในส่วนของการดำเนินการของคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน เพราะมันเป็นส่วนของ กกต. แม้ดีเอสไอส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมก็ตาม แต่ก็เป็นอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานอื่น ซึ่งมาตราฐานความผิดใด ก็ต้องเป็นอำนาจของคณะอนุกรรมการฯ

เมื่อถามจำนวนเป้าหมายผู้ที่เข้าข่ายกระทำความผิด อธิบดีดีเอสไอ ระบุว่า รวม ๆ แล้วของดีเอสไอ และ กกต. อาจมีอย่างน้อยประมาณหลักร้อยคน แต่ก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน เนื่องจากการสอบสวนเอาผิดใคร มันไม่สามารถระบุเจาะจงจำนวนได้ แต่ดูตามพยานหลักฐานว่าเชื่อมโยงถึงใครที่เกี่ยวข้องบ้าง จึงจะมีการพิจารณาว่าบุคคลใดร่วมกันกระทำความผิดความ เป็นตัวการ ผู้ใช้ หรือผู้สนับสนุน แต่ถ้ามองคร่าว ๆ ตอบได้ว่ามีหลักร้อยคน

ต่อข้อถามว่าจากการดูเรื่องเส้นทางการเงิน พบว่ามีความเชื่อมโยงไปยังนักการเมืองท้องถิ่นกับขบวนการจัดฮั้วบ้างหรือไม่ อธิบดีดีเอสไอ ระบุว่า ยอมรับว่ามี แต่ขอสงวนเรื่องรายละเอียดไว้ก่อน ส่วนเชื่อมโยงถึงระดับกรรมการบริหารพรรคการเมืองหรือไม่นั้น ยืนยันว่าเงินตอนนี้ยังไม่ถึงขนาดนั้น แต่พบว่าเชื่อมโยงถึงกลุ่มคนใกล้ชิดของกรรมการบริหารพรรค

เมื่อถามถึงกรณีที่ กกต. ยกคำร้อง 206 ผู้สมัคร สว. ระดับอำเภอ จ.อำนาจเจริญ เนื่องจากไม่พบเส้นเงินจ้างลงสมัคร อธิบดีดีเอสไอชี้แจงว่า ในส่วนของ กกต. ตนไม่อยากพูด เพราะไม่ได้ไปรู้เห็นในเรื่องดังกล่าว แต่ถามว่ามันจะเกี่ยวกันหรือไม่ มันไม่เกี่ยวกัน เป็นคนละเหตุการณ์คนละส่วน และพยานหลักฐานก็คนละชุดกัน เหตุการณ์ก็คนละเหตุการณ์ แม้ว่าผู้ถูกกล่าวหาจะเป็นคนเดียวกันก็ตาม แต่มันไม่ใช่เรื่องเดียวกัน ทั้งนี้ จะดำเนินการสอบสวนคดีอั้งยี่-ฟอกเงิน อย่างเร็วที่สุด ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ว่าจะทำสำนวนตีคู่ขนานไปกับคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน แต่ขอย้ำว่าการดูเรื่องเส้นทางการเงิน ก็ต้องดูว่ามีความสมบูรณ์หรือไม่ และพยานหลักฐานในส่วนขององค์ประกอบอั้งยี่ จะต้องมีการสอบสวนปากคำใครเพิ่มเติม หรือต้องไปดูเอกสารใดบ้าง อีกทั้งในส่วนของความผิดฐานฟอกเงิน เราจะตัดกรอบแค่ไหน เพราะการโอนเงินมันกระจายเป็นกลุ่มจังหวัด เราจะพิจารณาอย่างไร อย่างไรก็ตาม เป็นไปได้ที่ดีเอสไอจะกันพยานไว้ หากพยานคนนั้นอยู่ในเงื่อนไขที่ไม่ใช่บุคคลสำคัญ และยังให้การเป็นประโยชน์ และมั่นใจได้ว่าพยานรายนั้นจะสามารถเบิกความเป็นประโยชน์ต่อคดี จนเอาผิดถึงตัวการสำคัญได้ ส่วนหลังจากนี้เราจะโฟกัสเรื่องพยานหลักฐาน โดยเราจะเน้นการสอบสวนให้เห็นว่าการกระทำความผิดตามข้อกล่าวหาเกิดขึ้นแล้ว แต่ใครที่จะต้องรับผิดในส่วนใดบ้างก็ต้องพิจารณาเป็นรายไป

เมื่อถามถึงฐานความผิดต่าง ๆ ใน พ.ร.ป.สว.61 และมาตรา 113 ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ที่มีการดำเนินคดีนั้น กกต. จะมีการแยกสำนวนอย่างไร เพราะ พ.ร.ป.สว.61 ตามหลักการต้องส่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ขณะที่มาตรา 113 แห่ง รธน.60 จะต้องให้ กกต. ส่งศาลรัฐธรรมนูญนั้น พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะเป็น 1 ใน 7 คณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน กล่าวว่า มาตราความผิดใดเกี่ยวกับกฎหมายการเลือกตั้งก็เป็นอำนาจของ กกต. ที่จะพิจารณา แต่ในทางปฏิบัติ ทาง กกต. อาจต้องมีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาอีกชุดเพื่อพิจารณา ทั้งนี้ ทราบว่าสำนวนการไต่สวนของคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 จะดำเนินการเสร็จภายในวันนี้ ส่วนจำนวนผู้ถูกดำเนินคดียังไม่เรียบร้อยเท่าไร รอทางประธานคณะกรรมการ กกต. อาจจะมีการแถลง

ด้าน นายวิทยา นีติธรรม ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง. กล่าวว่า วันนี้ทางดีเอสไอ เชิญ ปปง. มาให้ความเห็นทางคดีเกี่ยวกับความผิดมูลฐานฟอกเงิน และเกี่ยวข้องกับทรัพย์สิน แบ่งเป็น 1.ทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิด 2.ทรัพย์สินที่ช่วยสนับสนุนการกระทำความผิด และ 3.บุคคลที่เกี่ยวข้องกับตัวทรัพย์สิน เป็นเรื่องของคดีอาญาฟอกเงิน ฉะนั้น เมื่อถึงวันที่ดีเอสไอ ต้องดำเนินคดีฐาน “อั้งยี่-ฟอกเงิน” กับบุคคลใด ปปง. จะเข้ามาตรวจสอบเรื่องการสืบทรัพย์สินเพื่อออกคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์ชั่วคราวนั้น ก็เป็นเรื่องที่ต้องหารือกัน เพราะ ปปง. เข้ามาดูจะต้องมีความชัดเจน และประชาชนก็ให้ความสำคัญ ส่วนการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความผิดในขณะนี้ ยังให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย สามารถเข้ามาชี้แจงได้ สำหรับเส้นทางการเงินเชื่อมโยงบุคคลจำนวนมากที่เกี่ยวข้อง แต่มูลค่ายังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากต้องมีความชัดเจนตามพยานหลักฐาน.-119-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมาก

กทม. 19 ก.ค.-กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก คลื่นลมทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศฉบับที่ 5 เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณประเทศไทย คลื่นลมแรงบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 19-24 กรกฎาคม 2568) ประเทศไทยจะมีฝนตกหนักหลายพื้นที่และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนบน ประเทศลาวตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มจังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักถึงหนักมากมีดังนี้ วันที่ 19 กรกฎาคม 2568ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดหนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานีภาคกลาง: จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี และสระบุรีภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี และตราดภาคใต้: จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี […]

รวบแล้ว “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง

กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – สืบนครบาลจับ “เสือปุ่น” หัวหน้าแก๊งปล้นเงิน 3.4 ล้าน กลางห้างดัง พร้อมสมุน หลังหนีซุกบ้านเช่าย่านลำลูกกา จ.ปทุมธานี เร่งล่าอีก 1 ยังหลบหนี กรณีคนร้าย 7 คน แก๊งเสือปุ่น ใช้อาวุธปืนและมีด ก่อเหตุปล้นเงินสด 3.4 ล้านบาท จากผู้มาซื้อคริปโตฯ เหตุเกิดที่ลานจอดรถชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง เมื่อคืนวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผบก.สส.บช.น.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น.) และตำรวจ บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุม นายวรวัฒน์ หรือ เสือปุ่น อายุ 43 ปี […]

เดินหน้าเอาผิดหญิงกัมพูชาชี้หน้าด่าไล่ทหารไทย

18 ก.ค. – ปกติคดีทำร้ายร่างกายและจิตใจ ไม่ใช่คดีใหญ่ แต่เมื่อเป็นคู่กรณีไทย-กัมพูชา ในสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดน จึงกลายเป็นคดีระดับประเทศที่ผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญ และดำเนินการอย่างรัดกุม ทั้งคดีอดีตทหารพรานทำร้ายร่างกายทหารกัมพูชา และคดีหญิงกัมพูชา ชี้หน้าด่าไล่ทหารไทยบริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์.-สำนักข่าวไทย

ไทยเตรียมประท้วง UN หากทุ่นระเบิดเป็นของใหม่

18 ก.ค. – แม่ทัพภาค 2 ลั่นรอผลตรวจสอบกับระเบิดทำทหารไทยขาขาด หากเป็นของใหม่ จะเสนอประท้วงไปยังยูเอ็น ขอให้มีมาตรการคว่ำบาตรกัมพูชา ทำผิดอนุสัญญาออตตาวา กรณีทหารเหยียบกับระเบิด บนเนินช่องบก จ.อุบลราชธานี คาดว่าไม่เกิน 2 วัน จะชัดเจนว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่หรือของเก่า แต่มีคำยืนยันว่าไทยไม่เพิกเฉยเรื่องนี้แน่นอน พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 บอกว่า หากผลพิสูจน์ชัดเจนว่า ทุ่นระเบิดเป็นของใหม่ จะใช้กลไกกองทัพบกประสานต่อกระทรวงต่างประเทศ ให้ยื่นประท้วงกัมพูชาต่อองค์การสหประชาชาติ เพื่อดำเนินการคว่ำบาตรกัมพูชา ตามสนธิสัญญาออตตาวา ห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งไทยและกัมพูชาก็เป็นสมาชิกที่มีเกือบ 200 ประเทศทั่วโลก ส่วนมาตรการตอบโต้อย่างอื่น ยังบอกไม่ได้ สำหรับบริเวณช่องบก จุดเกิดเหตุระเบิดจนทำให้กำลังพลบาดเจ็บ 3 นาย จุดนั้น เป็นพื้นที่สู้รบเก่าที่สามารถพบทุ่นระเบิดเก่าได้ ซึ่งวันนี้ ทางชุดเก็บกู้ทุ่นระเบิดแห่งชาติ ที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านกับระเบิดซึ่งทั่วโลกยอมรับ ได้ลงพื้นที่พิสูจน์ มีแนวโน้มเป็นไปได้ทั้งนำมาวางไว้ก่อน หรือหลังเหตุปะทะที่ช่องบก เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา ส่วนในพื้นที่ ได้กำชับกำลังพลทุกนายให้เฝ้าระวังมากยิ่งขึ้น แม่ทัพภาคที่ 2 ยังพูดถึงประเด็นดราม่า […]